ได้เวลาหัวหน้าทีมงานลากจูงเศรษฐกิจไทยให้เข้าใกล้ฝั่ง
ออกมาคุยคำโตบ้าง “อีกไม่นานรัฐบาลจะมีแพ็กเกจเพิ่มรายได้-ลดรายจ่ายให้กับประชาชนผู้มีรายได้น้อย”
ฟังคุ้นๆ ไหมนี่
เพียงเขาไม่ได้เอาไปทำเป็นเพลงเท่านั้นเอง (แต่เอ๊ะไม่แน่
อีกเดือนสองเดือนอาจมีก็ได้) “เติมเงินในกระเป๋า เพิ่มกำลังซื้อชาวบ้าน
ให้เศรษฐกิจฐานล่างหมุนอีกรอบ”
ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองแม่ทัพ คสช. ฝ่ายกำลังบำรุงคนที่คุมโรงครัว
ให้สัมภาษณ์พิเศษกับประชาชาติธุรกิจ
“ผมจะบอกให้ การขยายตัวทางเศรษฐกิจของเราไต่ขึ้นมาจาก ๐.๘
เปอร์เซ็นต์
มาอยู่ที่ ๓.๓ เปอร์เซ็นต์
สามปีที่แล้วเขาคุยกันด้วยซ้ำว่าจะติดลบถึง -๑ -๒ เทียบระหว่างปีนี้กับสามปีที่แล้ว
อันไหนดีกว่ากัน”
นี่อีกคำโตมาก แหม่ พูดแบบพี่ก็ต้องว่าอันนี้ดีกว่าน่ะสิ ก็เมื่อสามปีที่แล้วพวกนั่งร้านของหัวหน้าทั่นพากันเป่านกหวีดปิดกรุงเทพฯ
ล้มเลือกตั้ง จำได้ไหม
ทำไมไม่พูดถึงเมื่อสี่ปีที่แล้วบ้างล่ะ ก่อนที่ใครไม่รู้ปล่อยน้ำจากเขื่อนเข้าไปรอระบายในกรุงเทพฯ
จนบรรลัยไปหมด
“สมคิดทิ้งท้ายว่า
สองสามปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจกำลังไปได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ถึงแม้ชาวบ้านยังลำบากอยู่” ปุดโถ
ปุดทั่ง ถ้ายังลำบากอยู่ มันจะดีขึ้นได้อย่างไร ไม่ว่าจะเรื่อยๆ เอื่อยๆ หรือเฉื่อยๆ
ควรฟังนักเศรษฐศาสตร์อื่นเขาบ้างนะ อย่างเช่น พิชิต
ลิขิตกิจสมบูรณ์ นั่นก็ได้
เขาตั้งข้อสังเกตุไว้ให้ต้องคิด ว่าเศรษฐกิจไทยโดยรวมก็ยังโตในระดับ ๒ ถึง ๓
เปอร์เซ็นต์ต่อปีอยู่
“ไม่ถึงกับถดถอยติดลบ
แต่ทำไมผู้คนจึงรู้สึกว่า ศก. แย่มาก” ดร.พิชิต อธิบายดังนี้
“การส่งออกติดลบ
ทำให้โรงงานส่งออกจำนวนหนึ่งลดการผลิต-ปิดโรงงานย้ายไป ปท.อื่น คนงานตกงานอย่างที่เป็นข่าว
ปี ๕๗-๕๘
ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำปีละ ๕-๖% ถึงปี ๕๙
ก็เพิ่มแค่ ๓% ทำให้รายได้เกษตรปี ๕๗-๕๘
ติดลบปีละ ๕-๑๐% และปี ๕๙ เพิ่มแค่ ๑%”
นั่นไง มันมีติดลบเสียสองในสามปี
ถึงแม้จะแค่ด้านเกษตรกรรมก็เถอะ ผลกระทบมันเยอะเพราะกำลังผลิตส่วนใหญ่ยังอยู่ในภาคนั้น
“ปัญหา ศก.ครั้งนี้จึงตกหนักที่คนงานโรงงาน
เกษตรกร แรงงานรับจ้าง คนชั้นล่างอื่น ๆ คนพวกนี้ตกงาน รายได้หดหาย หนี้เพิ่ม จึงตัดลดรายจ่ายอย่างหนัก
เห็นได้จากช่วง ๕๗-๕๙ อัตราบริโภคเชื้อเพลิงและไฟฟ้าเพิ่มแค่ปีละ
๒-๓% ยอดขายปลีกและนำเข้าสิ่งทอเสื้อผ้าเพิ่มปีละ
๑%
ยอดขายรถยนต์
จักรยานยนต์ รถกระบะปี ๕๗ ลดลง -๑๕% ปี ๕๘ ลดลง -๖.๗% และปี ๕๙ ลดอีก
-๑.๒% การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มแทบไม่ขยับคือ
ปีละ ๗.๑ แสนล้านบาท”
เห็นไหมเศรษฐกิจรากหญ้าที่ต้องหมุนเวียนเป็นเส้นเลือดฝอย
ไปทั่วทุกองคาพยพของร่างกายไตแลนเดีย มันไม่ได้ดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างที่ ดร.สมคิดคุย
แต่มันขัดสนขาดหายตลอดสามปี
(เอามาให้ดูกันอีกที
ตารางสถานะการคลังของไทย ‘ขาดดุลรวด’ ๓ ปี ภายใต้เกือกบู้ธของ คสช.)
