สามหมื่นคน-สี่หมื่นล้านบาท แห่งพลังดูด กับ
๓๕๐ ล้าน ประชาชนช่วยกันระดมทุนพรรค และชูสามนิ้วเรียกหาประชาธิปไตย อันไหนกันแน่เป็น
‘ครรลองการเมือง’ ที่ควร
เมื่อวาน (๒๗ เมษา) พล.อ.ประยุทธ์
จันทร์โอชา บ้วนภาษาไทยออกมาในรายการศาสตร์พระราชาว่า การ ‘ดูด’ ส.ส.จากพรรคอื่นมาเป็นเสียงสนับสนุนตน
นั้นมีความเป็นมายาวนานแล้ว
“เป็นครรลองประชาธิปไตยของไทยตลอดมา” ไม่ใช่แค่
คสช. “หากมีเป้าหมายร่วมกันในการสร้างความเจริญก้าวหน้าให้แก่ประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญเช่นเดียวกันแล้ว
ก็น่าจะช่วยกันทำงานได้นะ”
งานที่ประยุทธ์พูดถึงนี่ก็คือการรวบบ้านครองเมืองต่ออีกอย่างน้อยหนึ่งสมัยสี่ปี
หลังจากที่อยู่ไปจนครบห้าปี และพวกที่ถูกดูดนอกจากนามสกุล ‘คุณปลื้ม’ แล้วน่าจะมีก๊วน ‘ชิดชอบ’
กับก๊ก ‘เทพสุทิน’ และอีกบางยี่ห้อ
ตามมา
สองวันก่อนรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
เจ้าพ่อบุรีรัมย์ คุยเรื่องจัดชาวบ้านสามหมื่นคนไปต้องรับประยุทธ์เดินสายหาเสียง
ครม.สัญจรว่า “ยังน้อยไปด้วยซ้ำ ดีไม่ดีอาจเกินกว่านั้น...เพราะสถานะของคุณเนวิน
ชิดชอบ หรือของนักการเมืองในบุรีรัมย์ เราคือตัวแทนของประชาชนอยู่แล้ว”
จังหวะปะเหมาะพอดี เสาร์-อาทิตย์นี้เป็นสองวันก่อนจะสุดท้าย
หมดเวลายืนยันการเป็นสมาชิกพรรคการเมือง (เก่า) ในวันที่ ๓๐ เมษา
ซึ่งพรรคเพื่อไทยที่เคยเป็นเสียงข้างมากตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา
เปิดให้สมาชิกไปลงทะเบียนได้ทั้งวัน (๙ ถึง ๕)
ก็เป็นข่าวขึ้นมาว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน
แกนนำนักการเมืองกลุ่ม ‘วังน้ำยม’ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยจะไม่ยืนยันการเป็นสมาชิก จะด้วยเหตุผลใดแหล่งข่าวไม่แจ้ง
แต่ก็ลือกันลั่นจนปรากฏบนหน้าหนังสือพิมพ์บ้างแล้วว่า
นี่เป็นอีกหนึ่งก๊วนที่จะไปตามพลังดูด รวมทั้งตระกูลสะสมทรัพย์อีกก๊กหนึ่งด้วย
สำหรับพลังดูดที่ว่านั้นเห็นจะไม่มีใครให้เบาะแสได้ดีเท่า
อดีตคนนับถือกันของ คสช. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จำต้องออกมา ‘ปูด’ หลังจากถูกนักเขียนแค้นหุ่นทุนสามานย์อย่าง
เปลว สีเงิน แซะแรงๆ ว่า “แสดงความเห็นเป็นศัตรูกับคสช.
วิจารณ์คสช.โดยไม่ได้อยู่บนหลักเหตุผลที่เป็นจริง”
น้องม้าร์ค “กล่าวถึงกรณี
ครม.สัญจรที่กลุ่มจังหวัดอีสานใต้ ท่ามกลางกระแสดูดนักการเมืองเข้าร่วมรัฐบาล
คสช.ว่า รัฐบาลทำระบบสัญจรมานานแล้ว ไม่ได้เพิ่งทำ” และ “ที่มีการระบุมีการระดมทุนถึง
๔ หมื่นล้าน เพื่อใช้ในการตั้งพรรคเพื่อสนับสนุนทหาร
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าตนไม่ทราบ
ต้องไปถามคนที่พูดเรื่องนี้ ตนทราบเพียงว่า ได้รับคำยืนยันว่ามีคนในรัฐบาล
มีความพยายามจะสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มทุนเข้ามาสนับสนุนพรรคการเมือง...
