นี่ละ ‘วิชามาร’
การเมืองของแท้ หลังจากที่ ๗ พรรคฝ่ายค้านขอเปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา
๑๕๒ ปมการถวายสัตย์ปฏิญานตนของนายกรัฐมนตรีไม่ครบถ้วนตามกระบวนการ นอกจาก พล.อ.ประยุทธ์
จันทร์โอชา จะเมิน บอก ‘ไม่ว่าง’
ต้องไปตรวจกำลังพลทางทะเลแล้ว
พอถึงเวลาอภิปรายจริง แม้นว่าจะเป็นเพียงอภิปรายแจงเงื่อนงำและความผิดโดยไม่มีการออกเสียงลงมติ
แต่เสียงฝ่ายค้าน ๒๑๔ ส.ส.ที่ยื่นญัตติไว้ ก็จะไม่ครบตามจำนวนนั้นเสียแล้ว เพราะมีหลายคนถูกดูดไปอยู่ฟาก
คสช.๒ ซะนี่
อย่างน้อยๆ ส.ส.บัญชีรายชื่อสี่คนจากพรรคเศรษฐกิจใหม่ย้ายขั้วแน่
ไปนั่งในข่ายพวกสนับสนุนรัฐบาล จึงเป็นประวัติการณ์พรรคนี้ที่มี ส.ส.อยู่ในสังกัดรัฐบาลและฝ่ายค้านพร้อมๆ
กัน โดยนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ หัวหน้าพรรค และนายนิยม วิวรรธนดิฐกุล รองหัวหน้า
ยังคงปฏิบัติหน้าที่ในฐานะฝ่ายค้านต่อไป
เช่นนี้จะทำให้เสียง ส.ส.ในสภาผู้แทนฯ
ฝ่ายสนับสนุนรัฐบาล คสช.๒ เพิ่มจาก ๒๕๓ เสียงเป็น ๒๕๗ เสียง ยั่งไม่พ้นเกณฑ์ ปริ่ม
แต่ก็ทำให้การบริหารงานด้านเศรษฐกิจของประยุทธ์ยังใช้วิธี ‘ทุ่ม’ และ ‘ถลุง’ ต่อเนื่องไม่ยั้งมือ
ไม่เพียงโครงการแจกเงินให้คนออกเที่ยวรายละพันเดินหน้าไม่ฟังใคร
กลุ่มนักศึกษาออกมาประท้วงก็ทำไม่รู้ไม่ชี้เช่นเคยแล้ว สำนักงานเศรษฐกิจการคลังคึกเอาด้วยคน
ไอเดียกระฉับขอกระตุ้นอีกสัก ๓.๑ แสนล้านบาทเป็นไง
ผอ. ลวรณ แสงสนิท อ้างว่าวงเงินดังกล่าวจะช่วยให้การขยายตัวเศรษฐกิจขยับขึ้นมาเกิน
๓% ได้ พร้อมเสนอมาตรการเร่งด่วนให้
ครม.เคาะจ่ายตั้งแต่ปลายกันยาถึงสิ้นพฤศจิกานี้ ด้วยงบประมาณควักจากคลัง ๕ หมื่น ๕
พันล้านบาท
หวังว่าจะมีผู้ลงทะเบียนเล่นด้วยกันสัก ๑๐
ล้านคน ที่แอ็พใหม่ชื่อ ‘เป๋าตัง’ โดยการลงทะเบียนทำได้ผ่านเว็บไซต์หรือแอพพลิเคชันการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) ด้วยหมายเลขบัตรประชาชน จะได้รับเงินโอนทางอีเล็คโทรนิคให้ ๑ พัน
ผู้ลงทะเบียนแล้วต้องโอนเงินของตัวเองไปใส่บัญชีไว้
เพื่อใช้จับจ่ายเพิ่มรวมคนละไม่เกิน ๓ หมื่นบาท จึงจะได้เงินทอน ๔,๕๐๐ บาท หรือเท่ากับ
๑๕%
ด้วยข้อแม้ว่าจะต้องเริ่มช้อปภายในสองอาทิตย์
หากไม่ทันจะถูกตัดสิทธิเพื่อเอาคนใหม่มาแทน
ข้อแม้อีกอย่าง ต้องไปท่องเที่ยวในจังหวัดที่กำหนดไว้
โดย “เลือก ๑ จังหวัดที่จะเดินทางไปซึ่งไม่ซ้ำกับที่อยู่ตามบัตรประชาชน” และจับจ่ายในร้านค้าที่อยู่กับโครงการเท่านั้น
อ้อ แล้วก็ผู้เข้าร่วมโครงการ “ต้องไม่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” ด้วย
(https://www.posttoday.com/finance-stock/news/598129 และ https://www.thairath.co.th/news/politic/1641736ftTVtM)
นั่นคือการบริหารเศรษฐกิจสไตล์ คสช.
