© Wana Wanlayangkoon
รายงานแอมเนสตี้ชี้ ทหารเกณฑ์ไทยถูกทำร้ายเป็นประจำ-บางคนถูกข่มขืน
26 มี.ค. 2563
Workpoint Today
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลสาขาเอเชียแปซิกฟิกเผยงานวิจัยเรื่อง “เราก็เป็นแค่ของเล่นเขา” เผยการละเมิดทั้งทางร่างกาย จิตใจ และทางเพศในระบบทหารเกณฑ์ไทยอย่างเป็นระบบ
รายละเอียดในรายงานชี้ว่าทหารเกณฑ์ไทยถูกทำร้ายร่างกาย สั่งให้ออกกำลังกายที่เกินกำลังจนเป็นอันตราย นอกจากนี้ยังมีการล่วงละเมิดทางเพศเป็นประจำสม่ำเสมอทุก ๆ สัปดาห์ ตลอดจนถูกสั่งให้ทำกิริยาท่าทางซึ่งเป็นการดูหมิ่น มี “การปฏิบัติมิชอบ” เช่นนี้อย่างเป็นแบบแผนและกว้างขวาง
รายงานดังกล่าวมาจากการสัมภาษณ์อดีตทหารเกณฑ์ ครูฝึกที่ปลดประจำการแล้วและยังประจำการอยู่ ตลอดจนนายทหารระดับสูงระดับผู้บังคับบัญชา รวมทั้งสิ้น 26 คน
ถูกทำร้ายร่างกายเป็นประจำ
ผู้ให้สัมภาษณ์บอกว่ามักถูกลงโทษด้วยการทุบตี เตะต่อย บางครั้งครูฝึกไม่ได้ใช้แค่มือ แต่ใช้ไม้หน้าสาม รองเท้าบูททหาร หมวกทหาร หลายครั้งการ “ซ่อม” แบบนี้ไม่ต้องมีเหตุผลอย่างหนักแน่นมารองรับก็ได้ อาจเป็นเพียงการขานเสียงตอบรับไม่ดังพอ ไม่ทำตามคำสั่งเป๊ะๆ กอดคนมาเยี่ยมแน่นเกินไป เป็นต้น
“แดง” หนึ่งในผู้ให้สัมภาษณ์เปิดเผยว่าคนที่ถูกทำร้ายจะมีรอยเต็มตัวตรงหน้าอกและแผ่นหลัง แต่มีการหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดแผลนอกร่มผ้า การทำร้ายเป็นที่รู้กันอย่างเป็นระบบว่าเกิดขึ้นในเวลากลางคืนเพื่ออำพราง หลายครั้งจะได้ยินคำว่า “เดี๋ยวคืนนี้มึงเจอ” เมื่อมีผู้ถูกซ้อมก็ “ไม่ได้ส่งใครไปโรงพยาบาลเลย แค่ไปห้องพยาบาลที่ค่าย” และ “มีครั้งหนึ่ง มีทหารไปอยู่ห้องพยาบาลอาทิตย์หนึ่งได้”
ผู้ให้สัมภาษณ์อีกคนหนึ่งกล่าวว่าบางครั้งครูฝึกก็สร้างความอับอายเพิ่มขึ้นมาด้วย โดยให้ออกกำลังกายในสภาพเปลือยและลงมือกระทืบหรือต่อย
นอกจากครูฝึกทหารแล้ว อีกตัวละครหนึ่งที่เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดคือ “รุ่นพี่” ที่ได้รับการอบรมการฝึกเป็นระยะเวลาสั้น ๆ ทำให้ยากที่จะสอนได้เหมือนครู จึงเลือกที่จะใช้วิธีสอนด้วย “ประสบการณ์เดียวกับที่ครูฝึกเคยเจอ พวกเขาคิดว่าการทำแบบนี้ถูกแล้ว ว่าเป็นวิธีการฝึกทหารแบบเดียว”
สั่งให้ออกกำลังกายเกินกำลังจนเป็นอันตราย
รายงานระบุว่ามีการบังคับให้ทหารเกณฑ์ฝึกหนักจนเกินกำลังจนคล้ายกับเป็นการซ้อมทรมาณ มีผู้ถูกบังคับให้ยืนในท่าที่มักทำให้เป็นลมหรือได้รับบาดเจ็บ เช่นการสั่งให้ปักหัวบนพื้นคอนกรีตและยางมะตอย หรือสั่งให้ทำท่ากำปั้นเหล็กบนพื้นถนนร้อน ๆ 4-5 นาที
