วันอังคาร, กุมภาพันธ์ 16, 2559

การเมืองระหว่างฝ่าย กับ "การปฏิรูปพุทธศาสนา"


พระสงฆ์ปะทะทหาร ซัดกันนัวกลางถนน หลังขัดขวางเข้า’พุทธมณฑล’


ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นมีที่มาที่ไปที่ซับซ้อนและสัมพันธ์กับ "การปฏิรูปพุทธศาสนา" ที่แยกไม่ออกจากบริบทการเมืองในปัจจุบัน หากดูจากประวัติศาสตร์ การปฏิรูปพุทธศาสนาแยกไม่ออกจากบริบทการเมืองในยุคนั้นๆ เช่น.-

- การปฏิรูปพุทธศาสนาโดยแยกเป็น "ธรรมยุติกนิกาย" และ "มหานิกาย" ก็เกีี่ยวข้องกับการเมืองเรื่องขึ้นครองราชย์ระหว่าง ร.3 กับ ร.4 และเป็นจุดเริ่มต้นของการเมืองระหว่างนิกาย เนื่องจากนิกายที่ตั้งใหม่ถูกให้ความสำคัญจากรัฐมากกว่า

- การปฏิรูปพุทธศาสนาสมัย ร.5 ก็สัมพันธ์กับการเมืองยุคปฏิรูปประเทศโดยสร้างระบบราชการแบบสมัยใหม่ ทำให้เกิดกฎหมายสงฆ์ฉบับแรก และเกิดองค์กรปกครองสงฆ์แบบราชการเป็นครั้งแรก พร้อมกับมีการรับรองความไม่เสมอภาคระหว่างนิกายทางนิตินัยเป็นครั้งแรก ตอกย้ำความรู้สึกไม่เสมอภาคระหว่างนิกายหนักแน่นยิ่งขึ้น

- การปฏิรูปสมัยจอมพล ป.พิบูลย์สงคราม เริ่มจากการเมืองของสงฆ์โดยมีกลุ่มพระฝ่ายมหานิกาย "กลุ่มปฏิสังขรณ์การพระศาสนา" อ้างเหตุผลความไม่เสมอภาคระหว่างนิกาย ทำให้ได้กฎหมายปกครองสงฆ์ 2484 ที่แบ่งอำนาจคณะสงฆ์ออกเป็น 3 ฝ่ายเลียนแบบการแบ่งอำนาจในระบบประชาธิปไตย(แต่เนื้อหาของการปกครองสงฆ์เวลานั้นจริงๆยังไม่เป็นประชาธิปไตย)

- พอถึงยุคเผด็จการทหารนำโดยสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ก็เปลี่ยนระบบปกครองสงฆ์เป็นแบบสมัย ร.5 และปรับให้เป็นกลไกของรัฐเผด็จการทหารมากขึ้น ระบบดังกล่าวยังใช้มาถึงปัจจุบัน

- การเคลื่อนไหวเรื่องปฏิรูปพุทธศาสนายุครัฐบาล คสช.ก็สัมพันธ์กับบริบทวิกฤตการเมืองในปัจจุบัน คือ ฝ่าย กปปส.ที่นำโดยพุทธอิสระ, นายไพบูลย์ นิติตะวันและพวกที่สนับสนุนรัฐบาล คสช.ก็เริ่มกระบวนการปฏิรูปโดยเรียกร้องให้ดำเนินการกับเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ซึ่งเป็นที่รู้ๆกันว่าธรรมกายถูกมองว่าสนับสนุนคุณทักษิณหรือพรรคเพื่อไทย เรื่องเลยลามมาถึงการสกัดว่าที่พระสังฆราชที่ธรรมกายสนับสนุน ส่วนพระสงฆ์ที่ออกมาชุมนุมขณะนี้ส่วนหนึ่งก็เคยชุมนุมสนับสนุนกลุ่มเสื้อแดง

คือเอาเข้าจริงไม่ใช่เรื่องปัญหาของพุทธศาสนาไทยหรือคณะสงฆ์เพียวๆ มันมีการเมืองระหว่างฝ่ายต่างๆเกี่ยวข้องอย่างซับซ้อน

