วันอาทิตย์, กุมภาพันธ์ 21, 2559

"พระแท้ยังมี เมื่อพระไม่ดีก็ทำใจเราให้เป็นพระ"




ที่มา เพจ
นิตยสารข้ามห้วงมหรรณพ กับอ.อัจฉราวดี วงศ์สกล


"พระแท้ยังมี เมื่อพระไม่ดีก็ทำใจเราให้เป็นพระ"
อ.อัจฉราวดี วงศ์สกล
ธรรมในข้ามห้วงฯ
.....

ไปต่างจังหวัดไม่กี่วัน อาจารย์เห็นภาพข่าวพระกระชากคอทหาร
เมื่อมาดูโดยรวมเขาก็สรุปว่า “ม็อบพระ”
อ้อ...ทำไมแรงแบบนี้
ยอมรับว่า พอเห็นแล้วก็อุทานว่า “เวรจริงๆ”
..

อาจารย์ไม่อยากตอกย้ำสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว แต่ after effect นี่ เป็นสิ่งที่จำต้องหยิบขึ้นมาเขียน นั่นก็คือ ความรู้สึกสิ้นศรัทธาในสงฆ์ นอกจากเสียงก่นด่าเกลื่อนเมืองแล้ว บางคนถึงขนาดจะประกาศเปลี่ยนศาสนาไปเลย
นี่คือเข้าทางเล่ห์มารทั้งสิ้น

อย่าปล่อยให้พระกลุ่มเดียวทำให้ใจเสื่อมไปจากพระพุทธศาสนา ไม่มีการแทรกแซงทำลายใดจะได้ผลไปกว่าการทำให้คนในกันเองทำให้ศาสนาเสื่อม เล่ห์มารทั้งนั้น พระที่ไม่ใช่พระแท้อาจารย์ยอมรับว่ามีเยอะ แต่พระแท้ก็มีไม่น้อย แค่พระดีไม่มีเวทีให้แสดง แต่พระไม่ดีภาพที่ฟ้องมันมันส์
แล้วเราก็ไปหลงกลเขา จะลาจากพระบรมศาสดาทั้งที่พระองค์ทรงอุทิศชีวิตถึงสี่อสงไขยกับอีกหนึ่งแสนกัลป์ เพื่อแสวงหาทางหลุดพ้นให้แก่พวกเราเพื่อชี้ทางสว่างให้แก่เวไนยสัตว์ ยิ่งเห็นความเสื่อมในหมู่บรรพชิตขนาดนี้ เรา...ฆราวาสยิ่งต้องเข้ามาเป็นกำลังค้ำยันพระพุทธศาสนา ไม่ให้เสื่อมลงไปกว่านี้ ไม่ใช่คิดแต่เพ่งโทษแล้วประกาศตัวถอย พากันเปลี่ยนศาสนา พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า ..."อานนท์ พระพุทธศาสนาจะอยู่ได้นานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับพุทธบริษัท "....คำว่าศาสนาประกอบด้วย พระศาสดา คำสอนและพุทธบริษัท สองส่วนแรกไม่มีคำว่าเสื่อม แต่ส่วนที่สามนี่ คือ กลไกที่นำมาทั้งความรุ่งเรืองและความเสื่อม

พุทธบริษัทมี 4 ขา เหมือนเก้าอี้ เมื่อขาหลักคือบรรพชิตเสื่อม ภิกษุณีก็ไม่มี สองขาที่ต้องยันกันไว้ให้อยู่ไม่ให้กำแพงล้มลง คือ ฆราวาส ที่เรียกว่า อุบาสก อุบาสิกา

หากพระพุทธองค์ทอดสายพระเนตร คงทรงทอดมองลงมาด้วยความสลดสังเวชใจ 2,500 ปีกึ่งพุทธกาล ณ เมืองที่พยายามจะประกาศตนเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนา แต่กลับเต็มไปด้วยบรรพชิตทุศีล พร่องในธรรมวินัย ฆราวาสก็เต็มไปด้วยพุทธช่างขอและจิตที่อ่อนแอ ศีลห้ายังรักษาไม่ได้ มุสลิมก็รุกหนัก โลกข้างนอกก็ตีกระหนาบ เอาพระสัญลักษณ์ไปเหยียบย่ำต่ำที่สุดอย่างสิ้นไร้ความเคารพ ขนาดไปพิมพ์บนโถส้วม ไปพิมพ์ให้เหยียบอยู่บนรองเท้าแตะ มันเกิดอะไรขึ้น!

อาจารย์ได้อุทิศตนให้พระพุทธศาสนา เน้นงานในส่วนของการปกป้องพระสัญลักษณ์ เพราะหากผู้ใดเหยียบย่ำสัญลักษณ์ได้แสดงว่าเขาไม่มีจิตสำนึกเสียแล้ว มันเป็นส่วนเชื่อมของจิตใจ แต่ในส่วนของศาสนจักรที่แตกแยกกันเป็นเสี่ยงก็หาใช่ว่าเราทุกคนจะละเลยได้ เราจำเป็นต้องช่วยกันค้ำชูพระพุทธศาสนาด้วยความดีของเรา

อาจารย์ขอเสนอทางแก้ปัญหาพระที่ไม่สมควรเป็นพระ นำผ้ากาสาวพัสตร์มาทำแปดเปื้อน ด้วย 4 ข้อหลักๆ
..

