วันอาทิตย์, กันยายน 03, 2566
พ่อ…ผมอยากกลับบ้าน เรื่องแต่งที่เหมือนจริงจนหายใจไม่ออก
ชายคาเรื่องสั้น
พ่อ…ผมอยากกลับบ้าน
กันยายน 2, 2023
The Isaan Record
“พ่อ ผมอยากกลับบ้าน” น้ำเสียงสะอื้นจากปลายสาย พูดด้วยเสียงอันแผ่วเบา ก่อนที่ผู้เป็นพ่อจะตอบกลับ แม้ไม่เห็นแววตาจากอีกฝั่ง ก็สามารถจินตนาการและสัมผัสห้วงอารมณ์อันอ่อนไหวได้
“พ่อคิดถึงหนูนะ อดทนอีกหน่อยนะลูก อีกไม่นาน เราก็ได้กลับมาเจอกันพร้อมหน้าพร้อมตา” บรรยากาศเงียบไปสักครู่อึดใจ มันเป็นความเงียบที่ช่างทรมานจิตใจเหลือเกิน ก่อนผู้เป็นพ่อจะทลายความเงียบนั้นลง
“ถ้ากลับมา เดี๋ยวพ่อพาไปเที่ยวทะเล ครั้งนี้ไม่เบี้ยวแน่นอน”
“พ่อจะพาหนูไปเที่ยวทะเลทุกที่ ที่หนูอยากไปเลย พ่อจะลางานทั้งเดือน เราจะไปนอนทะเลกันยาวๆ เช้าตื่นมาก็เห็นท้องทะเล ตกเย็นเดี๋ยวอุ้มหนูลงน้ำ แต่ตอนนี้คงอุ้มไม่ไหวแล้ว ฮ่าๆ”
บทสนทนาจบลง ท่ามกลางควันบุหรี่บางๆ บนเก้าอี้หน้าบ้าน
…
“รู้มั้ย ว่าทำไมพ่อถึงตั้งชื่อหนูว่า สายลม” เด็กน้อยวัย 10 ขวบ หันมองหน้าพ่อที่กำลังพูด ขณะที่ทั้งสองคน กำลังช่วยกันสร้างปราสาทจากเม็ดทราย
“พ่อเชื่อว่าสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงกำลังเดินทาง มันเป็นการเดินทางอย่างช้าๆ แม้บางช่วงเราอาจมองไม่เห็นมัน”
“และการที่ลูกเกิดขึ้นมาก็เปลี่ยนแปลงชีวิตของพ่อ มันเป็นสิ่งที่วิเศษสุดเลย เสมือนของขวัญจากฟากฟ้าที่ส่งมาให้พ่อ อยากให้หนูรู้ว่าพ่อรักหนูขนาดไหน ลูกเป็นเสมือนหัวใจอีกดวง คนเราน่ะอยู่ได้เพราะหัวใจที่ยังคงเต้น มันสูบฉีดเลือด เพื่อหล่อเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย”
“สายลม…มันเป็นอิสระ ไม่มีพันธนาการใดจะมากักขังสายลมได้ หนูก็จงโบยบิน และพัดไป ตามเส้นทางที่หนูปรารถนา และพ่อเชื่อว่า ตามเส้นทางที่สายลมพัดไป จะพบเจอผู้คนมากมาย จงเก็บเกี่ยวเรื่องราวระหว่างการเดินทางนั้น”
“สายลมน่ะ ไม่จำเป็นต้องมีตัวตนด้วยซ้ำไป แต่ผู้คนสัมผัสได้ถึงความเย็นนั้น จงพัดไปหาผู้คนที่กำลังร้อน จงทำตัวให้เล็กที่สุด เราไม่จำเป็นต้องมีตัวตน แต่สายลมไม่เคยหยุดเคลื่อนไหว”
“ขอจุ๊บทีนึงสิ ฮ่าๆ” ผู้เป็นพ่อพูด ก่อนจะหอมแก้มลูกชายเบาๆ
“ป่ะ ไปโดดน้ำทะเลกันอีกสักรอบ แล้วไปอาบน้ำแต่งตัวกัน แม่เตรียมของที่หนูชอบไว้ จะได้กินข้าวเย็นกัน” ผู้เป็นพ่อพูดเสร็จก็อุ้มลูกขึ้น ก่อนวิ่งเข้าไปหาคลื่นที่กำลังพุ่งเข้าหา ทั้งสองหัวเราะร่า ก่อนหันมองปราสาทราชวังที่ร่วมกันสร้างกำลังถูกน้ำทะเลค่อยๆ เซาะและพังลง
“ไม่มีอะไรยั่งยืนหรอก ไม่มีอะไรจะต่อสู้กับธรรมชาติได้ ”
“การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ ไม่มีอะไรจะฉุดรั้งสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงได้หรอก”
…
มันไม่ใช่การเดินทางไปทัศนศึกษาเหมือนเช่นทุกครั้ง ที่รู้ว่ากี่วันจะได้พบหน้ากัน แต่มันเหมือนเดิมที่ครั้งนี้ผู้เป็นแม่ได้จัดเตรียมข้าวปลาอาหารสำหรับการเดินทาง หากแต่บรรยากาศกลับเต็มไปด้วยหยดน้ำตา แทบไม่มีบทสนทนาใดๆ เกิดขึ้น
เสียงข่าวในโทรทัศน์ ยังคงดังออกมา ขณะที่ทุกคนในบ้านกำลังเงียบ
… ชื่อของเขา ลูกชายของผม…
เสียงความคิดในหัวของผู้เป็นพ่อพรูพรั่งออกมาไม่รู้จบ ขณะที่ชื่อลูกชายถูกประกาศผ่านหน้าจอโทรทัศน์ และแน่นอน มันไม่ใช่เรื่องดี
“สิ่งที่หนูทำ ไม่ใช่เรื่องผิด กฎหมายของบ้านเมืองนี้ต่างหากที่มันวิปริต คดีฆ่าคนตายยังโทษน้อยกว่านี้ด้วยซ้ำไป” พ่อพูดก่อนลูบหัวลูกชายเบาๆ
มันเป็นการตัดสินใจที่ยาก ยาก ยากเกินจะคาดคิดว่าต้องตัดสินใจ และมันไม่ใช่เรื่องความกลัว ว่าจะถูกดำเนินคดี แต่มันอาจร้ายแรงถึงชีวิต
ทำไม ทำไม ทำไม…
เสียงความคิดในหัวของผู้เป็นพ่อยังคงวนเวียนไม่รู้จบสิ้น หนูเพียงมีความฝัน มีความหวังดี อยากเห็นคนเท่ากัน อยากเห็นประเทศนี้มันดีขึ้น ความฝันเพียงเท่านี้ มันมีโทษทัณฑ์ร้ายแรง ถึงขนาดต้องเอาชีวิตกันเลยหรือ
…
มันไม่ใช่การเดินทางไปทัศนศึกษาเหมือนเช่นทุกครั้ง ที่รู้ว่ากี่วันจะได้พบหน้าอีกครั้ง
สามคน พ่อ แม่ ลูก ต่างโอบกอดกันทั้งน้ำตา ก่อนการออกเดินทางของลูกชาย
…
เสียงข่าวในโทรทัศน์ยังคงดังออกมา ขณะที่ทุกคนในบ้านกำลังเงียบ
ข่าวนักเคลื่อนไหวทางสังคมถูกอุ้มหายไปในประเทศเพื่อนบ้าน
….
เสียงข่าวในโทรทัศน์ยังคงดังออกมา ขณะที่ทุกคนในบ้านกำลังเงียบ
ข่าวพบ…บุคคลไม่ทราบชื่อ
…ริมแม่น้ำโขง
…ถูกยัดด้วยปูน
…
ไม่มีเสียงข่าวในโทรทัศน์
มันกองอยู่กับพื้น ในสภาพที่ไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป
…
“ในที่สุด”
“ในที่สุด หนูก็ได้กลับบ้านเราแล้วนะ”
“มันกี่ปีแล้วนะ ที่หนูไม่ได้กลับมา ทุกๆ วัน พ่อยังนั่งที่เดิม และมีความหวังในทุกๆ วินาที ว่าจะเห็นหนูเดินเข้ามากอดพ่อ ทุกๆ วินาทีพ่อมีหวังเสมอ ว่าจะได้ยินหนูพูดว่า พ่อ หนูกลับมาแล้ว”
ประโยคสั้นๆ แต่ใช้เวลาเนิ่นนาน กว่าจะเล็ดลอดจากมาจากปาก
“เดี๋ยววันนี้พ่อพาลูกไปเที่ยวทะเลนะ”
“จำได้มั้ยตอนเด็กๆ หนูชอบบอกให้พ่อพาไปเที่ยวทะเล”
“เราไปเที่ยวทะเลกันนะ เดี๋ยววันนี้ให้แม่เตรียมของที่หนูชอบ เราจะไปนั่งกินข้าวริมทะเลกัน”
ห่อผ้าสีขาว ถูกหยิบขึ้นบนรถ ไม่มีบทสนทนาตลอดการเดินทาง มีเพียงเสียงสะอื้นไห้ของผู้เป็นแม่
… สายลมยังคงพัด อยู่ทุกหนแห่ง แม้แผ่นดินแห้งแล้ง ก็ไม่ปราศจากลม …