ยิ่งกว่านั้นมันไม่มี "สถาบันรัฐ" หรือสถาบันการปกครองที่ "เป็นกลาง" อยู่จริงที่พอจะทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยความขัดแย้งอย่างเป็นธรรมได้ เพราะรัฐบาล คสช.ก็คือรัฐบาลที่ฝ่ายพุทธอิสระ,นายไพบูลย์และพวกสนับสนุน ขณะที่พระฝายที่รู้สึกว่าพวกตนเป็นผู้ถูกกระทำก็เคยต่อต้านรัฐประหารมาก่อน (อย่างน้อยก็เคยแสดงออกในโลกโซเชียลมีเดีย, ในเวทีเสวนาต่างๆ พระระดับแกนนำก็มีรายชื่อใน "บัญชี" ของหน่วยงานในรัฐบาล คสช.)

ถ้าดูจากบริบทการเมืองที่มีการแบ่งฝ่ายอย่างลึกซึ้ง "ในทุกสถาบันทางสังคม" ปรากฏการณ์ที่เห็นย่อมเป็นปรากฏการณ์ที่จะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ต่อให้เราไม่เห็นด้วยกับ "วาระ" ของพระสงฆ์และเครือข่ายชาวพุทธที่ชุมนุมในวันนี้ แต่เราปฏิเสธความมีอยู่หรือการดำรงอยู่ของ "ตัวตน" ของบรรดาพระสงฆ์และเครื่อข่ายต่างๆเหล่านี้ไม่ได้ ขณะที่พุทธอิสระและนายไพบูลย์เคลื่อนไหวได้อย่างเสรีและ "ส่งเสียงดังกว่า" อยู่ทุกวัน เป็นไไม่ได้ที่อีกฝ่ายจะนิ่งเงียบอยู่เฉยๆ

ปล.แปลกใจที่ อ.สุลักษณ์ ศิวรักษ์ไปผสมโรงกับเขาในเรื่อง "เรียกร้องให้อำนาจเผด็จการปฏิรูปคณะสงฆ์" นี่เป็น "จุดอ่อน" อย่างที่สุดของปัญญาชนสยามยามสนธยา!


สุรพศ ทวีศักดิ์


..

ภาพทหารห้ามพระและฆราวาสเข้าพุทธมณฑลเป็นภาพที่น่าตระหนก เพราะผู้ต้องการปกป้องศาสนาถูกคุกคามทั้งที่ไม่ได้ทำผิด ขณะที่่กลุ่มไม่รับกฎหมายกลับเคลื่อนไหวได้โดยไม่ถูกห้ามแบบนี้ ล่าสุดแกนนำสำคัญอย่างพุทธอิสระถึงขั้นชี้ธรรมกายเป็นขบวนการล้มเจ้าพร้อมชวน กปปส.,พันธมิตร และคปท.ร่วมด้านมหาเถรสมาคมแล้ว การนิ่งเฉยของรัฐบาลที่ไม่ยอมตั้งสังฆราชตามกฎหมายกำลังถูกคนมองเป็นการให้ท้ายกลุ่มที่ัสุมไฟการเมืองเข้าสู่ศาสนาโดยใช้ทหารและกลุ่มมวลชนเป็นเครื่องมือ
‪#‎Overview‬ ‪#‎VoiceTV21‬ ‪#‎sirotek‬

http://news.voicetv.co.th/thailand/326802.html

Sirote Klampaiboon (ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์)



ooo




ooo

คลิปเดือด! พระสงฆ์ปะทะทหาร ซัดกันนัวกลางถนน หลังขัดขวางเข้า’พุทธมณฑล’


