วันจันทร์, กุมภาพันธ์ 01, 2559

ชัด... ร่าง รธน. ฉบับมีชัยนี้ ยี้เสียยิ่งกว่าฉบับไหนๆ ที่เคยร่างกันมา...


ที่มา
https://www.facebook.com/bygonreturn/photos/
a.1464200070474084.1073741829.1437868739773884/1820515851509169/?type=3&theater


มาช้าดีกว่าไม่มา ฮุนต้าไม่ได้พูด แต่ ‘มีชัย’ และ กรธ. น่าจะคิดอย่างนั้น ว่า ปชป. น่ารักเสียจริงเบย

นี่คงไม่ใช่เพราะมีชัย “ขู่ถ้าคว่ำให้ยกร่างใหม่ อาจเจอโหดกว่านี้” ตามคำโปรยของไทยรัฐ พูดจริงๆ ก็ครือๆ

“คนก็บ่นมากว่ารัฐธรรมนูญนี้โหด ผมก็ได้อธิบายให้คนฟังแล้วว่า รัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 ได้กำหนดกรอบไว้ จะร่างอีกกี่หนก็ต้องมีแบบนี้ หากคว่ำแล้วร่างใหม่ก็จะมีกลไกเหล่านี้ อาจเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมอีกด้วยซ้ำ”

(http://www.thairath.co.th/content/570592)

จุรินทร์ ลักษณะวิศิษฎ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คงเพิ่งจะศึกษาร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับที่กรรมการชุดของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เพิ่งเปิดตัวเมื่อวันก่อน เสร็จสิ้นอย่างรอบคอบ พิถีพิถัน แม้ว่าคนอื่นๆ เขาวิจารณ์กันมาล่วงหน้าเป็นอาทิตย์แล้ว รวมทั้งนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รอง หน. ปชป. อีกคน




นายจุรินทร์แจ้งว่าร่าง รธน. มีชัย ที่ใครๆ สับแหลกว่าเลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยมีมา (แต่คนร่างว่ามีเลวกว่านี้ถ้าโดนคว่ำโดยประชามติ โดยเจ้าตัวจะเขียนใหม่เอง) “ก็มีข้อดีหลายข้อ” จะให้แน่ๆ ลงไปเลยก็ได้ ๕ ข้อ

ตั้งแต่เรื่องตัดสิทธิ์นักการเมืองที่ไม่ใช่ ‘คนดี’ ตลอดชีวิต ให้อำนาจ ปปช. ฟันนักการเมืองได้ด้วยมือตนเอง กำหนด ‘หน้าที่’ พลเมืองไว้ตายตัวว่าต้องต้านคอรัปชั่น ให้อำนาจองค์กรอิสระไว้งัดข้อกับรัฐบาลโดยตรง และประเคนอำนาจให้ศาลรัฐธรรมนูญดุจเทวดา

เหล่านั้นล้วนเป็นประเด็นที่สื่อจำนวนหนึ่ง นักวิชาการจำนวนมาก และพรรคเพื่อไทย ล้วนแต่เห็นต้องกันว่าเป็นบัญญัติที่กีดกันพรรคการเมืองมีอำนาจ ไม่ว่าจะได้รับเลือกตั้งมากน้อยเพียงใด กับทั้งให้อำนาจทางการเมืองล้นหลามแก่องค์กรที่ไม่ต้องมาจากเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน

(ดูบทวิเคราะห์ของ อจ. ศิริพรรณ นกสวน สวัสดี เป็นตัวอย่าง จากนี่https://www.facebook.com/siripan.nogsuansawasdee/posts/1231254856892498?fref=nf)

แต่นายจุรินทร์กลับเห็นดีงาม เหมือนดั่งขานรับคำปรามของเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) พล.อ. ทวีป เนตรนิยม ที่ประกาศว่า




ขณะนี้ฝ่ายความมั่นคงกำลังจับตาอย่างใกล้ชิด ต่อกลุ่มที่เคลื่อนไหวแสดงความไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะกลุ่ม นปช.-พท.-นักวิชาการ รวมถึง ปชป. บางส่วน “ที่มีความคิดเป็นประชาธิปไตยสุดโต่ง”

หลักการประชาธิปไตยของนายจุรินทร์คงจะเห็นพ้องกับฝ่ายความมั่นคง กำหนดในรัฐธรรมนูญว่านักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งคือผู้ที่จะต้องคอรัปชั่นอย่างแน่นอน และการยึดมั่นเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนเป็น ‘ประชาธิปไตยสุดโต่ง’

โดยมิพักจะฟังความเห็นของนักวิชาการ อย่างเช่น Soraj Hongladarom @Sonamsangbo ที่ตำหนิไว้ว่า

“ฐานคิด รธน. มีชัย ‘ผิดหมด’ คือไปคิดว่าคนที่ได้รับเลือกตั้งต้องโกงตลอดชาติ องค์กรอิสระ ฯลฯ ไม่มีวันโกง”

หรือเช่น เดชรัต สุขกำเนิด ที่ออกมาโต้แย้งนายภัทระ คำพิทักษ์ กรรมการร่างรัฐธรรมนูญคนหนึ่งซึ่งอ้างว่า สิทธิชุมชนที่เคยมีอยู่ในรัฐธรรมนูญฉบับ ๒๕๕๐ ไม่ได้หายไปจากร่างฯ มีชัย