ส่วนคนที่ทำอะไรโดยไม่อายก็มักจะได้เปรียบเป็นธรรมดา
จึงขอเรียกร้องให้มีการแข่งขันกันอย่างเสมอภาค
แล้วประชาชนจะเป็นผู้ให้คำตอบในผลการเลือกตั้ง และเมื่อผลการเลือกตั้งออกมาก็ควรที่จะเคารพเจตนารมณ์ของประชาชน”
ตอนท้ายนี่มีหลายคนฉงนสนเท่ห์ว่า ฮ้า
ออกมาจากปากหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้ไง ผิดครรลองการเมืองแบบไทยๆ หมด กระนั้นเขายังไม่วายน้อมรับวาทกรรม
คสช. ว่า
“ผมตระหนักถึงสถานการณ์บ้านเมืองในยามไม่ปกติดีและไม่เคยแสดงความเห็นแบบเป็นศัตรูกับรัฐบาลหรือใคร
แต่อยู่บนพื้นฐานของเหตุผล หลักการความถูกต้องของบ้านเมืองทั้งสิ้น” แต่ก็ยังอ้างว่าจะปฏิรูปพรรคให้เข้าสู่ยุคใหม่จนได้
แม้นว่าจะมีพรรคยุคใหม่เกิดขึ้นแล้วโดยสองคนหนุ่มกับอีกหลายคนรุ่นใหม่
ประกาศให้ประชาชนที่ศรัทธาต่อแนวทางการเปลี่ยนแปลง และสมาชิกซึ่งปาวารณาตัว “ไม่ทำการเมืองแบบเก่า”
ร่วมกันระดมทุนดำเนินงานและสนับสนุนการส่งสมัครรับเลือกตั้ง ให้ได้ราว ๓๕๐ ล้านบาท
“นี่คือจุดเริ่มต้นแห่งการระดมทุนผ่านนวัตกรรมใหม่อย่างที่เรียกว่า
‘Crowd Funding’ ที่ประชาชนมีส่วนร่วมทุกระดับและดำเนินการอย่างเปิดเผย
โปร่งใส” เป็นคำประกาศล่าสุดจาก ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และปิยบุตร แสงกนกกุล
สองผู้ร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่
ทว่าข้อเรียกร้องของคน (ที่เคย) กันเองกับ คสช.
จะหาความแฟร์ได้แค่ไหน ยากที่จะไว้วางใจได้ ในเมื่อการกระทำที่เป็นมาและเป็นอยู่
ล้วนตรงข้ามทั้งสิ้น ดังเห็นจากกรณีที่อัยการเพิ่งสั่งฟ้องนายรังสิมันต์ โรม คดี ‘อาร์ดีเอ็น
๕๐’ ในข้อหาก่อความวุ่นวายตามความผิดมาตรา ๑๑๖ และขัดคำสั่ง
คสช. ที่ ๓/๒๕๕๘ ทำการชุมนุมเกิน ๕ คนนั้น
คำฟ้องอ้างว่าเขา “ร่วมกันปราศรัยโจมตีการทำงานของพลเอกประยุทธ์
จันทร์โอชา ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณ
ซึ่งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี คณะรัฐบาล คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)...
พร้อมกับการชูนิ้วสามนิ้ว
(นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง) บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และถนนราชดำเนิน
อันเป็นสัญลักษณ์ในทางการเมืองต่อต้านรัฐบาลที่บริหารประเทศอยู่ในขณะนั้น”
โดยอ้างว่า “เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร
และเพื่อให้ประชาชนที่พบเห็นเข้าใจว่ารัฐบาลและทหารจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน
ซึ่งก่อให้เกิดภาพลักษณ์ในเชิงลบกับรัฐบาล”
‘ภาพลักษณ์ในเชิงลบ’
อันเกิดจากการชูสามนิ้วเพื่อเรียกหาประชาธิปไตยและการเลือกตั้งโดยไวนี่นะ
ต้องหาร้ายแรง ม.๑๑๖ ว่าเป็นภัยต่อประเทศชาติ ต่อความมั่นคง เชียวหรือ