ตอนนี้ทั่นผู้นัมพ์โคตรสบายใจ ถึงกับรำฟ้อนรำป้อหลังกลับจาก
ม. สงขลานครินทร์ เรื่องบึ้มกลางกรุงไม่ต้องห่วงอีกต่อไป เที่ยวป้ายคนโน้นคนนี้จนเกลี้ยงราคินเนื้อตัวแล้วนี่
แถมรู้ดี “เผาโน่นเผานี่ มันจ้างเด็กอายุ ๑๔ เผาอย่างนี้
๒๐๐ บาท...มันก็มีขบวนการ
คนไปวาง บางทีไอ้คนถือไปยังไม่รู้เลยว่าอะไร หรือไม่ก็รู้ว่าไม่อันตราย ก็เลยรับจ้างมา
๕๐๐...
ไอ้คนทำอยู่ข้างนอก
ไอ้คนบัญชาการอยู่โน้น ในประเทศนอกประเทศก็ไม่รู้”
เลยได้ช่องไปต่อ โน่นสองพล.อ.ฝ่ายตรงข้าม ทั้งชัยสิทธิ์
(ชินวัตร) และพัลลภ (บัวสุวรรณ) ต้องออกมาปฏิเสธกันจ้า ทั้งที่อุตส่าห์เก็บเนื้อเก็บตัวมาตั้งนาน
โดยเฉพาะพัลลภ “ขอยืนยันว่าไม่รู้จักและไม่เกี่ยวข้องกับนายวุฒิพงศ์
กชธรรมคุณ หรือโกตี๋
เเกนนำ นปช.ปทุมธานี”
ซ้ำร่วมประณามคนทำ ครบถ้วนทุกตัวตามที่พวก คสช. ขุดขึ้นมาด่าไว้แล้ว ตั้งแต่
ผบ.ทบ.ยันแม่ทัพภาค ๑ ทั้ง “คิดสั้น
ชั่วช้า เลวทราม (และ) หน้าตัวเมีย”
เรื่องฝนฟ้ายิ่งไม่ต้องห่วงใหญ่
แม้นว่าปีนี้คาดว่าจะมีน้ำมากกว่าทุกปีที่ครองเมืองมา ได้เตรียมรับพร้อมสรรพทั้งเครื่องสูบเครื่องดัน
โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ได้สั่งการกับผู้ว่าฯ ‘ขนหน้าแข้ง’ แล้วอย่างแน่นหนา
เพียงแค่ฝนตกเมื่อไร
ก็จะมีน้ำรอระบายจำนวนมากจนเจิ่งถนนทั่วกรุง แค่นั้นเอง
นายกฯ ยังมีความมั่นใจสูงว่าจะควบชาติไปอย่างมั่นคง
สู่ความมั่งคั่ง (ของใครบ้างต้องคอยดู) อย่างยั่งยืนสืบไปแน่ๆ จึงได้อัดคลิป ‘ศาสตร์พระราชา’
สั่งสอนบรรดาสื่อทั้งหลาย “ทบทวน ปรับทัศนคติใหม่” เลิก “ขายข่าว
ขายความรู้” หันมาเชื่อฟัง คสช. เป็นสรณะ
ส่วนว่าการเลือกตั้งจะมาเมื่อไรขอให้ดูตามโร้ดแม็พ แม้จะเลื่อนมาแล้ว
๕ ครั้งก็เถอะ ถ้าจะต้องเลื่อนอีกก็คงเพราะ กปปส. เขาขอมาละมัง
เสียงนกเสียงกาอย่าไปฟัง รอ คสช. สรุปอีกที
ตอนนี้ศูนย์ดำรงธรรมกำลังทำโพล ขอให้ประชาชนทุกจังหวัดส่งคำตอบต่อคำถามสี่ข้อที่ประยุทธ์ตั้งไว้
ได้แก่
๑. คิดไหมว่าเลือกตั้งแล้วจะได้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล ๒.
ถ้าไม่ได้อย่างนั้นล่ะ ทำไง ๓. เลือกตั้งโดยไม่ปฏิรูปและวางยุทธศาสตร์ก่อน จะดีเหรอ
และ ๔. ถ้าพวกนักการเมืองมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมได้รับเลือกอีก จะให้ใครแก้
แหม ถามชี้นำอย่างนี้ ต้องตามแบบฉบับของพวกโพลเลียบู้ธ เด๊ะเชียว
ไม่ยักไปถามพวก ‘นั่งร้าน’ เปลี่ยนใจ หรือพวก ‘ลูกหาบ’ ถอดใจบ้างล่ะ
อย่างเช่นหมอฮา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ ระบายไว้ยาวเหยียดที่
‘ประชาไท’ นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ พูดถึงเรื่อง “ดันแตกกันเอง
ทั้งๆ ที่มีศัตรูร่วมอยู่
ผมถูกกระแนะกระแหนเยอะมากว่าเป็นนั่งร้านเผด็จการ ไปเรียกเขามาบ้าง
แต่เราก็ได้ข้อสรุปว่าอย่าไปสนใจมันเลย ไม่เห็นมันจะสู้อะไรกับเผด็จการเลย
เอาแต่ด่าเรา แล้วสู้จริงเปล่าก็ไม่รู้ไอ้ที่โพสต์อยู่ แต่เราสู้จริง...
