วันพฤหัสบดี, มิถุนายน 01, 2560

ปรามาสเศรษฐกิจไทยเป็นได้แค่ 'silk worms' ของจีน

ได้เวลาหัวหน้าทีมงานลากจูงเศรษฐกิจไทยให้เข้าใกล้ฝั่ง ออกมาคุยคำโตบ้าง “อีกไม่นานรัฐบาลจะมีแพ็กเกจเพิ่มรายได้-ลดรายจ่ายให้กับประชาชนผู้มีรายได้น้อย

ฟังคุ้นๆ ไหมนี่ เพียงเขาไม่ได้เอาไปทำเป็นเพลงเท่านั้นเอง (แต่เอ๊ะไม่แน่ อีกเดือนสองเดือนอาจมีก็ได้) “เติมเงินในกระเป๋า เพิ่มกำลังซื้อชาวบ้าน ให้เศรษฐกิจฐานล่างหมุนอีกรอบ

ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองแม่ทัพ คสช. ฝ่ายกำลังบำรุงคนที่คุมโรงครัว ให้สัมภาษณ์พิเศษกับประชาชาติธุรกิจ


ผมจะบอกให้ การขยายตัวทางเศรษฐกิจของเราไต่ขึ้นมาจาก . เปอร์เซ็นต์ มาอยู่ที่ . เปอร์เซ็นต์ สามปีที่แล้วเขาคุยกันด้วยซ้ำว่าจะติดลบถึง - - เทียบระหว่างปีนี้กับสามปีที่แล้ว อันไหนดีกว่ากัน

นี่อีกคำโตมาก แหม่ พูดแบบพี่ก็ต้องว่าอันนี้ดีกว่าน่ะสิ ก็เมื่อสามปีที่แล้วพวกนั่งร้านของหัวหน้าทั่นพากันเป่านกหวีดปิดกรุงเทพฯ ล้มเลือกตั้ง จำได้ไหม

ทำไมไม่พูดถึงเมื่อสี่ปีที่แล้วบ้างล่ะ ก่อนที่ใครไม่รู้ปล่อยน้ำจากเขื่อนเข้าไปรอระบายในกรุงเทพฯ จนบรรลัยไปหมด

สมคิดทิ้งท้ายว่า สองสามปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจกำลังไปได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ถึงแม้ชาวบ้านยังลำบากอยู่” ปุดโถ ปุดทั่ง ถ้ายังลำบากอยู่ มันจะดีขึ้นได้อย่างไร ไม่ว่าจะเรื่อยๆ เอื่อยๆ หรือเฉื่อยๆ

ควรฟังนักเศรษฐศาสตร์อื่นเขาบ้างนะ อย่างเช่น พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ นั่นก็ได้ เขาตั้งข้อสังเกตุไว้ให้ต้องคิด ว่าเศรษฐกิจไทยโดยรวมก็ยังโตในระดับ ๒ ถึง ๓ เปอร์เซ็นต์ต่อปีอยู่

“ไม่ถึงกับถดถอยติดลบ แต่ทำไมผู้คนจึงรู้สึกว่า ศก. แย่มาก” ดร.พิชิต อธิบายดังนี้

“การส่งออกติดลบ ทำให้โรงงานส่งออกจำนวนหนึ่งลดการผลิต-ปิดโรงงานย้ายไป ปท.อื่น คนงานตกงานอย่างที่เป็นข่าว

ปี ๕๗-๕๘ ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำปีละ ๕-% ถึงปี ๕๙ ก็เพิ่มแค่ ๓% ทำให้รายได้เกษตรปี ๕๗-๕๘ ติดลบปีละ ๕-๑๐% และปี ๕๙ เพิ่มแค่ ๑%

นั่นไง มันมีติดลบเสียสองในสามปี ถึงแม้จะแค่ด้านเกษตรกรรมก็เถอะ ผลกระทบมันเยอะเพราะกำลังผลิตส่วนใหญ่ยังอยู่ในภาคนั้น

“ปัญหา ศก.ครั้งนี้จึงตกหนักที่คนงานโรงงาน เกษตรกร แรงงานรับจ้าง คนชั้นล่างอื่น ๆ คนพวกนี้ตกงาน รายได้หดหาย หนี้เพิ่ม จึงตัดลดรายจ่ายอย่างหนัก

เห็นได้จากช่วง ๕๗-๕๙ อัตราบริโภคเชื้อเพลิงและไฟฟ้าเพิ่มแค่ปีละ ๒-% ยอดขายปลีกและนำเข้าสิ่งทอเสื้อผ้าเพิ่มปีละ ๑%

ยอดขายรถยนต์ จักรยานยนต์ รถกระบะปี ๕๗ ลดลง -๑๕% ปี ๕๘ ลดลง -๖.% และปี ๕๙ ลดอีก -๑.% การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มแทบไม่ขยับคือ ปีละ ๗.๑ แสนล้านบาท”

เห็นไหมเศรษฐกิจรากหญ้าที่ต้องหมุนเวียนเป็นเส้นเลือดฝอย ไปทั่วทุกองคาพยพของร่างกายไตแลนเดีย มันไม่ได้ดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างที่ ดร.สมคิดคุย แต่มันขัดสนขาดหายตลอดสามปี

(เอามาให้ดูกันอีกที ตารางสถานะการคลังของไทย ขาดดุลรวด ๓ ปี ภายใต้เกือกบู้ธของ คสช.)