1. อย่าส่งลูกหลานไปบวชเมื่อไม่พร้อม, ไม่บวชแก้บน, ไม่บวชเป็นอาชีพ
อย่าผลักดันลูกหลานที่ยังไม่พร้อมให้ไปบวชเพียงเพราะพ่อแม่อยากเห็นชายผ้าเหลือง ทำเช่นนั้นเท่ากับพาเขาไปตกนรกเพราะความอยากของพ่อแม่ ให้เขาพร้อม ให้เขาศรัทธา เมื่อพร้อมแล้วเขาจะเป็นพระแท้ที่เราไหว้ได้อย่างสนิทใจ ไม่ใช่แค่เอาผ้าเหลืองมาพันกาย ...อย่าบวชแก้บน อย่าบวชหนีงานหรือบวชเพื่อหาเลี้ยงชีพ เมื่อไม่มีจิตศรัทธา ย่อมไม่อาจทานแรงต้านกิเลสได้ ทำให้ศีลและจริยวัตรด่างพร้อยสร้างความเสื่อมเสียต่อสงฆ์องค์รวม จะเป็นบาปหนัก

ทางโลกุตระ ท่านเรียกผู้ที่บวชพระว่าเป็น บุตรของพระพุทธเจ้า
เพียงแค่ห่มเหลือง ไม่ว่าคุณจะเป็นใครมาก็ตาม เคยเป็นโจรหรือเป็นขอทาน พระราชายังทรงไหว้ เราไหว้ผ้ากาสาวพัสตร์และไหว้ผู้ที่มีจิตสืบสานธรรมของพระพุทธองค์ ผู้เป็นพระ เวลาได้คุณก็ได้มากกว่าใคร เวลาเป็นโทษก็ต้องสาหัสกว่าใคร นี่ชอบแล้ว
..

2. อย่าหลงโฆษณาชวนเชื่อ มาร์เก็ตติ้งสร้างภาพ
เช่น ธุดงค์กลางเมือง สร้างภาพให้พระมาเดินให้คนมานั่งโรยดอกไม้แสดงศรัทธาไม่ถูกที่ถูกทาง พระพุทธองค์ทรงกำหนดวันเข้าพรรษาก็เพราะไม่ต้องการให้พระเบียดเบียนฆราวาสในฤดูทำนา แต่นักการตลาดมาทำให้พระเบียดเบียนโยมเพื่อสร้างภาพ แล้วยังลวงจิตโยมให้โลภในบุญ
ศรัทธาที่สร้างจากการตลาดย่อมไม่ยั่งยืนและมีเจตจำนงที่เป็นไป
เพื่อการแสวงหา ลาภ และสรรเสริญ สวนทางกับการละ
อย่าไปเอออวยเสริมให้ธรรมที่หลงทางเติบใหญ่
..

3. ทำจิตให้บริสุทธิ์ อยู่ในทางอริยมรรค
พระไม่ดีก็มี แต่รัตนดวงที่สามหมายถึงผู้มีจิตเป็นพระ ฆราวาสที่มีจิตเป็นพระก็คือรัตนดวงที่สาม พุทธบริษัทสี่ก็ฆราวาสนี่แหละมากที่สุด อย่าหมิ่นพลังของเราเอง เราๆ ท่านๆ กันทั้งนั้น มีเป็นร้อยเป็นพันล้าน จะมาท้อถอยอะไรกับพระไม่แท้เท่าหยิบมือ

ยุคนี้เป็นยุคฆราวาส อาจารย์พูดไว้นานแล้ว ไม่ใช่พึ่งพูด ฆราวาสต้องเข้มแข็งขึ้นมา เราก็ต้องมั่นคงในศีลธรรม พระรัตนตรัยขณะนี้ท่านกำลังหวังพึ่งฆราวาสอยู่ เราขอพรจากท่านมามากแล้ว เราพึ่งท่านมามากแล้ว
ให้ศาสนาพึ่งเราบ้าง ให้เราค้ำชูและทำพระพุทธศาสนาให้สง่างามบ้าง
..

4. ส่งเสริมคนดี ปิดกั้นทางของคนชั่ว
อย่านิ่งดูดาย อย่าท่องคาถาปล่อยวาง
พระองค์สอนให้ปล่อยวางอัตตา วางความยึดมั่นถือมั่นในทุกข์ สุข ในอารมณ์ที่ร้อยรัดใจ ไม่ใช่ไม่ให้ปล่อยปละละเลย มีสิ่งผิดไม่แก้ไข ไม่กล้าเผชิญปัญหา พระองค์สอนให้เราเผชิญกับความทุกข์ ปัญหามีไว้ให้แก้ ไม่ใช่ให้หนี..หากเราหนี เราจะตกเป็นเหยื่อของปัญหาที่ถมทับมามากยิ่งขึ้น
..

พระแท้ยังมี
หากพระไม่ดี ก็ทำจิตเราให้เป็นพระ
อย่าให้ใจเราเสื่อมไปจากพระธรรม
เมื่อศาสนจักรอ่อนแอ ฆราวาสต้องเข้มแข็งขึ้นมา
เราคือพุทธบริษัทที่ใหญ่ที่สุด
อย่าลืมพลังความดีในตัวเรา
ยุคนี้เป็นยุคฆราวาส
เราต้องหนักแน่นค้ำชูพระพุทธศาสนา
ไม่ใช่ประกาศตัวถอย เราทุกคนคือความดี
อย่าสิ้นศรัทธาในธรรม
ช่วยกันยืนหยัดอุ้มชูรักษาพระพุทธศาสนา จะบังเกิดเป็นมหากุศลแก่ชีวิต
ที่ได้แสดงความกตัญญูต่อพระพุทธบิดาและพระพุทธศาสนา
..

อ.อัจฉราวดี วงศ์สกล
18 กุมภาพันธ์ 2559
..
ภาพโดย คุณศุภกฤต ภักดีปฐพี และปฐมกฤษฎ์ นวประดิษฐ์กุล