ที่มา มติชนออนไลน์
15 ก.พ. 59

เกิดเหตุปะทะกัน ระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารกับพระสงฆ์ มีการแชร์ภาพและคลิปเป็นจำนวนมาก ในขณะนี้ จากกรณีเครือข่ายคณะสงฆ์และองค์กรภาคีพุทธบริษัท 4 ทั่วประเทศ (คสพ.) ได้แก่ ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย สมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา (สนพ.) เครือข่ายพระนิสิต มจร. ทั่วประเทศ เปรียญธรรมสมาคม สมาคมทางสายกลาง สมาคมเปรียญธรรม 9 ประโยค สหพันธ์เปรียญธรรม องค์การยุวพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก ศูนย์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย เครือข่ายคณะสงฆ์ภาค ได้จัดประชุมสกัดแผนล้มล้างการปกครองคณะสงฆ์ไทย โดยตั้งแต่ช่วงเช้ามาพระสงฆ์ และพุทธศาสนิกชนเป็นจำนวนมากทยอยเดินทางมายังพุทธมณฑล เนื่องจากรัฐบาลปล่อยให้กลุ่มคนบางกลุ่มออกมาย่ำยีคณะสงฆ์ รวมทั้งแสดงจุดยืนการเสนอตั้งสมเด็จพระสังฆราช รวมทั้งสนับสนุนให้บัญญัติพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ ในรัฐธรรมนูญ ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า สำหรับการประชุมจะเริ่มอย่างเป็นทางการในเวลา 13.00 น. รวมทั้งเครือข่ายคณะสงฆ์ และองค์กรภาคีพุทธบริษัท 4 ทั่วประเทศ จะออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนในเวลา 17.30 น. อย่างไรก็ตาม การประชุมครั้งนี้จะดำเนินการไปด้วยความสงบ โดยคาดว่าจะมีพระสงฆ์มาร่วมกว่า 20,000 รูป แหล่งข่าวในมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) ได้แจ้งต่อผู้สื่อข่าวว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าได้มีทหารมาเฝ้าสังเกตการณ์ที่บริเวณ มจร. วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยาด้วย นอกนี้ยังมีการแชร์ภาพ และข้อมูลทางโซเชียลมีเดียว่าขณะนี้วัดพระธรรมกายถูกทหารล้อมไว้ รวมทั้งมีการเจรจาว่าไม่ให้มาร่วมประชุมที่พุทธมณฑลด้วย

บรรยากาศเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา เป็นไปอย่างตรึงเครียด เนื่องจากมีพระสงฆ์และประชาชนจำนวนมาก ทยอยเดินทางมาเข้าร่วมงานในพุทธทณฑล แม้ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ทหารจากกองพันทหารราบที่ 9 จำนวนกว่า 50 นาย จะมีการนำรั้วลวดหนาม มาปิดกั้นไม่ให้เข้าไปในพื้นที่ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา

รายงานระบุว่า ต่อมา มีรถขนเสบียงอาหารและน้ำดื่ม รวมไปถึงรถสุขาพยายามเข้าไปในพื้นที่ แต่เจ้าหน้าที่ทหารไม่อนุญาตให้นำเข้าไป โดยได้นำรถจี๊ปมาจอดปิดกั้นไว้กลางถนน จึงทำให้พระสงฆ์บางกลุ่มแสดงความไม่พอใจและพยายามช่วยกันยกรถ จึงเกิดการผลักดันเจ้าหน้าที่ทหาร ทำให้เกิดเหตุชุลมุนเล็กน้อยก่อนเหตุการณ์จะยุติไป โดยฝ่ายพระสงฆ์สามารถนำรถยนต์เข้าไปในพื้นที่ได้สำเร็จ




https://www.facebook.com/100007309687054/videos/vb.100007309687054/1691871107733196/?type=2&theater




นาทีชุลมุน ทหารไม่ให้พราะเข้าร่วมประขุม แล้วมีภาพนิ่งออกมาโจมตีการประชุมของพระ ที่พุทธมณฑล
Posted by Chamnan Pengpark on Sunday, February 14, 2016
https://www.facebook.com/e20ybj/videos/1004696962909539/


ooo

‘ตู่’ซัดแก๊ง3พ.ยุ่งปมตั้งสังฆราช โยน‘รบ.’จะอุ้ม‘พุทธะอิสระ’หรือถูกสงฆ์ทั่วประเทศคว่ำบาตร




