ตอนนั้นชวนกันไปตีกอล์ฟสนามดัง บังเอิญเจอ ‘สะสมทรัพย์’ เจ้าของ เลยได้กินข้าวแล้วชักรูปร่วมกันไว้โพสต์เฟชบุ๊ค
ก็เท่านั้น ตอนนี้หวยบนดินไปออกที่ ‘คุณปลื้ม’ ดันห้ามคนอื่นนัดไปกินข้าวเล่นกอล์ฟกับเจ้าของสนามนครปฐมบ้าง
เออนะ สันดานพวกนักการเมืองสามานย์ก็อย่างนี้ละ
ไม่รู้นะ ดูจากโพสต์วาสนา นาน่วม น่าจะอย่างนั้น
นายสนธยา คุณปลื้ม หัวหน้าพรรคพลังชล
เผยเบื้องหลังของการที่ได้รับแต่งตั้งจากบิ๊กตุ่นให้ไปเป็นที่ปรึกษาฝ่าย (นัก) การเมืองว่าเพื่อ
“ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ” แต่คนตั้งบอก “ตนต้องฟังเขาว่าอย่างไร
เพราะตนจำเป็นต้องมีนักการเมืองมาบ้างเพื่อทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน”
ตีความตามตัวอักษร
ไอ้ ‘ตน’ นี่มัน ‘ประเทศชาติ’ เรอะ เอาเถอะชั่งเผือกไว้ก่อนตรงนั้น
ทั่นตู่เค้าบอกอีกว่า “ผมไม่รังเกียจนักการเมือง ไม่รังเกียจใครทั้งสิ้น”
อ้าวจะเปลี่ยนกลับไปเป็นนักการเมืองอีกหนแล้วเหรอ เฮ้อ กลับไปกลับมาเป็นวันทองสองใจ
“ยืนยันไม่ได้ตั้งเพื่อประโยชน์ทางการเมือง
เพราะวันนี้กำลังเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง จำเป็นต้องมีคนเหล่านี้มาให้คำปรึกษา” พล.อ.ประยุทธ์
จันทร์โอชา ชี้แจงได้ตรงกับคำของนายสนธยาเดี๊ย
“ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นการเมือง
และไม่ใช่เงื่อนไขที่เป็นข้อตกลงทางการเมืองแต่อย่างใด”
พูดสไตล์เดียวกับว่าที่นายเลยเชียวนะ อะไรไม่ดีปฏิเสธทุกอย่าง
อดีต รมว.วัฒนธรรมโบ้ยไปโน่น
หัวหน้าเทคโนแครท คสช. ทั่นรองฯ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นเจ้าของโปรเจ็ค
ดึงไปช่วยงานอีอีซีฐานที่เป็นคนในพื้นที่ทราบปัญหาดี ตั้งแต่แปดริ้ว เมืองชล ระยอง
มีอะไรแก้ไขได้หมด
แล้วก็อีกเรื่อง หัวหน้าพลังชลขอปฏิเสธ ไม่ได้ถูกดูด
และคงไม่พูดว่าจะได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาลอย่างแน่นอน ต้องรอให้มีผลเลือกตั้งออกมาก่อน
ตอนนี้ยังเป็นพลังชลเต็มตัว
ส่วนเกี่ยวกับน้องชายที่ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีท่องเที่ยว
ก็เพราะฝีมือแท้ๆ คุณภาพคับแก้ว ไหนจะเคยเป็น ส.ส. หลายสมัย ไหนจะเป็นโยมอุปฐากเมืองพัทยา
แล้วยังเป็นนายกสมาคมวินเซิ้ร์ฟ “สร้างแชมป์โลกได้หลายคนแล้ว” ด้วย
ทางด้านประยุทธ์เลยฉวยโอกาสโฆษณาชวนเชื่อ “รัฐบาลขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันทำให้บ้านเมืองอย่าเกิดความขัดแย้ง