ครั้นเมื่อระดับแรงงานผู้บริโภควันต่อวัน อันเป็นพลังสำคัญในการใช้จ่ายของระบบตลาด
ต้องหันไป ‘อด’ ไม่ได้ ‘ออม’ “จึงมีผลถึงตลาดสด
ตลาดนัด ร้านค้าปลีกในชุมชน ไปถึงร้านวัสดุก่อสร้าง ห้างค้าปลีกใหญ่
ร้านขายจักรยานยนต์-รถกระบะ ร้านขายเครื่องไฟฟ้าในบ้าน ฯลฯ
ธุรกิจกลาง-เล็กที่พึ่งพาตลาดคนกลุ่มนี้ก็ถูกกระทบหนัก
ยอดขายตก ขาดทุน ปิดกิจการ ค้างหนี้ทั้งใน-นอกระบบ ไปถึงหนี้เสียในระบบธนาคาร”
จะมีแต่พวกข้าราชการ
มนุษย์เงินเดือนเรือนหมื่นตามบริษัทใหญ่ๆ ไปถึงนายทุนใหญ่น้อย
ที่ไม่ค่อยเดือดร้อนมากนัก พวกกลุ่มทุนขนาดใหญ่พากันโยกกิจการ และ/หรือทุนไปต่างประเทศ
บ้างก็ได้ดีลดีมีหุ้นส่วน
‘มั่งคั่งยั่งยืน’ กับ คสช. ในประชารัฐ จึงมีแต่คนพวกนี้เท่านั้นแหละที่สามารถ ‘คิดบวก’อยู่ได้อย่างที่ ดร.สมคิดต้องการ
แล้วที่ดัน ‘ฝันเปียก’ ว่า ๕
ประเทศในภูมิภาคอาเซียน ‘CLMVT’ จะเป็นได้ผู้นำและความหวังรุ่นใหม่ของเศรษฐกิจโลก นั่นก็ ‘propaganda’ โฆษณาชวนเชื่อเสียมากกว่า
ถ้าจะเป็น ‘SMV’ คือสิงคโปร์ มาเลเซีย และเวียตนาม พอไปได้
ส่วนไทย พม่า กัมพูชา ลาว ‘TMCL’ นั้นน่าจะได้เป็นเขตอาณานิคมเศรษฐกิจของจีน
‘silk worms’ ละมั้ง ยิ่งนานไปก็ยิ่งใกล้แบบนั้นมากขึ้น
ในเมื่อเป็นที่ยอมรับว่าการพัฒนาเศรษฐกิจไทยนับแต่บัดนี้เป็นต้นไปทั้งระยะสั้นระยะยาว
ต้องการสร้างรากฐาน infrastructures ทางด้านทรัพยากรบุคคลอย่างเร่งด่วน
เพื่อให้มีแรงงานคุณภาพรองรับการผลิตและการลงทุน
แต่ไตแลนเดียยังฝึกฝนเด็กทั้งเล็กและใหญ่ให้ ‘งั่ง
ก้มหน้าฟัง และก้งโค้งไหว้’ (จีนเรียก ‘kowtow’ ไง) กันอยู่เลย เด็กไทยไม่รู้จักคิดนอกกรอบ ไม่ฉุกคิดตั้งคำถาม
แล้วจะรู้ได้มากกว่าที่เขาจับยัดใส่หัวได้อย่างไร
ปรากฏการณ์ “โรงเรียนสาธิต มศว. ประสานมิตร ฝ่ายประถม
จัดปฐมนิเทศนักเรียน ระดับชั้น ป.๓ - ป.๔
ประจำปีการศึกษา
๒๕๖๐ เมื่อ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๖๐
โดยนำทหาร
พัน.ร.มทบ.๑๑
มาฝึกท่าบุคคลพื้นฐานเบื้องต้น
เพื่อปลูกฝังสร้างจิตสำนึกของการมีระเบียบวินัย
ก่อนเปิดภาคเรียนอย่างเป็นทางการในวันที่ ๑ มิ.ย. ๒๕๖๐” นี้
ชี้ชัดอยู่แล้วว่า เส้นทางสู่อนาคตไทยเป็นได้แค่ ‘ไอ้เณร’
ให้ 'ผู้หมู่ผู้กอง' โขกสับระหว่างทาง อีกทั้งสภาพเศรษฐกิจแห่งชาติ
อย่างดีก็แค่เป็นหนอนเกาะใบหม่อนไว้ป้อนการปั่นเส้นไหมของจีน
(หมายเหตุ ขออภัยที่สามหาวดูถูก คสช. หรือใครไม่พอใจน้ำเสียงก็ควรที่จะกลับไปแก้ไข
ไม่ให้สิ่งที่ปรามาสไว้ไม่เกิดเป็นจริง เท่านั้นแหละ)