อะไรกันนักหนากับ ‘ไพบูลย์’ (นิติตะวัน) จะย้ายเข้า พปชร. ขนาด หัวหมอ
อย่าง ‘วิษณุ’ (เครืองาม) ยังตอบไม่ได้
โบ้ยให้ กกต.จัดการ ทั้งที่ กกต.เองตอนนี้ก็บักโกรกอยู่เพราะหลายคนโดนหลายคดี
เรื่องมันอยู่ที่ พี่ป้อม ‘รุ่มร่าม’
เอง
อดีต กตต. สมชัย ศรีสุทธิยากร ‘ชำแหละ’ กรณีพรรคเล็กขอยุบตัวเองจะได้ไปสยบพรรคใหญ่ เข้าข่ายความผิดตาม
พรป.พรรคการเมืองห้าม ‘ควบรวม’ ในช่วงอายุขัยของสภาฯ
ในเมื่อการยุบพรรคแล้วย้ายสังกัดทำได้แค่สองกรณี
ถ้าไม่ใช่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งก็ต้องกรรมการบริหารพรรคลงมติ
ถ้าได้อย่างใดอย่างหนึ่งก็ยังต้องหาที่ลงให้ได้ภายใน ๖๐ วัน
ซึ่งไพบูลย์ประกาศแล้วจะไปอยู่พลังประชารัฐ ‘เฮียป้อม’ หรือ ‘บิ๊กตือ’ ตัวอ้วนใหญ่ใน
พปชร.ก็อ้ารับแล้ว “จ่อให้ช่วยงานด้านกฎหมาย”
แต่สมชัยติงว่า “จะแทรกลำดับผู้สมัคร
ส.ส.บัญชีรายชื่อได้หรือไม่ เป็นเรื่องที่ กกต.ต้องหาคำตอบให้ได้ เพราะต้องมีการเปลี่ยนแปลงจำนวน
ส.ส.ของพรรคอย่างแน่นอน” เขายกตัวอย่างตอนเลือกซ่อมเชียงใหม่เขต ๘
“เกิดการปรับเปลี่ยนจำนวน ส.ส.พึงมีของแต่ละพรรค
เมื่อคำนวณคะแนนใหม่” ขณะที่มีปัญหาอยู่ว่าไม่สามารถนำคะแนนจากพรรคที่ยุบโอนไปให้พรรคใหม่ไม่ได้
ไม่เช่นนั้นพวกพรรคจ้อยที่ คสช.เลี้ยงไว้ จะพากันยุบพรรคขอย้ายกันยุ่ง
เรื่องนั้นจะเกิดเมื่อ “พรรคเล็กอยากจะหนีความเสี่ยงว่าจะหลุดออกจากตำแหน่ง
ส.ส.เพราะได้คะแนนพรรคต่ำ” ซึ่งไพบูลย์ก็ปฏิเสธว่าไม่ได้เล่นเล่ห์ปั่นกลอย่างนั้น “ที่ตนไปสมัครทำให้จำนวน
ส.ส.ของ พปชร.เพิ่มเท่านั้น ไม่ได้ไปอยู่ในบัญชีของพรรคพลังประชารัฐ”
ยอมรับง่ายๆ
อย่างนั้นก็ดีที่ไม่ต้องฟัดกันมาก ในเมื่อ ‘เพื่อไทย’
ฝ่ายค้านปักหลักต้านสุดฤทธิ์ สามารถ แก้วมีชัย รองหัวหน้าพรรคประกาศ
“กระทำไม่ได้เด็ดขาด” ขัดทั้งกฎหมายรัฐธรรมนูญและ กม.ประกอบ รธน. ซึ่งคือผ่านมติ ๓
ใน ๔ กรรมการบริหารพรรค หรือถูกศาลตัดสินให้ยุบ
ทางด้าน วิษณุ เครืองาม ผลักไสไปให้ไปถาม
กกต.ดีกว่า “ว่าจะต้องเอาคะแนนมาเฉลี่ยแบบไหน ในรัฐธรรมนูญให้
กกต.เป็นฝ่ายคำนวณและเป็นคนตอบ...ไม่ยุ่งยากอะไร” ทั่นรองฯ
ว่าเรื่องแบบนี้เคยเกิดแล้ว เพียงแต่
“บังเอิญรัฐธรรมนูญฉบับก่อนใช้บัตรเลือกตั้ง
๒ ใบ แต่ฉบับนี้ใช้บัตรใบเดียว” มาตรฐานใหม่ “จะทำอย่างไรให้ กกต.เป็นคนตอบ” ทั้งนี้
กกต.ก็แอ่นรับแล้วว่า
“ในวันอังคารที่ ๒๗ ส.ค.จะนำเรื่องการเสนอขอยุบเลิกพรรค
ปชช.ของนายไพบูลย์ นิติตะวัน เข้าเสนอต่อที่ประชุม กกต.เพื่อให้พิจารณาตามมาตรา ๙๑...คาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน
เนื่องจากเป็นการพิจารณาตามข้อกฎหมาย ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของ กกต.”
ถ้า กกต.ผ่านฉลุยก็เข้าไคล้
เรื่องนี้จึงมองหาเค้าได้ไม่ยาก น่าจะมาจาก พปชร. ภายใต้ ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ต้องการเสียงข้างมากเด็ดขาด เพิ่มจากพรรคจ้อยอีกสักสิบ จึงจัดการให้ไพบูลย์นำร่องถ้าสำเร็จจะได้สั่งพรรคจ้อยเดินตาม
วิษณุไม่ได้พูดว่า ‘ทำได้’ แค่ให้รอฟัง กกต. แต่ สดสรี สัตยธรรม อดีต
กกต.อ่านไต๋แล้วเห็นว่าทำได้ “ยืนยันว่า พ.ร.บ.พรรคการเมืองมาตรา ๙๑ วรรคท้าย
เปิดช่องให้สามารถทำได้โดยไม่ผิดกฎหมายพรรคการเมือง” ซ้ำยังไม่จำเป็นต้อง “มีการคำนวณจำนวน
ส.ส.พึงมีใหม่แต่อย่างใด” ด้วย
แค่ให้พรรคเล็กๆ ๑๐
พรรคทำซ้ำแบบเดียวกับพรรคประชาชนปฏิรูปของไพบูลย์เท่านั้น “ให้จับตาดู” เนื่องจาก “เงื่อนไขการหาสมาชิกพรรคให้ได้
๕ พันคน และมีสาขาพรรคทั้ง ๔ ภาค พรรคเล็กอาจดำเนินการได้ยากกว่า”
ปัญหามีเพียงว่าหากยกเลิกพรรคแล้ว “ย้ายไปซบพลังประชารัฐจริง
อำนาจต่อรองของพรรคเล็กก็จะหมดไปโดยปริยาย”