ความเห็นชาวเน็ต...
เขาเรียกจะสร้างกระแส แต่เสรือกไม่ลงทุน เดี่ยวนี้โลกเขาออนไล กันแล้ว ใครจะบ้าส่งจดหมาย แถมส่งมาจากราชการด้วย มีตราครุต 😂
เขาเรียกจะสร้างกระแส แต่เสรือกไม่ลงทุน เดี่ยวนี้โลกเขาออนไล กันแล้ว ใครจะบ้าส่งจดหมาย แถมส่งมาจากราชการด้วย มีตราครุต 😂
ลั่นในสมองเลย หัดหาคนที่ทำงานเป็นมาข้างๆตัวบ้างก็ดีนะ ไม่ใช่ ใช้แต่ระบบเลียกันเข้ามา มันทำงานกันไม่เป็น ไอฟายเอ้ย
.....
จดหมายบ้านผม 4 เดือนค่อยถึง แต่เฟสไลน์แค่ไม่กี่วินาทีได้กี่คน แถมจับยากกว่าอีก
.....
มีอะไรตลกกว่านี้อีกไหม...ในสมัยที่ผู้คนใช้4G.....แต่นี้แมร่ง ย้อนไป30~40ปี แถมมีครุฑด้วย.....สุดยอดมากครับ ขนาด SMS ยังไม่มีใครส่งหากันแล้วทุกวันนี้
.....
จดหมายบ้านผม 4 เดือนค่อยถึง แต่เฟสไลน์แค่ไม่กี่วินาทีได้กี่คน แถมจับยากกว่าอีก
.....
มีอะไรตลกกว่านี้อีกไหม...ในสมัยที่ผู้คนใช้4G.....แต่นี้แมร่ง ย้อนไป30~40ปี แถมมีครุฑด้วย.....สุดยอดมากครับ ขนาด SMS ยังไม่มีใครส่งหากันแล้วทุกวันนี้
.....
09.00 INDEX : ความคลางแคลง สงสัย จดหมายปลอม ความสงสัยจาก ‘นักข่าว’ ภาคสนาม
ที่มา มติชนออนไลน์
15 ก.ค. 59
ท่าทีของ “ผู้สื่อข่าว” ในสนามต่อการปรากฏขึ้นอย่างอึกทึกของจดหมาย “ปลอม”
น่าศึกษา
น่าศึกษาว่าเหตุใดพวกเขาจึงมองข้ามบทบาทของ 1 พรรคเพื่อไทย และ 1 นปช.ไปอย่างอัตโนมัติ
ตรงกันข้าม ตั้งแง่สงสัยไปยัง “ทหาร”
เห็นได้จากคำถามที่พุ่งตรงไปยัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
จากนั้นก็ถามไปยัง พ.อ.ปิยพันธุ์ กลิ่นพันธุ์
คนแรก คุมงานด้านความมั่นคง คนหลังเป็นทีมโฆษกผู้เอาการเอางานแห่งคสช.
ทำไมไม่ถาม นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล
ซึ่งนอกจากเคยเป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแล้วยังเป็นอดีตส.ส.จากพื้นที่เชียงใหม่
ทำไมจึงเล็งเป้าไปยัง “ทหาร”
ตรงนี้ต้องลองเข้าไปนั่งใน “หัวใจ” ของ “นักข่าว” ซึ่งคร่ำหวอดอยู่กับกระแสในทางการเมือง
1 พื้นที่เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง
รู้กันอยู่ว่าเป็นพื้นที่ที่ “ประชาชน”ให้ความนิยมต่อพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด
ไม่นิยมธรรมดา หากนิยม “ยกจังหวัด”
แทบไม่มีความจำเป็นอะไรเลยที่จะต้องทำจดหมาย”ปลอม”ส่งไปเพื่อโน้มน้าวและจูงใจอีก
“ของตาย” อยู่แล้ว
1 ลักษณะของจดหมาย”ปลอม”นั้นส่อพิรุธหลายอย่างให้เกิดความสงสัย
เรื่องนี้จำเป็นต้องจำแนก แจกแจง
เริ่มตั้งแต่ “ซองจดหมาย” ซึ่งเป็น “ตราครุฑ” จำนวนมากมายเป็นหมื่นฉบับเช่นนี้
ใช่ว่าจะหามาได้อย่างง่ายดาย
ตามมาด้วยลักษณะการจ่าหน้าซอง ไม่ว่าจะจ่าโดยไม่ระบุว่าเป็นใคร
สร้างข้อสงสัยให้ตั้งแต่ต้น
ยิ่งกว่านั้น ยิ่งเมื่อมีการเปิดเผยโดย”ทหาร”ว่า เป็นรายชื่อของแกนนำต่างๆ ที่เคยเคลื่อนไหวทางการเมือง