ถ้าก่อนการเลือกตั้งยังมีเหตุการณ์ความไม่สงบเรียบร้อย ก็ไม่สามารถทำอะไรต่อได้
วันข้างหน้าก็จะวุ่นวายเหมือนเดิมอีก”
พูดแบบนี้สมกับที่หนังสือประวัติชาติไทย ‘ฉบับเลียนาย’ ของกรมศิลปากรเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรเลยทีเดียวว่า
“พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ดำเนินนโยบายปฏิรูปประเทศ
ปฏิรูปการเมืองให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ขจัดการฉ้อราษฎร์บังหลวง
และใช้หลักคุณธรรม เพื่อนำประเทศให้เป็นประชาธิปไตย” (หน้า ๑๙๕)
ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์จุฬาฯ
ตาไว เก็บเอามาแจ้งให้ประชาชนรับรู้กัน ทำให้มีคน “ตั้งคำถามกับข้อความที่ปรากฏในหนังสือเรียนนี้จำนวนมาก
อาทิ “นี่สินะ ผู้ชนะเขียนประวัติศาสตร์” กับ
“เชื่อๆๆครับ
ว่าเข้ามาขจัดการฉ้อราษฎร์บังหลวงและใช้หลักคุณธรรม
ในรัฐบาลนี้จึงไม่มีการทุจริตอะไรเลย ไม่มีการโกงเงินคนจน โกงเงินเด็ก
ไม่มียืมนาฬิกาเพื่อนเพื่อจะได้ไม่ต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สินว่ามีทรัพย์สินงอกมาได้อย่างไร
ไม่มีเอี่ยวเงินซื้ออาวุธ เรือดำน้ำ...”
อ๊ะ เดี๋ยวก่อนวารสาร เดอะ ดิพลอแม็ท
เพิ่งรายงาน “ล่าสุด
ตัวแทนของรัฐบาลไทยลงนามในสัญญาจัดซื้อจัดหาปืนใหญ่แบบอัตตาจรล้อยาง (ATMG)
ขนาด ๑๕๕ มม. ของบริษัทด้านอาวุธยุทโธปกรณ์อิสราเอล 'เอลบิต ซิสเต็มส์' ช่วงปลายเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา”
นี่นา
“พล.ร.อ. จุมพล ลุมพิกานนท์
รองปลัดกระทรวงกลาโหมของไทย เป็นผู้ลงนามในสัญญาเมื่อวันที่ ๒๓ มี.ค.ที่ผ่านมา
เพื่อจัดซื้อปืนใหญ่ฯ จำนวน ๖ กระบอก คาดว่าจะใช้งบประมาณราว
๘๖๕ ล้านบาท หรือ ๒๖.๓๙ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ”
ว้อยซ์ทีวีช่วยแปลมาให้อ่านไทยด้วยว่า “งบประมาณของกระทรวงกลาโหมไทยเมื่อปีที่แล้ว
คิดเป็นร้อยละ ๑.๔๒ ของอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ
(จีดีพี) ของประเทศ คิดเป็นเงินกว่า ๖,๐๐๐ ล้านดอลลาร์
หรือประมาณ ๑.๙ แสนล้านบาท
โดยร้อยละ ๔๘ เป็นของกองทัพบก ร้อยละ ๑๙ เป็นของกองทัพเรือ
ร้อยละ ๑๘ เป็นของกองทัพอากาศ”
อย่างนี้นี่เอง ประยุทธ์ถึงได้ “ยืนยันรัฐบาลทำตอบสนองทุกกลุ่มทุกฝ่าย
สิ่งใดที่เคยทำไม่ได้ แต่รัฐบาลนี้ก็ทำให้จนได้” ทุกกองทัพได้รับครบถ้วนหน้า
จะมากน้อยกว่ากันสักหน่อย แต่ก็มีเงินติดมือด้วยกันทุกกอง