วันศุกร์, เมษายน 20, 2561

'มอลลี่' นี่ไม่เลว จวกเพื่อไทยไปกระแทก 'ประยุทธ์โอชา' หนักกว่า

เป็นธรรมดาที่ แนวหน้าเอาไปเย้ยหยัน พิชัย นริพทะพันธุ์ เมื่อ แจ็ค หม่า พาคณะ อาลีบาบา ไปเยี่ยมคำนับบิ๊กตูบถึงทำเนียบรัฐบาล (พิชัยเคยพูดไว้ คนละเรื่องเดียวกันว่าคุณหม่าไม่มีทางเยือนไทย)

แต่ ไม่ธรรมดา เมื่อประยุทธ์ จันทร์โอชา พูดถึงการเยือนของแจ็ค หม่า เหมือนราชทูตฝรั่งเศสเข้าเฝ้าถวายสารตราตั้งต่อสมเด็จพระนารายณ์ ลองอ่านระหว่างบรรทัด ‘between the lines’ ที่มติชนออนไลน์รายงานคำพูดของประยุทธ์ดูจะรู้

เขา “ไม่ได้มุ่งหวังเรื่องของเศรษฐกิจ เพราะเขามีเพียงพอแล้ว” แต่ “มุ่งหวังที่จะมาช่วยผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกรรายย่อย...ซึ่งตน ฝากให้เขาช่วยดูแลเรื่องการขายปาล์ม ข้าว และยางพาราของไทยซึ่งสิ่งเหล่านี้ยังมีปัญหาอยู่”

‘Catch words’ กุญแจไขปริศนาอยู่ตรงนี้ “ส่วนจะต้องใช้เงินลงทุนทั้งหมดเท่าไหร่นั้น ก็เป็นเรื่องของคณะทำงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ดำเนินการ” ไม่ว่าจะเป็นลงทุน ดิจิทัลฮับ ในพื้นที่อีอีซี หรือสร้างศูนย์อีคอมเมิร์ช เอสเอ็มอี ไม่ใช่รวยแล้วเที่ยวมาทำทานในเอเซียอาคเนย์แน่นอน

หากจะเป็นเช่น กวีประชาไท ว่าไว้หรือไม่ต้องรอดู “...จีนประเทศเขานั้นใหญ่มาก หากินลำบากจึงมาแผ่กิ่งก้านใบ ไทยน่ะโง่จะตายหม้อข้าวใหญ่ หยิบยื่นให้สักนิดก็ดิ้นตาย...”

 
ดูที่ฝ่ายอาลีบาบาพูดบ้าง “บริษัทมั่นใจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเป็นอย่างมาก...ในตอนท้าย หม่า ได้กล่าวขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้ความมั่นใจในการเข้ามาร่วมลงทุนกับกลุ่มบริษัทอาลีบาบา”


จึงเป็นการตัดสินใจยอมมาลงทุนในไทย หลังจากที่ผ่านไปผ่านมาสองครั้งสองครา ไปเวียตนามแล้วไปมาเลย์ คราวนี้มาลงไทยได้ น่าจะมี ‘incentives’ ปัจจัยเอื้ออำนวยอะไรบางอย่างให้ เป็นธรรมดาอีกน่ะแหละ เช่น ลดภาษีนำเข้าอุปกรณ์ประกอบการ เป็นต้น

จะ ไม่ธรรมดาก็ต่อเมื่อ incentives ที่ไทยให้ เกิดพิลึกพิลั่นชนิดว่า ดีล หวานฉ่ำมาก นอกจากสัญญาเช่า ๙๙ ปีแล้วยังมี ‘sidelines’ แบบแถมโรงงานสร้างอาวุธดังที่ขยิบตากับจีน นอกเหนือจากรถไฟเร็วปานกลาง (ขนสินค้าไม่ได้) ที่ราคาแพงกว่า เร็วสูงขนสินค้าดีลสมัยยิ่งลักษณ์กว่าเท่าตัว ก็ได้

รวมความว่าประยุทธ์พูดเกินจริง ทำยังกับประชากรไทยกินข้าวสาลีแทนรำ แต่มันน่าขำก็ตรงที่ทั้งรัฐบาล คสช. และยิ่งลักษณ์ ถูกนังตัวอิจฉา ‘E-Thing’ แห่งพรรคประชาธิปัตย์โหมโจมตีว่า “รวมกันทำให้ชาติเสียรายได้” การนำเข้าอาหารสัตว์หลายหมื่นล้าน

นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข อดีตรองโฆษกพรรค ปชป. อุตส่าห์ไปขุดข้อมูลศุลกากรมาแจงว่า ระหว่างปี ๕๕-๖๐ การนำเข้าข้าวสาลีที่ส่วนหนึ่งใช้เป็นอาหารสัตว์แทนข้าวโพดและรำข้าว มีมูลค่ากว่า ๑ แสน ๕ หมื่นล้านบาท อดได้ภาษี ๒๗% ที่ถูกยกเลิกไป

หล่อนว่าเป็นความเสียหาย (เรื่องอาหารสัตว์เนี่ย) ต่อรายได้ของประเทศชาติถึงกว่า ๒ หมื่น ๔ พันล้านบาท โดยเป็นสัดส่วนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์เกือบ ๖ พันล้าน ของประยุทธ์เกือบ ๑ หมื่น ๙ พันล้าน เสียท่า มอลลี่ไม่ได้จำเพาะเจาะจงหาเสียงในเรื่องนี้ด้วยว่าถ้าได้เป็นรัฐบาลจะจัดการเรียกคืนค่าเสียหาย จะได้ช่วยเชียร์


ว่ากันตามเจตนาของมัลลิกาคงจะตั้งใจตีหัวพวกเจ้าสัวเครืออาหารสัตว์ ที่ได้กินประชารัฐกันอย่างประยุทธ์โอชา (เมื่อก่อนเขาเรียก เปรมปรีดิ์เดี๋ยวนี้ต้อง ประยุทธ์โอชา) โดยโยงใยว่ารัฐมนตรีพาณิชย์เอาใจพวกนี้เป็นพิเศษ

อีกแหละที่มอลลี่ไม่ได้พูดถึง ว่า รมว.พาณิชย์ คนนี้ (สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์) คือหนึ่งในทีมเทคโนแครทส์ คสช. ที่เป็นเรี่ยวแรงสำคัญให้ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ตั้งพรรคการเมืองไว้รองรับบิ๊กตูบเป็นนายกฯ คนนอกต่ออีกสมัยหลังเลือกตั้ง

ถึงอย่างไรมอลลี่นี่ไม่เลว แม้ไม่เคยสอบผ่านการเลือกตั้งก็ยังเลี้ยงไว้ใช้งานได้ดีเรื่องจิกกัด คราวนี้จิกพรรคประชารัฐแล้วยังกัดเพื่อไทยพร้อมไปด้วย สไตล์หาเสียงของ ปชป. มาแต่ไหนแต่ไรใครก็รู้