จะบ้าตาย อนุกรรมาฯ สปท. จ่อชงเรื่องประเคน คสช.
ตั้งโรงเรียนการเมือง “สอนประชาธิปไตย” แนะใช้ ม.๔๔ บังคับหน่วยงานรัฐดำเนินงานตามแนวทางที่กำหนด
ไอเดียเจ๋งอย่างนี้ไม่มีใครเกิน เขาละขาเดิม ‘อาหารดี
ดนตรีเพราะ’ กษิต ภิรมย์
ที่ตอนนี้เป็นประธานอนุกรรมาธิการขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศ
เสนอเป็นวาระแห่งชาติเสริมสร้างวัฒนธรรมการเมืองในระบอบประชาธิปไตย
ให้มีความต่อเนื่องโดยออกเป็นกฎหมาย และมอบให้รัฐสภาทำหน้าที่รองรับภารกิจ
“นอกจากนี้เสนอให้พลเอกประยุทธ์
จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้มาตรา ๔๔ ให้หน่วยงานของรัฐมีแนวทางการดำเนินงานที่ชัดเจน...
และให้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
หรือ กสทช. และหน่วยงานที่ปฏิบัติการด้านสื่อ เช่น กรมประชาสัมพันธ์
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นแกนนำในการจัดสรรเวลาให้ความรู้กับประชาชนผ่านสื่อต่างๆ”
อืม..ม..ม นวรรตกรรมมากเลยนะนี่
ใช้อำนาจเผด็จการเสริมสร้างประชาธิปไตย
หมู่นี้มีอะไรแปลกๆ
ออกมาจากฝ่ายที่ช่วยกันโค่นรัฐบาลเลือกตั้ง บางคนเคยสนับสนุนรัฐประหารอย่างออกนอกหน้า
ไม่นับพวกที่ทำตัวเป็นนั่งห้างรองก้น คสช. ต่อมาจนจะครบสามปี
และเตรียมฉลองกันเอิกเกริกเดือนหน้า (มิถุนายน) นี้
แต่ก็โดนฝ่ายการเมืองทั้งขั้วเพื่อไทยและ ปชป.
สับเละว่ามีแต่ความว่างเปล่า มองไม่เห็นอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
นอกจากกระถางบัวใหม่หน้าทำเนียบ (ข่าวว่าลุงตูบควักกระเป๋าออกเองด้วยสิ)
เมื่อวันก่อน (๑๓ พ.ค.) อดีต ส.ส. หญิงประชาธิปัตย์
ดร.รัชดา ธนาดิเรก ออกมาสับแหลก คสช. เรื่องไม่ยอมบรรจุพยาบาลเป็นข้าราชการ
เธอเขียนเฟชบุ๊คว่า
“วันนี้รัฐบาลต้องปรับโครงสร้างบุคลากรทั้งระบบราชการ
ปัญหาหวงอำนาจ หวงตำแหน่ง โครงสร้างเทอะทะ รัฐบาลทหารอำนาจเบ็ดเสร็จ...สามปีที่แล้วไม่ได้ทำ
หนึ่งปีที่เหลือได้เริ่มขยับก็ยังดี...
และก็แปลกนะ
โครงการที่ไม่จำเป็น ไม่รีบ มีเสียงเตือนด้านลบจากนักวิชาการและวิชาชีพ
เช่นโครงการทางเลียบแม่น้ำเจ้าพระยาค่าก่อสร้างแปดพันล้าน แต่รัฐบาลกลับประกาศเดินหน้าตั้งแต่เข้าบริหารประเทศใหม่ๆ”
อีกราย สาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรค ปชป.
ออกมาค้านการวางยุทธศาสตร์ชาติระยะยาวของ คสช. ว่า ‘ไม่ชอบธรรม’
เขาวิจารณ์ “การวางยุทธศาสตร์ไว้ล่วงหน้า ๒๐ ปี
สุ่มเสี่ยงต่อความเปลี่ยนเเปลงกะทันหันในอนาคต
การอ้างว่ารัฐบาลต่อไปแก้ไขได้ไม่ยาก ก็ไม่จริง
เพราะมีคณะกรรมการประกอบไปด้วยผู้บัญชาการเหล่าทัพ รวมถึงนายกฯ นั่งค้ำขวางอยู่...
