‘เก็ท’ ถอนทนาย คดี 112 เหตุปราศรัย “ใครฆ่าพระเจ้าตาก” พร้อมปฏิเสธอำนาจศาล เรียกร้องสิทธิประกันตัวผู้ต้องขังทางการเมือง – ยุติคดี ม.112 ทั้งหมด
04/09/2566
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
วันที่ 4 ก.ย. 2566 เวลา 09.00 น. ที่ศาลอาญาธนบุรีนัดสืบพยานโจทก์ ในคดีมาตรา 112 ของ “เก็ท” โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง กับพวกรวม 3 คน กรณีถูกฟ้องจากการปราศรัยในกิจกรรม #ฟื้นฝอยหาตะเข็บ #ใครฆ่าพระเจ้าตากสิน เนื่องในวันจักรี ที่วงเวียนใหญ่ เมื่อวันที่ 6 เม.ย. 2565 ซึ่งโสภณถูกเบิกตัวจากเรือนจำมาร่วมกระบวนการพิจารณาคดี ก่อนแถลงศาลเพื่อขอถอนทนายความในคดีนี้และปฏิเสธกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด เพื่อเป็นการประท้วงและเรียกร้องให้มีการคืนสิทธิประกันแก่ผู้ต้องขังคดีทางการเมือง รวมถึงยุติการดำเนินคดีมาตรา 112 ทั้งหมด
ในคดีนี้มีจำเลย 3 คน ได้แก่ เก็ท โสภณ จำเลยที่ 1, โจเซฟ (นามสมมติ) จำเลยที่ 2 และมิ้นท์ (นามสมมติ) นักกิจกรรมกลุ่มนาดสินปฏิวัติ จำเลยที่ 3 ปัจจุบันเหลือจำเลยเพียง 2 ราย คือ โสภณและโจเซฟ เนื่องจากมิ้นท์ได้ลี้ภัยไปยังประเทศฝรั่งเศสแล้วเมื่อปลายปี 2565 ส่วนโสภณ ปัจจุบันถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. 2566 หลังศาลอาญาพิพากษาจำคุกในคดีมาตรา 112 อีกคดีหนึ่ง ซึ่งถูกกล่าวหาว่าปราศรัยพาดพิงราชินี ในม็อบ #ทัวร์มูล่าผัว ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2565 และไม่ได้รับสิทธิประกันตัวระหว่างอุทธรณ์
ในช่วงเช้า ทนายความยื่นคำร้องขอให้ศาลเบิกตัวโสภณจากเรือนจำเพื่อมาร่วมการพิจารณาคดีในวันนี้ ซึ่งต่อมาศาลมีคำสั่งอนุญาต โดยโสภณจะถูกนำตัวมาถึงศาลในเวลาประมาณ 13.30 น.
“ผมและประชาชนจำนวนมากถูกปิดปาก ถูกทำร้าย ด้วย ม.112” : เก็ทแถลงต่อศาลขอถอนทนาย – ปฏิเสธกระบวนการยุติธรรม ชี้ขอให้นำดำรัส ร.9 – ร.10 ไม่ให้ใช้ ม.112 มาใช้
ช่วงบ่าย โสภณถูกควบคุมตัวมาถึงห้องพิจารณาคดี โดยมีเพื่อนๆ นักกิจกรรมและครอบครัวมารอให้กำลังใจอยู่หลายคน ก่อนเริ่มการพิจารณาคดีในช่วงบ่ายนี้ เจ้าหน้าที่ศาลได้แจ้งว่า ระหว่างพิจารณาคดีไม่อนุญาตให้ใช้อุปกรณ์สื่อสารได้ โดยจะต้องฝากโทรศัพท์มือถือไว้กับเจ้าหน้าที่เท่านั้น จากนั้นได้นำซองเอกสารสีน้ำตาลแจกจ่ายให้ใส่โทรศัพท์ซองละ 1 เครื่อง และให้เขียนชื่อแสดงความเป็นเจ้าของไว้หน้าซอง จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำไปแยกเก็บไว้
ก่อนเริ่มการสืบพยาน ศาลแจ้งว่า อัยการโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวโจเซฟ ทนายจำเลยที่ 2 จึงแถลงขอยื่นคำคัดค้านเป็นลายลักษณ์อักษรภายในวันที่ 19 ก.ย. 2566 ศาลมีคำสั่งอนุญาต โดยให้เลื่อนการไต่สวนคำร้องของโจทก์ไปเป็นวันที่ 25 ก.ย. 2566 เวลา 09.00 น. ซึ่งเป็นวันเดียวกับวันนัดสืบพยานจำเลย
โจทก์แถลงว่า ในวันนี้มีพยานมาศาลพร้อมสืบซึ่งเลื่อนมาจากช่วงเช้า 1 ปาก คือ พันตำรวจโทยงยุทธ พิชัยวรชิต ซึ่งโสภณได้ลุกขึ้นแถลงต่อศาลว่า ตนไม่ยอมรับอำนาจศาลในการพิจารณาพิพากษาคดี โดยจะขอ ‘ถอนทนายความ’ ของตนเอง และไม่ประสงค์จะมีส่วนร่วมใดๆ ในการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลในคดีนี้ รวมถึงไม่ขอลงลายมือชื่อในเอกสารทุกรายการของศาลตั้งแต่บัดนี้ ทั้งนี้ ตนจะยื่นเป็นคำร้องขอถอนทนายจำเลยที่ 1 ต่อไป
โดยถ้อยคำที่โสภณแถลงต่อศาลมีรายละเอียด ดังนี้
