วันพฤหัสบดี, พฤษภาคม 18, 2560

ถึงทีทั่นรองฯ ฝ่ายกฎหมายเอาบ้าง ลูกชายนายวิษณุได้เป็นกรรมการที่ปรึกษาของ ป.ย.ป. “โธ่ถัง เดี๋ยวก็แบบลูกปรีชา"

ถึงทีทั่นรองฯ ฝ่ายกฎหมายเอาบ้าง ลูกชายนายวิษณุ เครืองาม เลยได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการที่ปรึกษาของ ป.ย.ป. (คณะกรรมการกำกับการปฏิรูป)

เป็นที่ฮือฮาด่าเช็ดเพราะมาสายธุรกิจแท้ๆ ไม่มี credentials คุณสมบัติใดๆ ในกิจการสาธารณะ นอกจาก “ประธานขอมา”

คงเห็นน้องนายกทำได้ (ที่อธึกกิต แสวงสุขบอกว่า “โธ่ถัง เดี๋ยวก็แบบลูกปรีชา วิษณุพูดเองว่าเอาผิดอะไรไม่ได้”)

ถึงแม้นายวิชญะ เครืองาม ลูกชายหัวแก้วของนายวิษณุจะเรียนจบเนติบัณฑิตจากสำนักอบรมของเนติบัณฑิตยสภา แต่ก็ไม่ได้ทำงานด้านบริหารสาธารณะมาก่อน มีตำแหน่งแต่ในบริษัทธุรกิจหลายแห่ง เช่นกิจการขนส่งสินค้าท่าเรือ บริษัทนามยงซึ่งก็มีนายบวรศักดิ์เป็นประธานอีกนั่นแหละ และเป็นผู้เชี่ยวชาญกิจการบรรษัทธุรกิจของทรู คอร์ปอเรชั่น ที่ซีพีเป็นเจ้าของ เป็นต้น


คณะกรรมการที่ปรึกษาเพื่อกำกับการปฏิรูปกฎหมายชุดนี้ มีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เป็นประธานกรรมการ”

และนายบวรศักดิ์ก็เป็นคู่หูคู่หางของนายวิษณุมาจากหาดใหญ่ สงขลา นายบวรศักดิ์มีศักดิ์เป็นอาของนายวิชญะ นอกจากนั้นข่าวว้อยซ์ทีวียังบอกว่านายวิษณุมีน้องชายอีกสองคนนั่งอยู่ในสภาขับเคลื่อนการปฏิรูป หรือ สปท. ด้วย คือนายดุสิต เครืองาม กับพล.อ.ต.เฉลิมชัย เครืองาม


หลังจากที่มีเสียงบ่นระงม ทั่นรองฯ ชี้แจงว่านายบวรศักดิ์ผู้เป็นประธาน “เห็นว่าเป็นที่ปรึกษากฎหมายเท่านั้น  ไม่ได้ทำเรื่องปรองดองหรือเรื่องที่เป็นความลับ...แต่หากไม่เหมาะสมก็ลาออกได้”

อ้าว แล้วก่อนตั้งไหงไม่คิดให้รอบคอบเสียก่อนว่ามันเหมาะสมไหม เป็นถึงรองนายกฯ เรื่องอย่างนี้ต้องคิดล่วงหน้า ดูตาม้าตาเรือให้ดี เผื่อไม่มีใครทักก็จะตีกินไปชิลๆ งั้นหรือ

เวลาทำง้ายง่าย พอถูกจับได้แค่แก้ตัวน้ำขุ่นๆ แบบ ผบ. ตำรวจนครบาล ผุ้เชี่ยวชาญบริหารธุรกิจเบียร์ช้าง วันก่อนบอกว่าเสียงระเบิดหน้าโรงละครแห่งชาติเป็นแค่แป๊พแตก

วันนี้แก้ตัวว่าที่จริงรู้แล้วว่าเป็นระเบิด แต่แกล้งพูด “เป็นกลยุทธสับขาเพื่อหลอกให้คนร้ายตายใจ”


เอาอย่างหัวหน้าใหญ่กันเป็นพรวน ปากไม่มีหูรูด พูดพล่ามและพูดพล่อย ล่าสุดนี่เอาอีกแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พูดถึงการแถลงผลงานรัฐบาล คสช. ที่ต้องเลื่อนออกไปเป็นเดือนกันยายน เพราะโดนชาวบ้านร้านช่องร้องระงม จะอดตายกันหมดแล้ว

ตรงเผงดังที่ แม่น้องเกดพะเยาว์ อัคฮาด พูดในการเสวนา ๒๕ ปี พฤษภาประชาธรรม เมื่อ ๑๗ พ.ค. ว่าเกิด “ความตระหนักในสังคมวงกว้างถึงผลเสียของการกระทำรัฐประหารเนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี

กระบวนการปรองดองทุกวันนี้สำเร็จในขั้นหนึ่ง คือประชาชนหลายฝ่ายเริ่มเห็นตรงกันแล้วเพราะท้องกิ่ว คนที่ไม่เคยสนใจการเมืองเริ่มสนใจว่ารัฐประหารคืออะไร”


ประยุทธ์บอกว่า “จะเอาเงินที่ไหนไปอุดหนุน ปูพื้นให้คนเท่ากันหมด ผมยืนยันว่ารัฐบาลทำงานเต็มที่ ไม่เคยหยุด ผมทำงานมากกว่า ๒๐๐% หลายคนไม่พอใจ มองว่าเป็นการสืบทอดอำนาจ”


หลังจากนั้นเลยเถิดไปถึงการเรียกร้องให้บรรจุพยาบาล ๑๐,๙๙๒ คนประจำกระทรวงสาธารณสุขว่า

อย่าออกมาชี้นำกันแบบนี้ ใครที่ทำแบบนี้มันก็อยู่ด้วยกันไม่ได้ วันหน้าจะอยู่กันอย่างไร...ไม่นึกถึงกระทรวงอื่นบ้างหรือ พยาบาลทำงานหนักคนเดียวหรืออย่างไร มันไม่ใช่”


อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดรัฐบาลประยุทธ์ก็ยินยอมพยาบาลครึ่งทาง จะมีการสรุปตัวเลขเสนอเข้า ครม. วันที่ ๒๓ พ.ค.นี้ โดยนายวิษณุแจ้งว่า “ไม่สามารถบรรจุได้ภายใน ๑ ปี ตามที่เครือข่ายพยาบาลวิชาชีพต้องการ”

แต่ก็ “ยืนยันว่าจะบรรจุภายใน ๓ ปี...ขอให้เชื่อใจรัฐบาล เพราะมติคณะรัฐมนตรีจะมีผลผูกพันถึงรัฐบาลหน้า ไม่ใช่เรื่องการเมืองที่ต้องการเอาใจพยาบาล”


จะเอาใจ ไม่เอาใจ ไม่สำคัญเท่าพูดอะไรให้เป็นความจริงยิ่งกว่าวาทกรรมพร่ำเพรื่อ เพราะผีเจาะปาก