เราเองก็ไม่ได้เห็นด้วยกับสุเทพ (เทือกสุบรรณ) ทุกเรื่อง
อันนี้ชัดเจน เราไม่เห็นด้วยกับเผด็จการรัฐสภา และเราก็ไม่อยากได้รัฐประหาร
แต่พอมันรัฐประหารแล้ว เราจะมาด่ามันเลย ชีวิตก็จะอยู่ลำบาก...
ผมเชื่อว่าอย่างไรเผด็จการมันก็กลืนกินตัวเอง จะเร็วจะช้า
โอเคตอนนี้ เขาทำเป็นทำเก่งก็กลืนกินช้าหน่อย ชนชั้นกลางตื่นน้อยก็ใช้เวลาหน่อย
แต่ว่ามันอยู่ไม่นานหรอก...
นี่มันก็ ๓ ปีแล้ว เลิกกระแนะกระแหนกันได้แล้ว
แล้วมาดูกันว่าจะลุยกับมันอย่างไร เพราะมันเอาแน่ มันยึดประเทศต่อแน่
เหมาเจ๋อตุงกับเจียงไคเช็กยังรวมกันไล่ญี่ปุ่นก่อนได้เลย ไล่ศัตรูก่อน
แล้วมารบกันใหม่”
จะมีใครบ้างเอากับเขา เราไม่รู้ แต่มีอีกคนเขียนเนียนมาก “คนเขียนชื่อกล้า
เขียนเรื่องกล้าๆ มีเนื้อถ้อยหลายตอนน่าบันทึก ดังนี้
"สภาที่ตั้งกันเอง เต็มไปด้วยใครก็ไม่รู้ที่พวกเราไม่เคยได้ยินชื่อ
มียศนำหน้า ตำแหน่งตามหลัง ลงคะแนนแทบเป็นเอกฉันท์ทุกครั้ง
แม้ว่าส่วนหนึ่งจะแทบไม่เคยได้เข้าประชุมสภาที่ว่านั้นเลยก็ตาม"
“รถไฟขนผัก...เราไม่อยากเป็นหนี้ไปชั่วลูกชั่วหลาน...รถไฟจีนที่ว่ายังไม่เห็นมาเลยครับ
และเห็นเขาว่าถ้าจะมาก็จะมาด้วยระยะทางประมาณ ๓.๕ กิโลเมตร
แถวๆ โคราช”
"ที่มาเร็วกว่านั้น เห็นจะเป็นเรือดำน้ำจีน
ที่ลำแรกน่าจะเข้ามาจอดกลางอ่าวไทยเราได้ไม่เกินปี ค.ศ.๒๐๒๓"
“หนีคนไข้มาไล่อีปู...ในตอนแรกที่มีข่าวว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันนี้จะไม่อนุมัติให้บรรจุพยาบาลวิชาชีพเข้าเป็นข้าราชการหมื่นกว่าอัตรานั้น
จะมีใครที่เคยไปถือป้ายนี้ในวันนั้นรู้สึกสะอึกหรือระลึกถึงอะไรขึ้นมาได้บ้างหรือเปล่า”
ปิดท้าย
"พวกผมก็ช่วยกันเปิดกรงปล่อยเสือร้ายตัวจริงออกมาเพื่อจัดการแมวขโมยตัวนั้น...
คนอย่างพวกผมรับผิดชอบได้อย่างมาก
ก็แค่ลบรูปที่เคยไปร่วมกิจกรรมเป่านกหวีด หรือชัตดาวน์กรุงเทพฯ
ที่ลงไว้ในเฟซบุ๊กในเวลาที่มันเตือนความทรงจำขึ้นมา ให้พ้นจากความอับอายเป็นคราวๆ
ไปเท่านั้น"
จากบทความของ
กล้า สมุทวณิช ตีพิมพ์ที่มติชน (https://www.matichon.co.th/news/565007) ดูเหมือนเขาจะเหน็บพวก ‘เห็บกระโดด’ ว่าเสร็จแล้วก็ทำ ‘เฉย’
กันต่อไป
ที่ไม่เฉยเห็นจะเป็น
‘เครือข่ายภาคประชาชน
๑๔ องค์กรภาคใต้ตอนล่าง’
ที่ไม่ให้การต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ตอนไปปาฐกถาเรื่องไทยแลนด์ ๔.๐ ที่มหาวิทยาลัยสงขลาฯ
“วันนี้ภาคประชาชนไม่ได้หวังอะไรจากรัฐบาลและ
คสช.แล้ว ไม่หวังแม้การปฏิรูปใดๆจาก คสช.
ภาคประชาชนกำลังกลับมาสร้างฐานประชาชนให้เข้มแข็ง...
สร้างฐานประชาธิปไตยทางตรง
และรอการเลือกตั้งใหม่ (ซึ่งหวังว่าจะมีจริง)
ที่อาจพอจะเป็นความหวังสำหรับการหยุดภาวะชงักงันทางประชาธิปไตยและการที่ประชาชนจะร่วมกำหนดอนาคตตนเอง”