วันพุธ, สิงหาคม 14, 2562

คสช.๒ ตั้ง ปารีณา-มัลลิกา ร่วมงานรัฐบาล "จงใจใช้วิธีการเฟคนิวส์แบบยุคนาซี"


เป็น ผบ.ทบ. รับงาน หัวไม้ ไล่ตีฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล คสช.๒ นี่ก็ดีอย่าง เปิดประเด็นจวกพรรคใหม่ (ที่ยังเด็ก) เป็น เฟคนิวส์ แล้วเงียบหาย ไม่รับรู้ ไม่ยอมตอบข้อกังขาที่ถูกเขาย้อนเกล็ดเอาอย่างแรง ชนิดคนธรรมดาต้องหน้าหงาย

แต่สำหรับ คสช.หนาพอทนแรงปะทะทางจริยธรรมได้ อย่างที่หลายๆ คนชี้ให้เห็น เช่น ผังล้มเจ้างี้ เป็นข่าวปลอมไหม ทั้งที่ โฆษกไก่อู ผู้ประดิษฐ์เองได้ยอมรับไปแล้วว่ามุสา อีกกรณีที่ อจ.โกวิท วงศ์สุรวัฒน์ ว่า “คล้าสสิก” จากทวี้ตของ อจ.กานดา นาคน้อย เรื่อง “ตัวอย่างข่าวปลอม จีที ๒๐๐ ใช้ได้ผล”
 
พรรคอนาคตใหม่ ที่ตกเป็นเป้าของ คสช. และ ผบ.ทบ. ก็เลยได้ช่องจัดคอร์ส ตลาดวิชาหัวข้อ เฟคนิวส์ ๑๐๑ให้ครูช่อ พรรณิการ์ วานิช เป็นผู้บรรยายทางช่องเฟชบุ๊คไล้ฟ์ ชั่วโมงแรกเล่าประวัติย้อนยุคไปถึงสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๑ และ ๒ ว่าเป็นมาอย่างไร

แฉรูปแบบเฟคนิวส์หลายอย่าง รวมทั้ง โฆษณาชวนเชือ ที่ใช้ได้ผลโดยรายการวิทยุกล่อมสติปัญญาประชาชนของ นาซีฮิตเลอร์ แล้วย้อนมายุคเผด็จการไทย แม้แต่ นายหนหวย (ศิลปชัย ชาญเฉลิม) และ  ศุขเล็ก(ประยูร จรรยาวงษ์)

ไปจนกระทั่งวาทะ หนักแผ่นดิน ฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาปและ รองเท้าแตะเวียตกงเหล่านั้นครูช่อแนะให้ใช้หลักเกณฑ์การเสพข่าวของ ยูเนสโกในการตรวจสอบข้อมูลข่าวสารว่าอะไรเป็นเฟคนิวส์ไหม ข้อสำคัญการคัดกรองเฟคนิวส์ไม่ควรให้รัฐบาลเป็นผู้ทำแต่ฝ่ายเดียว

โมเดลที่ยูเนสโกแนะไว้ไม่ใช่ปล่อยให้รัฐบาลใช้ กระทรวงสัจจะ’ (Ministry of Truth) มากำกับ แต่ต้องมีการผูกพันกันเป็นวงจาก รัฐบาล ถึง สื่อสายหลักและ สื่อสังคม สู่ ประชาชนเป็น ลู้ป วนไป โดยมีการรู้เท่าทันที่มาที่ไปและความถูกต้องของข่าวสาร (Media & Information Literacy) เป็นตัวเชื่อม


เมื่อกลางอาทิตย์ที่แล้ว น.ส.พรรณิการ์ ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ตั้งกระทู้ด่วนถาม นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลเรื่องมาตรการแก้ไขปัญหาเฟคนิวส์ โดยยกตัวอย่างว่ามีบุคคลถูกกล่าวหาทางสื่อสังคมว่าเป็นผู้วางระบิด
 