นายเดชรัตชี้ว่าคำอ้างของนายภัทระเรื่องสิทธิชุมชนย้ายไปอยู่หมวด ๕ มาตรา ๕๓ และ ๕๔ นั้นไม่เป็นจริง เพราะทั้งสองมาตรากล่าวอย่างคร่าวๆ ถึงการจัดให้ประชาชนมีส่วนร่วม และรับฟังความคิดเห็นประชาชนที่เกี่ยวข้อง

ร่าง รธน.มีชัย “ตัดส่วนที่เป็นการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ และความเห็นประกอบขององค์การอิสระออกไป...นี่คือสิทธิของชุมชนที่หายไปชัดๆ”

ข้อสำคัญ “ถ้าสิทธิชุมชนอยู่ที่เดิม รัฐจะร่างกฎหมายลูกเสร็จหรือไม่ หรือจะร่างดีหรือไม่ดีเพียงใด สิทธิชุมชนยังคงอยู่และล่วงละเมิดไม่ได้ ชุมชนยังสามารถนำคดีขึ้นสู่ศาลได้ทั้งสิ้น แต่เมื่อย้ายหมวดแล้ว สิทธิชุมชนก็ไม่ใช่ประเด็นในการนำคดีขึ้นร้องขอความเป็นธรรมต่อศาลอีกต่อไป นี่คือ สิทธิชุมชนที่หายไปจากร่าง รธน.”

เดชรัตบอกด้วยว่า “ณ ขณะนี้ ผมขอใช้สิทธิของผมที่จะปฏิเสธร่างรัฐธรรมนูญ”

(https://www.facebook.com/photo.php?fbid=955910507834234&set=a.108620185896608.17252.100002458825960&type=3&theater)

จึงเป็นที่เห็นชัดว่าร่าง รธน. ฉบับมีชัยนี้ ยี้เสียยิ่งกว่าฉบับไหนๆ ที่เคยร่างกันมา รวมทั้งฉบับก่อนๆ ที่นายมีชัยเคยร่าง หรือกระทั่งร่างที่แล้ว ซึ่ง บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ศิษย์รักของนายมีชัยร่างเองกับมือ ว่ายี้ไม่มีไหนเทียบแล้ว ฉบับของอาจารย์ร้ายกว่า




กระทั่งในหมู่คนที่เรียกได้ว่า ‘อิงแอบ’ หรือเป็น ‘นั่งห้าง’ ให้ คสช. อย่างสุริยะใส กตะศิลา อดีตแกนนำ พธม. ที่ปัจจุบันไปอยู่มหาวิทยาลัยรังสิต หรือ ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดี มธ. และ รสนา โตสิตระกูล อดีตกลุ่ม ๔๐ สว. ลากตั้ง

ต่างเสนอความเห็นไม่เต็มใจรับร่างฯ มีชัยในขณะที่ยังไม่โหดไปกว่านี้ด้วยกันทั้งนั้น แม้นว่าล้วนแสดงออกกันเหมือนเล่นละคร

บ้างตำหนิว่าปฏิรูปน้อยไป (สุริยะใส) บ้างไม่กล้าวิพากษ์ตรงๆ ได้แต่อ้อมแอ้มว่า “เกรงจะก่อความยุ่งยาก” (ปริญญา) ไปจนถึงขั้นบริภาษณ์ว่าเป็นอาญาสิทธิ์แบบนายทุนขุนนาง เหมือนดั่ง ‘ทักษิโณมิคส์’ เข้าไปโน่น (รสนา)

(ดู http://www.komchadluek.net/detail/20160130/221496.html )

กระทั่งกระนั้น อาการเกาะชายเสื้อ คสช. หรือ grabbing the coattail effect ของรองหัวหน้าพรรค ปชป. ก็ยังไม่เหลวไหลเท่าวิธีการกวาดของเหลือกินอย่างกระสือของ กกต. เมื่อมีกรรมการเลือกตั้งคนหนึ่งออกมาแถลงว่า

ใครที่จะรณรงค์คัดค้านร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ต้องไปขออนุญาตจาก กกต. เสียก่อน





นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “กกต.ได้กำหนดให้ผู้ที่จะรณรงค์รับหรือไม่รับร่างประชามติต้องมาทำการจดแจ้งองค์กรกับ กกต.ก่อน ว่ามีสมาชิกกี่คน มีแผน แหล่งที่มาของงบประมาณในการทำกิจกรรมอย่างไร โดยเป็นการทำกิจกรรมภายใต้ กกต.กำหนด ก็จะสามารถรณรงค์ได้โดยไม่ผิดกฎหมาย”

(http://www.matichon.co.th/news/20265)

โอว นี่ไง องค์กรอิสระที่ร่างฯ มีชัยจัดไว้เป็น ‘ลูกเทพ’ สำหรับ รธน. ๕๙ แบบนี้ถ้าต้องให้ ‘มีชัย ไม่ปลอก’ ร่างใหม่อีก โหดแค่ไหนก็ไม่กลัวแล้ว ดีกว่าต้องทนทรมานอาการคันยิกคันยักจากหมามุ่ย กกต.