วันเสาร์, เมษายน 14, 2561

สังคม 'เหลวไหล' ภายใต้ คสช. รอง ผบ.ตร. คาบนกหวีดออกไปโบกรถ


เห็นจะจริงดังที่เดวิด สเตร็คฟัส วิเคราะห์การเมืองการปกครอง โดยกินความไปถึงสังคมโดยรวมของไทยภายใต้ คสช. ว่า ‘absurd’ ซึ่งนักวิชาการอิสระชาวอเมริกันผู้ไปปักหลักใช้ชีวิตอยู่ในภาคอีสานจนพูดไทยคล่องคนนี้ให้ความหมายว่า “ผิดเพี้ยน” หากแต่ในที่นี้อาจแปลตรงตัวได้ด้วยว่า เหลวไหล

ในบทสัมภาษณ์ที่ให้กับพันธวัฒน์ เศรษฐวิไล ใน ‘101’ เดวิดพูดถึงความผิดเพี้ยนทางการเมืองไทยว่า เป็นการเมืองที่ไม่มีการเมือง “เพราะแนวคิดในการปกครองของ คสช. ได้ยึดความเป็นสาธารณะ (publicness) ในสังคมไทยไปแล้ว”

สังคมไทยไม่มีพลวัตอีกต่อไป มีแต่ “ปรากฏการณ์บางอย่างที่ต่อเนื่องแต่ไม่เกี่ยวข้องกัน ที่ คสช. ‘แสดง’ ให้ประชาชนรับรู้รับชมเท่านั้น” และ “พูดอีกแง่หนึ่งคือสังคมไทยถูกแช่แข็งแล้ว”

เขาเปรียบเปรยไว้น่าฟัง “เปรียบเหมือนการแสดงละครเรื่องประชาธิปไตย โดยมีคณะละครตลกอันธพาลขึ้นมายึดเวที แล้วทำการแสดงเอง...ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังล็อคประตูโรงละคร แล้วบังคับให้ผู้ชมนั่งดูการแสดงอันน่าเบื่ออย่างทรมานต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้ว่าเรื่องจะจบตอนไหน”

มิหนำซ้ำปัญหาอยู่ที่ “การกระทำของ คสช. ไม่เพียงแต่เป็นการทำตามอำเภอใจ (act arbitrarily) อย่างเดียว แต่เป็นการกระทำแบบไร้จุดหมาย (act randomly) ด้วย”


ดังหลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แสดงปาฐกถาที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแล้วเดินชมสยามสแควร์ มีนิสิตสามคนไปยกป้ายข้อความว่า “ประชาชนรักลุงตู่ (เผด็จการ)” โดยขีดฆ่าคำ ลุงตู่อันทำให้หัวหน้าคณะทหารที่ยึดอำนาจมาเกือบสี่ปีไม่พอใจ พูดประชดว่า “เวลาประเทศเสียหายแล้วออกมาด้วยนะ”

น.ส.วิรัลพัชร รอดแก้ว หรือ หนูดีวัย ๒๑ ปี นิสิตชั้นปีที่ ๓ คณะรัฐศาสตร์ หนึ่งในผู้ชูป้ายให้สัมภาษณ์ตอบโต้นายกรัฐมนตรีจากการยึดอำนาจว่า “ก็มันถึงเวลาแล้วที่จะออกมา ก็กำลังทำอยู่”

นิสิตคนอื่นที่ร่วมชูป้ายข้อความเสียดสีหัวหน้า คสช. ก็ตอบโต้ในแบบเดียวกัน แม้กระทั่งนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ นักศึกษาชั้นปี ๑ คณะรัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ซึ่งออกมาให้การสนับสนุนเพื่อนต่างสถาบันด้วยการร่วมเดินทางไปร้องเรียนต่อสำนักข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนสหประชาชาติ

ว่า คสช. “ใช้อำนาจโดยมิชอบ เป็นความพยายามปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นและเป็นการคุกคามนิสิตนักศึกษาอย่างร้ายแรง” เนื่องจากมีการส่งเจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจไปก่อกวนครอบครัวของนิสิตเหล่านี้