ตัวอย่างที่ ช่อ อ้างถึงคือกรณีที่ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ สมาชิกสภาของรัฐบาล คสช.๒ พรรคพลังประชารัฐ นำภาพนักกิจกรรมผู้หนึ่งซึ่งถ่ายคู่กับแกนนำพรรคอนาคตใหม่ เป็นนัยว่าบุคคลในภาพทั้งหมดรู้เห็นกันกับการลอบวางระเบิดกลางกรุง ๕ จุด

ซึ่งข้อเท็จจริงหลังจากมีข่าวการจับกุมผุ้ต้องสงสัย ๒ รายแล้วไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น แสดงว่าโพสต์ดังกล่าวเป็นการจงใจให้ร้ายด้วยความเท็จ ซึ่ง น.ส.ปารีณากล่าวภายหลังว่าไม่ห่วงเพราะเธอมีสิทธิพิเศษคุ้มกันจากการเป็น ส.ส. และไม่ยอมกล่าวขอโทษหรือแสดงความเสียใจใดๆ

คำตอบของนายพุทธิพงษ์ในวันนั้นกลับเป็นการเลี่ยงพูดถึงโครงการตั้งแผนกตรวจสอบเฟคนิวส์ของตนเอง ไม่มีการพาดพิงประเด็นที่ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐกล่าวให้ร้ายพรรคอนาคตใหม่อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร ซ้ำยังบอกด้วยว่าเป็นการด่าทอกันส่วนตัว กระทรวงดิจิทัลไม่มีหน้าที่เข้าไปจัดการ

มาวันนี้กลับปรากฏว่าพรรคพลังประชารัฐของรัฐบาล คสช.๒ ประกาศให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธานยุทธศาสตร์ของพรรค โดยกำหนดตัวกรรมการยุทธศาสตร์ของพรรคหลายคน รวมถึง น.ส.ปารีณา รับผิดชอบในการตอบโต้เมื่อพรรคถูกโจมตี


ประเด็นหนึ่งซึ่งครูช่อเอ่ยถึงในรายการ เฟคนิวส์ ๑๐๑ ของเธอ คือการที่รัฐบาลตอบโต้ข้อวิพากษ์วิจารณ์ แทนที่จะชี้แจงว่าอะไรแน่คือความจริง อะไรเป็นเหตุเป็นผล แต่กลับใช้เฟคนิวส์เสียเอง กล่าวหาผู้วิจารณ์ว่าเป็น เฟคนิวส์ ดังที่ประธานาธิบดีทรั้มพ์มักใช้กล่าวหาซีเอ็นเอ็นอยู่เนืองๆ

เช่นนี้จะกล่าวได้ไหมว่าการตั้ง เอ๋ส.ส.หญิงผู้อื้อฉาวกับการโป้ปดมดเท็จสร้าง ซีนให้ร้ายพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามในเรื่องไร้สาระ เสื้อผ้าหน้าผมแล้วเกิดกระแสดราม่า ตนเองได้เป็นข่าวอยู่ในความสนใจไม่เว้นแต่ละวัน แม้แต่ล้วน ถูกด่า ก็เอา

ฉะนี้แสดงว่ารัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จงใจใช้วิธีการเฟคนิวส์แบบยุคนาซีของผู้เผด็จการฮิตเลอร์ในการปกครองประเทศไทยอีกอย่างน้อยๆ สี่ปีใช่ไหม
 
อีกทั้งเป็นที่น่าสังเกตุว่าพรรคร่วมรัฐบาลประเภทไม่ถือ สัตย์ มากไปกว่าหาประโยชน์ใส่ตนอย่างพรรคประชาธิปัตย์ก็กำลังจะเดินตามรอยเดียวกัน จากการที่ ครม.อนุมัติแต่งตั้ง มัลลิกา บุญมีตระกูล อดีตรองโฆษกของพรรคไปเป็นที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค

ด้วยภูมิหลังและผลงานของ ติ่งมัลลิกาในการให้ร้ายโจมตีและกล่าวหาฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองสไตล์เฟคนิวส์ ตัวแม่แสดงว่าอีกสี่ปีต่อนี้ไปประชากรไทยยังจะตกอยู่ในภาวะการปั่นข่าว โฆษณาชวนเชื่อ และมอมเมาสติปัญญาโดยขบวน ประชารัฐ ดุจดังยุคนาซีละหรือนี่