ครั้นเมื่อระดับแรงงานผู้บริโภควันต่อวัน อันเป็นพลังสำคัญในการใช้จ่ายของระบบตลาด ต้องหันไป อดไม่ได้ ออม “จึงมีผลถึงตลาดสด ตลาดนัด ร้านค้าปลีกในชุมชน ไปถึงร้านวัสดุก่อสร้าง ห้างค้าปลีกใหญ่ ร้านขายจักรยานยนต์-รถกระบะ ร้านขายเครื่องไฟฟ้าในบ้าน ฯลฯ

ธุรกิจกลาง-เล็กที่พึ่งพาตลาดคนกลุ่มนี้ก็ถูกกระทบหนัก ยอดขายตก ขาดทุน ปิดกิจการ ค้างหนี้ทั้งใน-นอกระบบ ไปถึงหนี้เสียในระบบธนาคาร”


จะมีแต่พวกข้าราชการ มนุษย์เงินเดือนเรือนหมื่นตามบริษัทใหญ่ๆ ไปถึงนายทุนใหญ่น้อย ที่ไม่ค่อยเดือดร้อนมากนัก พวกกลุ่มทุนขนาดใหญ่พากันโยกกิจการ และ/หรือทุนไปต่างประเทศ

บ้างก็ได้ดีลดีมีหุ้นส่วน มั่งคั่งยั่งยืนกับ คสช. ในประชารัฐ จึงมีแต่คนพวกนี้เท่านั้นแหละที่สามารถ คิดบวกอยู่ได้อย่างที่ ดร.สมคิดต้องการ

แล้วที่ดัน ฝันเปียก ว่า ๕ ประเทศในภูมิภาคอาเซียน CLMVT’ จะเป็นได้ผู้นำและความหวังรุ่นใหม่ของเศรษฐกิจโลก นั่นก็ ‘propaganda’ โฆษณาชวนเชื่อเสียมากกว่า

ถ้าจะเป็น ‘SMV’ คือสิงคโปร์ มาเลเซีย และเวียตนาม พอไปได้ ส่วนไทย พม่า กัมพูชา ลาว ‘TMCL’ นั้นน่าจะได้เป็นเขตอาณานิคมเศรษฐกิจของจีน ‘silk worms’ ละมั้ง ยิ่งนานไปก็ยิ่งใกล้แบบนั้นมากขึ้น

ในเมื่อเป็นที่ยอมรับว่าการพัฒนาเศรษฐกิจไทยนับแต่บัดนี้เป็นต้นไปทั้งระยะสั้นระยะยาว ต้องการสร้างรากฐาน infrastructures ทางด้านทรัพยากรบุคคลอย่างเร่งด่วน เพื่อให้มีแรงงานคุณภาพรองรับการผลิตและการลงทุน

แต่ไตแลนเดียยังฝึกฝนเด็กทั้งเล็กและใหญ่ให้ งั่ง ก้มหน้าฟัง และก้งโค้งไหว้ (จีนเรียก ‘kowtow’ ไง) กันอยู่เลย เด็กไทยไม่รู้จักคิดนอกกรอบ ไม่ฉุกคิดตั้งคำถาม แล้วจะรู้ได้มากกว่าที่เขาจับยัดใส่หัวได้อย่างไร

ปรากฏการณ์ “โรงเรียนสาธิต มศว. ประสานมิตร ฝ่ายประถม จัดปฐมนิเทศนักเรียน ระดับชั้น ป. - ป. ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๐ เมื่อ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๖๐

โดยนำทหาร พัน.ร.มทบ.๑๑ มาฝึกท่าบุคคลพื้นฐานเบื้องต้น เพื่อปลูกฝังสร้างจิตสำนึกของการมีระเบียบวินัย ก่อนเปิดภาคเรียนอย่างเป็นทางการในวันที่มิ.ย. ๒๕๖๐” นี้


ชี้ชัดอยู่แล้วว่า เส้นทางสู่อนาคตไทยเป็นได้แค่ ไอ้เณรให้ 'ผู้หมู่ผู้กอง' โขกสับระหว่างทาง อีกทั้งสภาพเศรษฐกิจแห่งชาติ อย่างดีก็แค่เป็นหนอนเกาะใบหม่อนไว้ป้อนการปั่นเส้นไหมของจีน


(หมายเหตุ ขออภัยที่สามหาวดูถูก คสช. หรือใครไม่พอใจน้ำเสียงก็ควรที่จะกลับไปแก้ไข ไม่ให้สิ่งที่ปรามาสไว้ไม่เกิดเป็นจริง เท่านั้นแหละ)