ผู้ให้สัมภาษณ์รายหนึ่งระบุว่า “ทหารเป็นลมสามถึงสี่คนทุกวัน เขามีห้องพยาบาลอยู่ คนพวกนี้ก็จะถูกส่งไป” ขณะที่อีีกคนหนึ่งบอกว่า “คนที่เป็นลมบ่อย ๆ ส่วนมากเขาจะให้พัก แล้วก็กลับมาฝึกใหม่ แล้วก็เป็นลมอีก”
ล่วงละเมิดทางเพศ
การล่วงละเมิดทางเพศในระบบเกณฑ์ทหารมีอยู่กว้างขวางและเป็นรูปแบบชัดเจน ทหารเกณฑ์เก้าคนที่ฝึกในเก้าจังหวัดและห้าผลัดที่แตกต่างกันบอกตรงกันว่ามีการละเมิดทางเพศในรูปแบบที่เรียกว่า “รถไฟ” มักเกิดขึ้นในห้องอาบน้ำ โดยทหารเกณฑ์ถูกบังคับให้จับอวัยวะเพศของเพื่อนทหารและยืนต่อแถวกันขณะที่เปลือยอยู่ก่อนเดินเป็นวงกลมไปรอบๆห้องน้ำ
ครูฝึกที่เข้าการวิจัยบอกผู้วิจัยว่า “ให้ทหารจับอวัยวะเพศกันในห้องน้ำนี่เป็นเรื่องธรรมดาครับ แค่ทำให้ตลกเฉย ๆ ไม่ได้เป็นการลงโทษ…แค่เล่นสนุกครับ”
ทหารเกณฑ์เจ็ดคนจากสี่ผลัดในค่ายห้าค่ายบอกว่าผู้บังคับบัญชาให้พวกเขาหมอบทับกันขณะไม่ใส่เสื้อผ้า หลายครั้งถูกบังคับให้ไถลตัวไปบนร่างเปลือยของทหารคนอื่น หรือบังคับให้หมอบเป็นแถวต่อหลังกัน แล้วเอาหน้าไปตรงบ้นท้ายคนด้านหน้า บังคับให้จูบและสูดดม
ผู้ให้สัมภาษณ์หลายคนบอกว่าถูกครูฝึกบังคับให้ช่วยตัวเองจนสำเร็จความใคร่และให้หลั่งน้ำอสุจิต่อหน้าคนอื่น
ส่วนทหารเกณฑ์ที่มีเพศหลากหลายหรือถูกเข้าใจว่าเป็นเพศหลากหลายบอกว่าตนเองถูกล็อกเป้า ถูกใช้ความรุนแรง คุกคาม และเลือกปฏิบัติทางเพศเป็นประจำ ในที่นี้เมื่อสืบสาวราวความไปก็พบว่ามี 3 กรณีที่เป็นการพยายามข่มขืน ทำเหมือนว่าข่มขืน และการข่มขืนจริง ๆ ขณะที่มีอีก 2 กรณีที่ถูกครูฝึกบังคับให้สำเร็จความใคร่ด้วยปาก
ทหารเกณฑ์ส่วนใหญ่ตอบผู้วิจัยตรงกันว่าพวกเขาเคยเห็นการละเมิดทางเพศหรือได้ยินเรื่องราวจากผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ “นายร้อยเขาก็จะขู่ผมว่า ปิดปากไว้นะ รู้ใช่ไหมว่าจะเจออะไรถ้าเอาไปพูด” มีแค่ 2 คนที่บอกว่าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้เลย
ดูหมิ่น
หลายคนพูดถึงการฝึกแบบต่าง ๆ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อดูหมิ่นศักดิ์ศรี มีการบังคับให้กระโดดลงไปในบ่อเกรอะ และบังคับให้ทานข้าวโดยใช้ปากเท่านั้น “เหมือนหมา”