กลับเขียนตุนต้นทุนตั้งคณะกรรมการต่อท่อเอาไว้
จะทำให้รัฐบาลในอนาคตไม่เป็นอิสระ ส่วนที่อ้างกันว่า คณะกรรมการฯชุดดังกล่าว
จะป้องกันการปฏิวัติได้ในอนาคตได้ก็ไม่จริง ไร้สาระ” เห็นๆ กันอยู่
ทั้งประยุทธ์และสนธิ บุณยรัตกลิน เคยบอกจะไม่ยึดอำนาจกันมาแล้วทั้งคู่
ไม่เท่านั้น การที่ วีระ สมความคิด จวกไม่ยั้ง เทอดศักดิ์
เจียม (กิจวัฒนา) ที่อ้างตัวเป็นนักประวัติศาสตร์จัดรายการทางยูทู้ปโหนเจ้าและยกหาง
คสช. ว่า
“คุณไปฟังข้อมูลมาจากทหารบางคน..คุณได้ข้อมูลด้านเดียวแล้วไปสรุปเอาเอง...จนทำให้คนจำนวนหนึ่งเกิดความเข้าใจที่ผิด
คุณกำลังทำความผิดตามพ.ร.บ.คอมฯ
ฐานเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จบางส่วนหรือทั้งหมด ซึ่งอาจทำให้ผมได้รับความเสียหาย ขอเตือนด้วยความหวังดี”
ทั้งหมดนี้เนื่องจากนายเทอดศักดิ์ออกรายการเรื่อง
‘เบื้องลึก หมายจับวีระ’ ที่นายวีระแย้งว่า “สิ่งที่คุณนำมาอ้างเกี่ยวกับผมส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่คุณมโนหรือจับแพะชนแกะ”
จึงเกิดอุบัติการณ์ ชัย ราชวัตร โพสต์เฟชบุ๊คอีกครั้ง คราวนี้ไม่ได้จ้วงจาบอิปูว์อย่างเคย
แต่กลับบอกว่า
“ขอบคุณทั้ง พท. และ ปชป. สามัคคีกันถล่ม คสช.
ประเด็นยึดอำนาจ ๓ ปีไม่มีผลงานช่วยให้ผมมั่นใจว่า หวังอะไรไม่ได้กับการเมืองไทย”
ซึ่ง ‘ทีนิวส์’ เก็บเอาไปประโคม
คงคิดว่าเขาชมทั้งเพื่อไทยและประชาธิปัตย์จริง ที่ไหนได้ นั่นคือการที่ชัย ราชวัตร
ประชด ปชป. ต่างหาก นักเขียนการ์ตูนที่แก่เพราะอยู่นานคนนี้คงจะเกิดความหวาดหวั่นขึ้นมา
ว่า คสช. ทำให้นักการเมืองปรองดองกันได้กระนั้นหรือ
ถ้าดูจากบทความของโพสต์ทูเดย์วันนี้ (๑๕ พ.ค.) จากการถามความเห็น
๓ คน มี วีระ สมความคิด จักร พันธ์ชูเพชร (ผู้ช่วยอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร)
และเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขานุการ กปปส. ได้ข้อสรุปว่า “ปรองดองเกิดยาก”
เอกนัฏนั้นยึดมั่นการเป็น กปปส. อย่างเหนียวแน่น นั่นคือยกย่อง
คสช. “เข้าใจถูกแล้ว เป้าหมายชัดเจน” ที่มุ่งมั่นด้านความสงบเรียบร้อย
(จัดการกับฝ่ายตรงข้ามของ กปปส. ทั้งนักการเมืองเพื่อไทย แกนนำ นปช. และคนเสื้อแดง)
มากกว่าการปรองดอง
ส่วนวีระชี้ว่ายังไม่เห็นสัญญานใดๆ ของการปรองดอง “สิ่งที่รัฐบาลทำกลับกลายเป็นการสร้างความขัดแย้งขึ้นมาใหม่
ซึ่งของเดิมยังไม่ได้แก้ไขหลายเรื่อง...
เรื่องคอร์รัปชั่น
ตลอด ๓ ปีที่ผ่านมารัฐบาลจริงจังจัดการกับฝ่ายกลุ่มอำนาจเก่า
โดยส่วนตัวก็เห็นด้วยและสนับสนุน ทว่า
กลับไม่มีการเอาจริงเอาจังยิ่งเฉพาะกับคนใกล้ชิดหรือผู้มีอำนาจซึ่งถูกกล่าวหา
สำหรับประเด็นนี้ก็จะเป็นการสร้างความขัดแย้งรอบใหม่”
ด้านนายจักรเห็นว่า “เป็นเวลานับถอยหลังของ คสช. เมื่ออำนาจจะหมด จึงไม่ทุ่มเทกับการปรองดอง”
อีกทั้ง “กระบวนการและวิธีการมันผิดเวลา” เริ่มเอาเมื่อเข้าสู่ตอนปลายแล้ว
ซ้ำร้ายผิดกระบวนการ
“จะเริ่มต้นปรองดองเรียกมานั่งคุยทำอะไร
แล้วให้หยุดพูดเรื่องอดีต แต่จะพูดอนาคตข้างหน้า มันเป็นไปไม่ได้ เพราะความขัดแย้งเป็นเรื่องในอดีต
ไม่ใช่อนาคต ถ้าเคลียร์ไม่ได้ก็ไม่สามารถเดินต่อไปได้”
เป็นอันว่าถึงอย่างไรก็ไม่มีทางปรองดองกันได้ระหว่าง พท.
กับ ปชป. เหลืองกับแดง หรือ กปปส. กับ นปช. การเมืองในระบบเลือกตั้งครั้งใหม่ก็คงจะฟัดกันเละเหมือนครั้งเก่า
เช่นนั้น คสช.ก็ยังคงครองอำนาจต่อไปได้สบายๆ
แล้วอย่างนี้ สปท. จะมาเสนอให้ตั้งโรงเรียนการเมืองสอนประชาธิปไตยทำไม
(คสช. ว่ามั้ย) เซี้ยวจริงๆ