ตกลงที่ประยุทธ์ตั้งสนธยา
คุณปลื้มเป็นที่ปรึกษานั้น เป็น ‘ทางการเมือง’ ก็แต่ชื่อตำแหน่ง จริงๆ แล้วแค่จะให้ไปช่วยดูแลเรื่องระเบียงเศรษฐกิจตะวันออกต่างหาก
(ปัดโธ่ คิดมากกันไปได้)
“จริงๆ
แล้วอยากให้เขาดูแลภาคตะวันออกเท่านั้นเอง ปรึกษาเขา
เพราะเขาดูภาคตะวันออกอยู่แล้ว ได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชนพอสมควร
ก็เพียงแค่นั้น”
นายกรัฐมนตรีที่มาจากการยึดอำนาจบอกว่า วันนั้น
‘ปากไว’ ไปหน่อย (“ตอบเร็วไปนิด”)
ดันหลุดออกไปว่าจะให้ลูกชายกำนันเป๊าะช่วยแนะนำทางการเมือง แล้วพวกไพร่-กฎุมพี
(หมายถึงทั้งแดงและเหลือง) คิดสาระตะกันไปใหญ่ว่าทั่นขี้ตู่วางแผนรวบยอดตอนมีเลือกตั้ง
จะได้เป็นนายกฯ อีกครั้งอย่างสวยๆ
รวมทั้งการลงพื้นที่บุรีรัมย์นั้นน่ะ
ก็มีตระกูล ‘ชิดชอบ’ รอชงเต็มที่
รายนี้เค้าดี๊ดี ฐานที่เคยเป็น ‘งูเห่า’ ต้นตำหรับ ‘ดูด’ เพื่อชาติลือลั่นมาแล้ว
ซ้ำยังสร้างอานิสงค์ให้ ปชป. ได้ ‘เสพสม’ ตั้งรัฐบาลในค่ายทหารสาใจ
แม้นว่าทั่นหัวหน้าจะชิงปฏิเสธก่อนห่ามว่างานนี้
“ไม่มีการพบใครเป็นการส่วนตัว ไม่มีการพบใครในที่รโหฐาน พบในพื้นที่ใหญ่ๆ กว้างๆ
ประชาชนทั่วไป” เพื่อให้ “ใครจะมารับผมก็เป็นเรื่องของชาวบ้านที่ดี”
ฉะนั้น “เรื่องตระกูลชิดชอบเป็นคิวต่อไปที่ถูกดูด”
อย่าไปพูดว่าทั่นยังง้าน “เพราะการจะกล่าวว่าใครดูดใครก็ต้องไปดูผลงานของพรรคการเมืองที่ผ่านมา
มีการดูแลสมาชิกพรรคการเมืองอย่างไร “ในขณะที่พรรคตัวเองเป็นรัฐบาลหรือไม่ได้เป็นก็แล้วแต่”
โห พูดแบบนี้นี่ลอดลายมังกรอย่างนักการเมืองแท้ๆ
ทั้งหยิกทั้งจิกพรรคเก่าทั้งสองข้างกันเลย ตบหัวก่อนแล้วค่อยลูบหาง “ไม่ได้รังเกียจนักการเมือง
หากใครมาแสดงบทบาทว่าจะร่วมกันพัฒนาประเทศ ทำเพื่อประเทศชาติ” อ้าแขนรับทันที
“ผมเข้าใจว่านักการเมืองทุกคนเขาก็อยากจะเข้ามาทำเพื่อบ้านเมือง
แต่อาจไปติดด้วยนโยบายพรรค นโยบายหัวหน้าพรรค หรือผู้สนับสนุน ซึ่งรัฐบาล คสช.
ไม่มี ไม่มีใครมามีบทบาทเหนือกว่าตรงนี้ ทำให้สามารถทำงานได้อย่างอิสระ”
แล้วงี้พวกอยากเลือกตั้งมิต้องรอกันต่ออีกหน่อยละหรือ
ในเมื่อทั่นหัวหน้า คสช. ยังไม่พร้อมลงลุย “ยังไม่ได้เดินการเมืองเลย”
หมายความว่าทั่นอาจจะต้องจัดการอะไรต่ออะไรให้มันราบคาบอีกสักพักก็ได้ละมั้ง
นี่ก็เพิ่งใช้ ม.๔๔ จัดการ ‘ยกเลิก’ กระบวนการสรรหากรรมการ กสทช. ตำแหน่งเงินเดือนสามแสนมากกว่านายกฯ
ที่ สนช.นำร่องลงมติลับ ‘ไม่รับ’
รายชื่อแคนดิเดททั้ง ๑๔ คนสุดท้าย เนื่องจากมีเสียงครหามากมายว่ามีตั้งเกือบสิบคนในนั้นเป็นหุ้นส่วนกิจการโทรทัศน์
มีผลประโยชน์ทับซ้อน
เรื่องนี้ตอนที่
สนช.ลงมติลับก็มีข่าวรั่วไหลออกมาว่า ‘นายกฯ
สั่ง’ ซึ่งทั้ง สนช.และรัฐบาล
ไม่รู้จะออกมาปฏิเสธกันเสียงแข็งไว้ก่อนทำไม ในเมื่อที่สุดแล้วก็ออกคำสั่งดังที่ข่าวรั่ว
มันชวนให้คิดได้ว่ามีอะไรซ่อนเร้นหรือเปล่า
ตามข้ออ้างของโฆษกห่านอู บอกว่า “ขอให้ระงับ (การสรรหานี้) ไว้ก่อนจนกว่าการแก้ไขกฎหมายของรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติของผู้ที่จะเป็นคณะกรรมการ
กสทช. กับหลักเกณฑ์การโหวตให้เรียบร้อย”
อันนี้ก็เป็นไปได้เช่นกันว่า
คสช. มีคุณสมบัติของ กสทช.ที่ต้องการอยู่ในใจ จึงได้เกิด ‘เสียงสั่ง’
สนช.ให้คว่ำการสรรหา รื้อกระดานแบบเดียวกับที่ทำกับ กกต. เพราะไม่ถูกใจใครบางคน
เรื่องของเรื่องเพราะต้องการกำหนดทุกสิ่งทุกอย่างตามแนวทางที่
คสช. อยากได้ เพื่อให้การครองบ้านครองเมืองต่อไปข้างหน้า (อย่างน้อยสี่ซ้าห้าปี
อย่างดี ๒๐ ปี) มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน สไตล์ คสช.