ต่อกรณีพบหัวจ่ายน้ำมันไม่เต็มลิตร ที่ปั๊ม ปตท.สระบุรีเมื่อปลายเดือนพฤศจิกา จนเป็นเรื่องทัวร์ลงการปิโตรเลี่ยมฯ ขนานใหญ่ ทำให้ช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา แทนที่สถานีจำหน่ายเชื้อเพลิงรถของ ปตท.จะทำรายได้เพิ่มเหมือนเคยทุกปี
แต่ “ยอดขายของสถานี ปตท.บางแห่ง ลดลงอย่างเห็นได้ชัด” เจ้าของสถานีฯ เชื่อกันว่า “เป็นผลมาจากการโหมกระพือเติมน้ำมันไม่เต็มลิตรในสื่อโซเชียลอย่างต่อเนื่อง” พิสูจน์แล้วจากปั๊มยี่ห้อคู่แข่ง “ยอดขายของเขาไม่ได้ลดลงเหมือนกับปั๊ม ปตท.”
‘ประชาชาติ’ รายงานว่าแม้เมื่อปลายปีที่แล้ว ได้มีการเคลื่อนไหวจากกระทรวงพลังงานประกาศว่า อัตรา ‘เผื่อเหลือเผื่อขาด’ บวก/ลบ ไม่เกิน ๐.๐๕ ลิตรต่อน้ำมัน ๕ ลิตรที่หัวจ่าย “เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง” และกรมการค้าภายในสั่งให้ผู้ค้าตั้งค่าหัวจ่ายมากกว่า ๐ (ศูนย์)
ทำอย่างไรได้วิกฤตศรัทธาได้เกิดขึ้นแล้วกับปั๊ม ปตท. ทั้งที่มีภาพป้ายประกาศของปั๊ม ปตท.แจ้งว่าจำหน่ายน้ำมันเต็มลิตร กลายเป็นภาพไวรัลทั่วอินเตอร์เน็ต ถูกวิจารณ์สาดเสียว่าไม่เชื่อ สาปส่งไม่เข้าไปเติมน้ำมัน แต่อาจแวะแค่เข้าห้องน้ำ
เฉกเช่นนโยบายรัฐบาลเศรษฐา ที่เพิ่งเริ่มรณรงค์ล่าสุด ไม่ต่ออายุราชการหลังเกษียณ ข่าวว่านายกฯ ประกาศลั่นในการประชุม ครม. รัฐบาลนี้ไม่ทำ “โดยเฉพาะข้าราชการชั้นสูง...ข้าราชการระดับกลางคนทำงานจะได้ขึ้นมาได้”
ก็น่าโมทนาให้นโยบายนี้สำเร็จต่อไป ข้าราชการที่ไม่มีเส้นสายจะได้ยินดี และช่วยขจัดความคลางแคลงใจในสมรรถนะของนายกฯ ออกไปเสียบ้างระหว่างรอดูผลสัมฤทธิ์กันในอีกปีสองปีข้างหน้า ทว่าก็ต้องแสดงให้เห็นด้วยว่าแม้ไม่คิดเองก็ยังทำได้
เช่นกันกับอีกกรณี นโยบายลดหย่อนภาษี เปิดให้รายบุคคลหักรายได้ต้องเสียภาษีคนละ ๖ หมื่นบาท คู่สมรส ๖ หมื่น ลูกคนละ ๓ หมื่น บุพการี ๓ หมื่น ฝากครรภ์และคลอด ๖ หมื่น อุปการะคนพิการ ๖ หมื่น เหล่านี้ทำให้ประชาชนชื่นมื่น
ทั้งที่นโยบายนี้ไม่ใช่นโยบายของพรรคเพื่อไทย แต่เก็บเอามาทำต่อจากของเดิมที่มีอยู่แล้วตั้งแต่ปี ๒๕๖๐ ถึงอย่างนั้น “กาลเวลาก็ผ่านไป ๖ ปีแล้ว ควรปรับขึ้นนะ” @kandainthai แนะ โดยยกตัวอย่างอเมริกาอีกแหละ “เมกาปรับขึ้นเป็น 2.30 เท่าของปี 2560” แน่ะ
(https://mof.go.th/th/view/attachment/file/3134303231/290459_2.pdf, https://www.thansettakij.com/business/economy/585359 และ https://www.prachachat.net/economy/news-1475428XAHP1Z_KOcKw)