ที่มา มติชนออนไลน์
15 ก.พ. 59

เมื่อวันที่ 15 ก.พ. นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการมองไกล ว่า ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทยและองค์เครือข่าย ได้นัดหมายแสดงธรรมเพื่อปกป้องพระศาสนา ที่พุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม แต่ถูกรัฐบาลและทหารสั่งห้ามรถอาหาร และรถสุขาเข้าพุทธมณฑล ถือเป็นความคิดและการตัดสินใจที่ผิดและเป็นบาปอย่างมหันต์

สาเหตุสำคัญที่พระสงฆ์เดินทางมาแสดงธรรม เกิดจากพระพุทธะอิสระ จากวัดอ้อน้อย จังหวัดนครปฐม ร่วมกับฆราวาสซึ่งเป็นแก๊ง 3 พ. ได้เคลื่อนไหวเพื่อต้องการแทรกแซงการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ ที่ผ่านการพิจารณาของมหาเถรสมาคม (มส.) แล้ว

นายจตุพร ระบุว่า แก๊ง 3 พ.ไม่ต้องการให้สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กรุงเทพ ได้เป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ตามมติของมส. พวกนี้จึงเคลื่อนไหวโจมตีพระเทพญาณมหามุนี (พระธัมมชโย) เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เพื่อโยงไปถึงสมเด็จช่วง ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ให้มีความผิดด้วย แต่ความสัมพันธ์ระหว่างวัดปากน้ำกับวัดพระธรรมกาย ถือเป็นเชิงหลักธรรมความเชื่อเท่านั้น

การโจมตีวัดพระธรรมกายมีจุดมุ่งหมายต้องการล้มเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย แล้วจะนำไปสู่การขัดขวางสมเด็จช่วงไม่ให้เป็นสมเด็จพระสังฆราชได้ แต่มติ มส. ยึดตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2535 ว่า การแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ต้องเป็นไปตามหลักอาวุโสโดยสมณศักดิ์ ซึ่งสมเด็จช่วงมีคุณสมบัติตามกฎหมาย และยังเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชด้วย

“แก๊ง 3 พ. ได้เดินหน้าตรวจสอบสมเด็จช่วงมาต่อเนื่อง ตั้งแต่พระพุทธอิสระนำกางเกงใน ไปถวายอันเป็นการกระทำที่มิบังควรต่อสมเด็จผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช จากนั้นมีการกล่าวหาเรื่องครอบครองรถหรู ซึ่งเป็นรถที่สะสมไว้ในพิพิธภัณฑ์วัดปากน้ำ กระทั่งล่าสุด มส.ไม่มีมติให้เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายปาราชิก เพราะคดีจบแล้ว มส.จึงพิจารณาไม่ได้ แต่พระพุทธอิสระและพวกไปแจ้งความให้ดำเนินคดีกับ มส.ว่า เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ข้อหาละเว้นและปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ”

นายจตุพร กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของแก๊ง 3 พ.นั้น ฝ่ายบ้านเมืองไม่ได้แสดงการปกป้อง มส.ซึ่งเป็นองค์กรของคณะสงฆ์ไทยเลย จึงทำให้ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทยที่ยังไม่มีการเคลื่อนไหว ต้องมาแสดงพลังเพื่อปกป้องพระพุทธศาสนา ให้รอดพ้นจากพระที่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมือง เคยปิดถนน ยึดหน่วยงานรัฐในช่วงการชุมนุมทางการเมืองร่วมกับ กปปส. ดังนั้น ความไม่พอใจของวงการสงฆ์ในวันนี้ เกิดจากพระพุทธอิสระแทรกแซง รัฐบาลดำเนินการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ใหม่

นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อมส. ไม่ได้ดำเนินตามความอยากของแก๊ง 3 พ. จึงแจ้งความดำเนินคดีกับมส.ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี เพียงต้องการให้บรรลุตามความประสงค์เท่านั้น ดังนั้นวันนี้จะเห็นภาพพระสงฆ์ที่พุทธมณฑลอย่างไม่เคยเห็น การห้ามรถสุขา และรถอาหารเข้า ไม่สามารถหยุดพระสงฆ์ที่มีความตั้งใจปกป้องพระพุทธศาสนาได้ รัฐบาลต้องตัดสินใจเลือกเอาว่าจะเลือกพระพุทธะอิสระกับพวก ก็จะเจอการคว่ำบาตรจากพระสงฆ์ทั่วประเทศ

ooo



เปิดประเด็นร้อน 'ศึกสงฆ์' ถามตรงๆ กับจอมขวัญ หลาวเพ็ชร์ |15-02-59 | ไทยรัฐนิวส์โชว์ | ThairathTV

https://www.youtube.com/watch?v=tPXSR3p2vIg&feature=youtu.be

Published on Feb 15, 2016

หลังจากมีเหตุที่พุทธมณฑล รวมถึงกระแสข่าวเกี่ยวกับการเลือกสมเด็จพร­ะสังฆราช วันนี้คุณจอมขวัญ จะสัมภาษณ์สดกับ หลวงปู่พุทธอิสระ ในช่วงถามตรงๆกับจอมขวัญ หลาวเพ็ชร์






ที่มา มติชนออนไลน์
15 ก.พ. 59

พระเมธีธรรมาจารย์ (ประสาร จนฺสาโร) เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย (ศพศ) ได้กล่าวในการแถลงสังฆมติว่า ขณะนี้มีความพยายามจะนำการเมืองทางโลกเข้ามาแทรกแซงคณะสงฆ์ มีการจาบจ้วงดูหมิ่นมหาเถรสมาคม (มส.) และพระมหาเถระ อย่างไม่เคยมีการก่อน โจมตีให้ร้าย และแทรกแซงขัดขวางกระบวนการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชอย่างชัดเจน เมื่อมติ มส.ไม่มีความหมาย นั่นคือจุดล่มสลายของการปกครองคณะสงฆ์ไทย และจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อทุกสถาบันในไทย

พระเมธีธรรมาจารย์ แถลงต่อว่า คณะสงฆ์ทั่วประเทศจึงมีสังฆมติร่วมกันว่า ขอให้นายกฯ ดำเนินการดังนี้ 

1.ห้ามหน่วยงานภาครัฐเข้ามาก้าวก่ายเรื่องทางสงฆ์ ขอให้ทำหน้าที่อุปถัมภ์บำรุงพระพุทธศาสนาตามแบบอย่างบรรพบุรุษไทย 

2.ขอให้รัฐบาลยึดถือธรรมเนียมปฏิบัติอันดีงามที่กระทำสืบกันมา คือการดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับการปกครองคณะสงฆ์ ทางรัฐบาลจะต้องปรึกษา และได้รับความเห็นชอบจาก มส.ก่อน 

3.ขอให้นายกฯ ยึดถือดำเนินการตามมติ มส.ที่มีการเสนอนามสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปญฺโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เพื่อสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช 

4.ขอให้รัฐบาลสั่งเป็นนโยบายให้หน่วยราชการปฏิบัติต่อคณะสงฆ์ด้วยความเคารพ เอื้อเฟื้อ ไม่ข่มขู่คุกคามคณะสงฆ์ ด้วยการใช้กฎหมาย และ 

5.ขอให้บรรจุพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญ

“ภายหลังแถลงสังฆมติเสร็จ อาตมาจะเดินทางไปยื่นข้อเสนอทั้ง 5 ข้อต่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล หากตกลงไม่ได้จำเป็นต้องอยู่ยืดเยื้อออกไป” พระเมธีธรรมาจารย์ กล่าว

ooo


ฟังความรอบด้าน 15 02 59


https://www.youtube.com/watch?v=h2vvXcANwPw

PEACE TV

Published on Feb 15, 2016