ถามว่าจำเป็นด้วยหรือที่จะต้องส่งให้ “แกนนำ”
ขณะเดียวกัน ปรากฏว่าจดหมายส่วนใหญ่ส่งมาจากพื้นที่เขตดุสิต กทม. มีส่วนน้อยเท่านั้นที่ส่งมาจากเชียงใหม่
การปลอมครั้งนึ้จึงกลายเป็นของแปลก
เป็นของแปลกกระทั่งสร้างความคลางแคลงสงสัยในหมู่”นักข่าว”ในภาคสนาม
จนต้องถาม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
จนต้องถาม พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์
แล้วทุกคนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งเมื่อได้รับการปฏิเสธ
ที่มา มติชนออนไลน์
15 ก.ค. 59
ท่าทีของ “ผู้สื่อข่าว” ในสนามต่อการปรากฏขึ้นอย่างอึกทึกของจดหมาย “ปลอม”
น่าศึกษา
น่าศึกษาว่าเหตุใดพวกเขาจึงมองข้ามบทบาทของ 1 พรรคเพื่อไทย และ 1 นปช.ไปอย่างอัตโนมัติ
ตรงกันข้าม ตั้งแง่สงสัยไปยัง “ทหาร”
เห็นได้จากคำถามที่พุ่งตรงไปยัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
จากนั้นก็ถามไปยัง พ.อ.ปิยพันธุ์ กลิ่นพันธุ์
คนแรก คุมงานด้านความมั่นคง คนหลังเป็นทีมโฆษกผู้เอาการเอางานแห่งคสช.
ทำไมไม่ถาม นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล
ซึ่งนอกจากเคยเป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแล้วยังเป็นอดีตส.ส.จากพื้นที่เชียงใหม่
ทำไมจึงเล็งเป้าไปยัง “ทหาร”
ตรงนี้ต้องลองเข้าไปนั่งใน “หัวใจ” ของ “นักข่าว” ซึ่งคร่ำหวอดอยู่กับกระแสในทางการเมือง
1 พื้นที่เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง
รู้กันอยู่ว่าเป็นพื้นที่ที่ “ประชาชน”ให้ความนิยมต่อพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด
ไม่นิยมธรรมดา หากนิยม “ยกจังหวัด”
แทบไม่มีความจำเป็นอะไรเลยที่จะต้องทำจดหมาย”ปลอม”ส่งไปเพื่อโน้มน้าวและจูงใจอีก
“ของตาย” อยู่แล้ว
1 ลักษณะของจดหมาย”ปลอม”นั้นส่อพิรุธหลายอย่างให้เกิดความสงสัย
เรื่องนี้จำเป็นต้องจำแนก แจกแจง
เริ่มตั้งแต่ “ซองจดหมาย” ซึ่งเป็น “ตราครุฑ” จำนวนมากมายเป็นหมื่นฉบับเช่นนี้
ใช่ว่าจะหามาได้อย่างง่ายดาย
ตามมาด้วยลักษณะการจ่าหน้าซอง ไม่ว่าจะจ่าโดยไม่ระบุว่าเป็นใคร
สร้างข้อสงสัยให้ตั้งแต่ต้น
ยิ่งกว่านั้น ยิ่งเมื่อมีการเปิดเผยโดย”ทหาร”ว่า เป็นรายชื่อของแกนนำต่างๆ ที่เคยเคลื่อนไหวทางการเมือง
ถามว่าจำเป็นด้วยหรือที่จะต้องส่งให้ “แกนนำ”
ขณะเดียวกัน ปรากฏว่าจดหมายส่วนใหญ่ส่งมาจากพื้นที่เขตดุสิต กทม. มีส่วนน้อยเท่านั้นที่ส่งมาจากเชียงใหม่
การปลอมครั้งนึ้จึงกลายเป็นของแปลก
เป็นของแปลกกระทั่งสร้างความคลางแคลงสงสัยในหมู่”นักข่าว”ในภาคสนาม
จนต้องถาม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
จนต้องถาม พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์
แล้วทุกคนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งเมื่อได้รับการปฏิเสธ