มารดาของหนูดีในต่างจังหวัดจู่ๆ ถูกเจ้าหน้าที่ไปหาถึงบ้านโดยไม่แจ้งล่วงหน้า พยายามซักถามตั้งข้อสงสัยว่ามีใครกลุ่มการเมืองใดอยู่เบื้องหลัง ส่วนนายธนวัฒน์ วงศ์ไชย รองประธานสภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็มีตำรวจไปถามหาที่คณะ แล้วยังคอยติดตามและถ่ายภาพเขาหลายครั้ง
 
เขาเขียนจดหมายเปิดผนึกถึงเจ้าหน้าที่ความมั่นคงว่า “ทำเช่นนี้ ถือว่าเป็นการรุกล้ำและละเมิดความเป็นส่วนตัวของผมเป็นอย่างมาก...ผมเพียงแค่แสดงออกเชิงสัญลักษณ์บนพื้นที่อันคับแคบในประเทศอันกว้างใหญ่ที่กำลังถูกกดขี่โดยเผด็จการทหาร”


สเตร็คฟัส นักวิจัยการเมืองการปกครองที่เข้ามาอยู่อาศัยและค้นคว้าในประเทศไทยกว่า ๒๕ ปี ชี้ให้เห็นปัญหาน่าห่วงของสังคมไทยภายใต้อำนาจเผด็จการทหารว่า การพูดบิดเบือนกล่าวหาโจมตีรัฐบาลจากการเลือกตั้งที่พวกตนโค่นล้ม

ทำให้ คสช.หลงตัวว่าตน ไม่เคยโกหก “เพราะเขาเชื่อว่าสิ่งประหลาดๆ ที่เขาพูดและทำเป็นเรื่องจริง”

ดังเช่นเมื่อโฆษกรัฐบาลปฏิเสธอย่างหน้าไม่อายว่า ที่มีข่าว คสช.จัดทำสติ๊กเกอร์ไลน์เพื่อการประชาสัมพันธ์เชิงรุก เป็นวงเงินจากภาษีอากรของประชาชน ๗.๓ ล้านบาท “โฆษกอ้างเพื่อการประชาสัมพันธ์เชิงรุก”

แต่พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด กลับปฏิเสธน้ำขุ่นๆ ว่าไม่รู้ ไม่เกี่ยว เป็นเรื่องที่ข้าราชการประจำทำกันเอง จึงไม่เพียงเสียงตอบโต้แสบคัน “เจ้าชู้ต้องไก่แจ้ ตอแหลต้องไก่อู” (จากทวี้ต WiPa. @WiPa_ng)
 
แล้วยังมีนักกิจกรรมสมัครเล่น มือเบสวงภูมิจิต และเจ้าของแฟนเพจ BENDA5000 บอม-ธิตินันท์ จันทร์แต่งผล เขียนการ์ตูนสไตล์ไลน์ล้อเลียนประยุทธ์ในโครงการสติ๊กเกอร์ (ตำน้ำพริก) ละลายแม่น้ำนี้


ความเหลวไหลในการกระทำของรัฐบาล คสช. ไหลไม่หยุด ล่าสุดช่วงพี้ควันแรกเทศกาลสงกรานต์นี่เอง ผู้ขับขี่ยวดยานกลับไปฉลองปีใหม่ที่บ้านภาคอีสาน ได้เห็นพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. หยิบนกหวีดมาเป่าปี๊ดปี๊ด โบกรถร่วมกับตำรวจจราจรบนถนนมิตรภาพอย่างขึงขัง
 

วันสุดท้ายของสงกรานต์ ทั่นรองฯ น่าจะไปตั้ง ด่านลอยที่ไหนสักแห่งด้วยนะ ไหนๆ จะลงลุยงานภาคสนามทั้งที ต้องทำให้ครบวงจร นอกจาก สร้างภาพ เอาหน้า แล้วจะขาด เก็บส่วย ไปได้ไง