ระหว่างทำการวิจัย แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลได้รับจดหมายตอบจากพลอากาศเอกเฉลิมชัย ศรีสายหยุด รองเสนาธิการทหารที่ทำการแทนผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวว่า กองบัญชาการกองทัพไทยมีนโยบายบริหารจัดการกองทัพ “ดูแลทหารกองประจำการดุจญาติมิตรในครอบครัว” ซึ่งแอมเนสตี้ชี้ว่าไม่สอดคล้องกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสาธารณะหลังมีข่าวทหารเกณฑ์เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนขำ “ซึ่งทางการไม่ได้ดำเนินการเยียวยาแก้ไขอย่างเป็นผลแต่อย่างใด”
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลชี้ว่าความน่ากังวลคือชายหนุ่มอีกกว่าแสนคนกำลังจะต้องเข้าไปในระบบนี้เมื่อถึงฤดูการเกณฑ์ทหารประจำปี
แคลร์ อัลการ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัยและนโยบายของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลบอกว่าเรื่องนี้เป็นการปฏิบัติมิชอบก็จริง แต่ก็เป็นสิ่งที่รู้กันอย่างกว้างขวางแต่ไม่มีใครพูดถึง การปฏิบัติแบบนี้ไม่ใช่ข้อยกเว้น แต่ทำกันเป็นเรื่องปกติ
เธอกล่าวว่า “เจ้าหน้าที่ทุกระดับชั้นในการบังคับบัญชามีส่วนรับผิดชอบต่อวัฒนธรรมความรุนแรงและการเหยียดศักดิ์ศรีของมนุษย์ ทางการไทยต้องดำเนินการโดยทันทีเพื่อยุติการปฏิบัติมิชอบและลดทอนความเป็นมนุษย์เช่นนี้ ก่อนที่จะถึงรอบการเกณฑ์ทหารประจำปีในเร็ว ๆ นี้และให้ตั้งคณะกรรมการการตรวจสอบเพื่อสอบสวนอาชญากรรมเหล่านี้”
ปัญหาความรุนแรง การกลั่นแกล้งรังแก ตลอดจนทำให้อับอายไม่ได้ปรากฎเพียงกองทัพไทยที่เดียว ใน “กิจกรรมรับน้อง’ ของกองทัพหลายประเทศ ทั้งออสเตรเลีย ฝรั่งเศส รัสเซีย ฟิลิปปินส์ สหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกาก็มีบันทึกว่ามีการละเมิดในลักษณะนี้ แต่แอมเนสตี้ระบุว่ารัฐบาลประเทศต่าง ๆ ต่างใช้มาตรการเข้มงวดในการต่อสู้กับปัญหาเหล่านี้
แอมเนสตี้ฯ เสนอว่าในการแก้ไขปัญหานี้ควรมีการออกคำสั่งอย่างชัดเจน ห้ามไม่ให้มีการปฏิบัติมิชอบใด ๆ ตามที่ระบุไว้ในรายงานนี้ รับประกันว่าผู้บังคับบัญชาระดับสูงจะทำหน้าที่ตรวจสอบและกำกับดูแลครูฝึกอย่างสม่ำเสมอ และกำหนดให้นายทหารออกตรวจในช่วงเวลากลางคืน นอกจากนี้รัฐสภาควรจดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเพื่อสอบสวนและรายงานข้อมูลของการปฏฺบัติต่อทหารเกณฑ์ในกองทัพไทย โดยคณะกรรมการตรวจสอบควรมีความเป็นอิสระ เป็นมืออาชีพ ได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณอย่างเพียงพอ มีอำนาจสอบถามข้อมูลจากบุคคลใด ๆ ที่จำเป็นและสามารถเรียกดูเอกสารที่เกี่ยวข้องได้