All About Living
November 9 ·
[ ฟุตบาทดี ชีวิตดีขึ้นเยอะ ] - วันก่อนเจ๊กำลังจะนั่ง BTS ไปทำธุระที่นึง ก็คิดขึ้นมาได้ว่า "ค่ารถรวมไป-กลับมันเท่าไรนะ ?"
- ค่าวินไปขึ้น BTS (1.2 km.) = 25 บาท
- ค่า BTS = 47 บาท
- ค่าวินจาก BTS ไปที่หมาย (1 km.) = 25 บาท
รวมต่อเที่ยว = 97 บาท / รวมไปกลับ = 194 บาท!
.
แอบตกใจอยู่นะ นี้ฉันแค่เดินทางไป-กลับ ใช้เงินเกือบ 200 บาทเลยหรอ! กินข้าวห้างอร่อยๆได้มื้อนึงเลยนะ เจ๊ว่าวันนึงเราไม่ควรจะเสียค่ารถเกิน 100 บาทไหมง่ะ? แปลว่าถ้าตัดค่านั่งวินออก จะประหยัดได้ขั้นต่ำปีละ 13,000 บาทเลยน่ะ! (คิดจากนั่งวินไป-กลับ 5 วันต่อสัปดาห์ = 50 x 5 x 52 = 13,000 บาท)
.
ระยะทางประมาณ 1 km. สำหรับเจ๊คือเดินได้สบายมาก แต่ติดปัญหาเดียวคือ "กลัวจั๊กเปียก เสื้อชุ่ม ตัวเหม็น หน้าโทรมเหงื่อ"
.
จนมาเจอฟุตบาทที่มีต้นไม้ร่มรื่นเหมือนอย่างเส้นราชดำริและเส้นวิทยุ "เห้ย! มันไม่ร้อนจริงๆนะ"
.
เคยเดินแบบที่มีหลังคาปูนเหมือนที่ Singapore หรือภูเก็ต ถึงจะไม่โดดแดด แต่ก็ยังร้อนอยู่ดี เพราะคอนกรีตมันดูดซับความร้อนจากแดดไว้มาก (heat island effect) ทำให้แม้จะมีที่บังแดด ก็ยังอบอ้าวมากอยู่ดี
.
แต่ฟุตบาที่ร่มรื่นแบบในรูป คือเดินแล้วเย็นสบาย เหงื่อไม่ออกเลย
.
มาหาข้อมูลเพิ่มจาก UDDC - Urban Design and Development Center ยิ่งเจอข้อมูลน่าสนใจมาก
.
- องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดไว้ว่า "ถ้าอยากมีสุขภาพดี ต้องออกกำลังกายปานกลางขั้นต่ำ สัปดาห์ละ 150 นาที - หรือเดินวันละ 30 นาที" (เจ๊ขอเสริม WHO บอกว่า ควรมีพื้นที่สีเขียว 10 ตารางเมตรต่อประชากร 1 คนด้วย)
- ตัวเลขจาก USA คนที่ใช้รถยนต์จะเดินเฉลี่ยวันละแค่ 8 นาที
- พอเราเดินน้อย เราก็ต้องไปเสียเงินเข้า Fitness (เจ๊ขอเพิ่มค่านั่งวินไป-กลับด้วยค่ะ)
- ทางเท้าควรกว้างขั้นต่ำ 1.5 เมตร เป็นระยะที่คน 2 คนเดินสวนกันได้ ไหล่ไม่ชนกัน ที่ญีปุ่นกำหนดขั้นต่ำไว้ที่ 1.8 เมตร
- ยิ่งคนเดินเยอะ ก็ยิ่งทำให้เศรษฐกิจชุมชนเติบโต
.
เท่ากับว่า จริงๆแล้วถ้าเราเปลี่ยนฟุตบาทในเป็นเหมือนสวนสาธารณะได้จริง (และเปลี่ยนมาใช้รถ EV เพื่อลด gas CO2, CO, ฝุ่น) แล้ว เราจะก็สามารถออกกำลังกายได้จากการเดินไปทำงานทุกวัน ประหยัดเงิน ประหยัดเวลา ได้อีกเยอะ
.
และจะยิ่งดีขึ้นไปอีก หากจะบางพื้นที่ ปลูกต้นไม้ที่มีดอกไม้สีสวยตลอดทั้งเส้น เช่น ชมพูพันธุ์ทิพย์ เกิดเป็นเทศกาลให้คนมาเดินร้านค้าขายของได้ เหมือนอย่าง Meguro River ในช่วงเทศกาลซากุระบานที่ Tokyo เป็นต้น
.
รวมถึงการเข้าสู่ Aging Society ซึ่งคนที่จะได้รับผลมากที่สุดก็คือ Gen Y นี้แหละ (เกิดปี 2523 - 2543) ที่อีกแค่ 20 ปี ก็เข้าสู่วัยชรากันแล้ว ถ้าเรามีพื้นฟุตบาทที่เรียบ (คนสูงอายุขายกได้ไม่สูง) และร่มรื่น (ถ้าเริ่มต้นตอนนี้ อีก 20 ปีก็ร่มรื่นมาก) ก็สามารถออกมาเดินออกกำลังกายไปไหนมาไหนใกล้ๆบ้านได้ อายุก็ยืนขึ้น
.
นอกจากภาครัฐแล้ว ภาคเอกชนอย่าง Developer อสังหาฯ ก็ช่วยสร้าง Community ที่น่าอยู่ได้ ซึ่งก็ต้องชื่นชมที่มีคนเริ่มแล้วอย่าง Sansiri PLC ที่กำลังสร้าง Community น่าอยู่กระจายไปทั่วกรุงเทพ และ MQDC - Magnolia Quality Development Corporation ที่เริ่มแล้วที่ 101 True Digital Park และ The Forestias