แต่ที่วายร้ายพระกาฬกว่าต้องชั้นเชิงการเมืองเค้าละ นอกจาก ‘ดูด’ ส.ส.จากพรรคเศรษฐกิจใหม่ได้สำเร็จแล้ว ก่อนหน้านั้นยังจัดการเสียงกระโตกโหวกเหวกของพรรคจ้อย
ที่สั่ง กกต.ช่วยปัดเศษมาเป็น ส.ส.หนุนประยุทธ์เป็นนายกฯ เกือบราบคาบ
ล่าสุดนี่รายการ ‘โปรย้ายค่าย’ กำลังติดเรทติ้ง แจกตำแหน่ง ‘กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี’ ให้กับพวก
ส.ส.สอบตกเกือบจะถ้วนหน้า โดยประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ๘ คน เช่นอำนวย คลังผา นายทวี สุระบาล นายทศพล เพ็งส้ม และสุภรณ์
อัตถาวงศ์ หรือ แรมโบ้อีสาน เป็นอาทิ
นอกนั้นก็ไปปรำจำกระทรวงคลังบ้าง
ดิจิทัลบ้าง มหาดไทยบ้าง อุตสาหกรรมบ้าง วัฒนธรรมบ้างกระจายไปอีก ๗ คน เช่น สุรพร
ดนัยตั้งตระกูล ชื่นชอบ คงอุดม (พรรคพลังท้องถิ่นไทย) นราพัฒน์ แก้วทอง ธีระยุทธ
วานิชชัง และปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ เป็นต้น
ที่ดังสร้างเรทติ้งด้านดูดของพลัง คสช.เด่นโด่งกว่าใครเห็นจะเป็นราย
‘เสี่ยลาว’ พรศักดิ์
เจริญประเสริฐ อดีต ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทยหลายสมัย “ที่เพิ่งสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค
พปชร.หมาดๆ ๓๑ ก.ค.ที่ผ่านมา” นี้เอง
การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมานี้เขาลงสมัครในระบบบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทย
แต่ไม่ได้เป็น ส.ส.เพราะ พท.มี ส.ส.เกินเกณฑ์คำนวณไปแล้ว
เป็นนักการเมืองระบบเก่ายังไม่แก่แต่ไม่ถนัดเป็นฝ่ายค้าน ก็เลยทำไงได้ต้องขายวิญญานให้อสูร
“เสี่ยลาวปฏิเสธว่าการย้ายพรรคของเขาไม่เกี่ยวกับคดีความที่ค้างใน
ป.ป.ช. นั่นคือการที่ ครม.ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รับทราบการโยกย้ายนายถวิล
เปลี่ยนศรี พ้นจากเลขา สมช.” เขาบอกด้วยว่าไม่มีเรื่องต่อรองค่าตัวใดๆ
แต่หลังจากสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐได้
๒๐ วัน ก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี น่าจะเป็นเพราะฝีมือแท้ๆ แบบเดียวกับ
‘แรมโบ้อีสาน’