“ข้าพเจ้านายโสภณ สุรฤทธิ์ธำรง จำเลยที่ 1 ในคดีนี้ เวลาที่ผ่านมาทั้งตัวผมและประชาชนจำนวนมากถูกปิดปาก ถูกทำร้ายโดยมาตรา 112 ผมถูกคุมขังทั้งในเรือนจำ ทั้งในบ้านของตนเองนานกว่า 7 เดือน
“มีคนจำนวนมากที่ยังคงสู้เรื่องสิทธิประกันตัว ทั้งเวหาเอง วารุณีเอง ที่กำลังอดอาหารเพื่อเรียกร้องสิทธิประกันตัวซึ่งเป็นเรื่องพื้นฐาน แต่กระบวนการยุติธรรมก็ไม่ได้ให้สิทธินี้กับผู้ต้องขัง ผมขอน้อมนำพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 และในหลวงรัชกาลที่ 10 ที่เคยตรัสเอาไว้ว่า ‘ไม่อยากให้นำมาตรา 112 มาใช้กับประชาชน’ แต่สุดท้ายก็มีการเอามาใช้กับประชาชน ซึ่งตอนนี้มีคนที่ถูกดำเนินคดีด้วยมาตรา 112 เป็นจำนวนมาก
“ดังนั้น ผมจึงขอ ‘ปฏิเสธอำนาจศาล’ ผมไม่ได้พูดถึงท่านเพียงคนเดียว แต่ผมพูดถึงกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด จนกว่าศาลจะคืนสิทธิประกันตัวและยุติการดำเนินคดีกับผู้ต้องขัง 112 ทุกคน ขอบคุณครับ”
การแถลงขอถอนทนายความในคดีและปฏิเสธอำนาจศาลดังกล่าว โสภณมี 2 ข้อเรียกร้องด้วยกัน ได้แก่
1) ขอให้คืนสิทธิประกันตัวแก่ผู้ต้องขังทางการเมืองทุกคน
2) เรียกร้องให้ยุติการดำเนินคดีมาตรา 112 ทั้งหมด
ส่วนโจเซฟ จำเลยที่ 2 แสดงความประสงค์ที่จะต่อสู้คดีต่อไป โดยทนายจำเลยได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลเลื่อนนัดสืบพยานออกไปก่อน เนื่องจากวันนี้มีพยานโจทก์ปากที่ 1 มาศาลเพียงปากเดียว แต่ฝ่ายจำเลยประสงค์ที่จะให้สืบพยานโจทก์ปากที่ 1 และปากที่ 2 ในนัดเดียวกัน เนื่องจากทั้งสองปากเป็นพยานผู้เห็นเหตุการณ์ด้วยกัน
ต่อมา ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้เลื่อนนัดสืบพยานไปเป็นนวันที่ 11 ก.ย. 2566 โดยให้เหตุผลว่า เพื่อให้โอกาสแก่จำเลยต่อสู้คดีอย่างเต็มที่
เก็ทถูกกขังคดี ม.112 ครั้งที่ 3 แล้ว ก่อนหน้าเคยทั้งอดอาหาร – ฝืนตื่นประท้วง ทวงสิทธิประกันตัวมาก่อน
ปัจจุบัน ‘เก็ท โสภณ’ ถูกคุมขังระหว่างต่อสู้คดีมาตรา 112 ในระหว่างอุทธรณ์มาเป็นเวลา 12 วันแล้ว ตั้งแต่วันที่ศาลอาญา (ศาลชั้นต้น) มีคำพิพากษา และต่อมาศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว นี่เป็นการถูกคุมขังครั้งที่ 3 ของโสภณ ซึ่งล้วนแต่เป็นเพราะคดีมาตรา 112 คดีเดียวกันทั้งสิ้น นั่นคือ คดีที่ถูกฟ้องจากกรณีปราศรัยในการชุมนุม #ทัวร์มูล่าผัว ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2565
ครั้งที่ 1 เขาถูกคุมขังเพราะถูกจับกุมตามหมายจับ และถูกคุมขังชั้นสอบสวนอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เป็นเวลานาน 30 วัน (2 พ.ค. – 31 พ.ค. 2565) โดยระหว่างถูกคุมขังเก็ทอดอาหารประท้วงเพื่อทวงสิทธิประกันตัวเป็นเวลาถึง 20 วัน
ครั้งที่ 2 เขาถูกคุมขังภายหลังศาลอาญาสั่งถอนประกันในคดีมาตรา 112 คดีเดิม ทำให้เขาถูกคุมขังระหว่างพิจารณาคดี เป็นเวลา 43 วัน (9 ม.ค. – 20 ก.พ. 2566) พร้อมกับฝืนตื่นประท้วงเป็นเวลา 14 วัน ก่อนได้ประกันตัว
ขณะเดียวกันปัจจุบันมีผู้ต้องขังคดีการเมืองถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ อย่างน้อย 29 คน เป็นผู้ถูกคุมขังระหว่างต่อสู้คดีอย่างน้อย 19 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้ต้องขังคดีมาตรา 112 ทั้งสิ้น 7 คน และเป็นผู้ที่กำลังอดอาหารประท้วง 2 คน ได้แก่ ‘วารุณี’ และ ‘เวหา’
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
อ่านคำฟ้อง – ยื่นฟ้อง ม.112 คดี 3 นักกิจกรรมร่วมปราศรัย “ใครฆ่าพระเจ้าตาก” ก่อนศาลยกคำร้องขอถอนประกัน “มิ้นท์” นาดสินปฏิวัต