กรณีย้ายไม่ย้าย ‘ขั้ว’ ของพรรคเศรษฐกิจใหม่ เป็น ‘ปาหี่’ การเมืองน้ำเน่ายุค คสช.๒ ที่ต้องจดจารเป็นเครื่องรำลึกว่าประชาธิปไตยไทยศตวรรษที่
๒๑ ยังไม่ตั้งไข่
ไม่ว่าเนื้อแท้แห่งประเด็นจะเป็นการ ‘ปั่นข่าว’ หรือกระบวนการ ‘เฟคนิวส์’
สร้างราคาของฝ่ายสนับสนุน คสช. อย่างที่ ศิโรตน์ คล้ามไพบูลย์ “บอกแล้วว่าพลังประชารัฐเล่นเกมบลั๊ฟ”
ก็ตามที ผู้ที่มีส่วนร่วมเปิดช่องให้เกิดก็พรรคเศรษฐกิจใหม่เองนี่ละ
ประการแรกเหตุผลที่อ้างว่าเกิดการ ‘ตีความ’ ผิดๆ จากการที่รองหัวหน้าพรรคถูกนักข่าวยัดคำถาม
“มีข่าวลือว่าจะย้ายขั้ว” แล้วตอบว่า “ท่านมิ่งขวัญยังอยู่
แต่อีก ๔ คนไม่ทราบ ต้องไปถามอีก ๔ ท่านดู”
ตอบแบบนี้ใครก็ตีความว่ามันต้องมีอะไรในกอไผ่
ในเมื่อ ‘ข่าวปั่น’ ออกมาจากพรรคของ
คสช.๒ แล้วประธานยุทธศาสตร์หมาดๆ ของพรรคนั้นก็แบ่งรับแบ่งสู้เหมือนกัน ๕
ปีกว่ามาแล้วนักข่าวค่ายไหนย่อมรู้ว่าเวลามี ‘ตอผุด’ ทีไร รองนายกฯ ฝ่ายมั่นคง ‘ไม่รู้’ ไว้ก่อนเสมอ
“เรายืนยันว่าเราเป็นฝ่ายค้าน
แต่บางเรื่องเราอาจจะไม่เห็นด้วยกับฝ่ายค้าน แต่อาจจะไม่ไปลงมติร่วมกับเขา
ซึ่งเป็นเอกสิทธิของพรรคเรา” อีกประการที่สุภดิช อากาศฤกษ์ รักษาการหัวหน้าพรรคระบุ
ซึ่งบ่งบอกถึงอาการไหวหวั่นสั่นคลอนของพรรคนี้
“เราอยู่ฝ่ายค้านก็อึดอัดเหมือนกัน”
ภาสกร เงินเจริญกุล เลขาธิการพรรคบ่นบ้าง “มีแต่พูดเรื่องการเมือง
จะบอกว่าเป็นเจ็ดพรรค เจ็ดพรรคทุกครั้งเราก็ไม่เห็นด้วย” ฟังดูดั่งว่าพรรคใหญ่ๆ
คุยกันเองแล้วไปแถลงเหมารวม ตนไม่เห็นด้วย
“ที่เรากังวลใจที่สุดคือปรัชญาของพรรคนี้
เราเคยถูกตั้งคำถามว่า จะแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ ตนบอกว่าใช้ไปแล้วมีปัญหาค่อยแก้”
มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ คนสำคัญของพรรคนี้ที่หัวหน้าก็ไม่ได้เป็น (ซะหน่อย)
พาดพิงถึงบางประเด็น
นั่นก็คืออุดมการณ์หลักของพรรคที่รักษาการหัวหน้าบอก
“การตั้งพรรคเพื่อแก้ปัญหาปากท้องปัญหาเศรษฐกิจ เราไม่เป็นนอมินีของใคร...ที่ผ่านมาเราพยายามโฟกัสเรื่องเศรษฐกิจ”
ก็นั่นสิ แล้วไฉนไม่ค่อยเห็นการอภิปรายในประเด็นนั้น
ฝ่ายค้านอื่นๆ
โดยเฉพาะพรรคอนาคตใหม่และเพื่อไทย เขาก็พูดเรื่องปากท้องของชาวบ้านอยู่ตลอด
แต่ก็มีการเมืองแทรกอยู่ไม่น้อย เพราะเป็นประเด็นที่ถูกฝ่าย คสช.พยายามสับโขก
อย่างพรรค อนค.โดนหาเรื่อง ๑๗ คดีก็ยังลงพื้นที่หาชาวบ้านอยู่ไม่ขาด
ถ้าเศรษฐกิจใหม่จะทำหน้าที่ฝ่ายค้านด้านเศรษฐกิจ
ก็ควรจะเริ่มทำอะไรอย่างมุ่งมั่นให้มันตรงกับที่อ้างได้แล้ว ลองขยับหน่อยเป็นไร
ในฐานะ ‘มือโปร’
แทนที่จะตกเป็นเหยื่อของ ‘โปรย้ายค่าย’ ต้องเรียนรู้ความปักใจ ‘conviction’ แน่วแน่อย่างพรรคน้องที่โตไวดูบ้าง
(พรรคนั้นทั้งที่ถูกสกรัมในเรื่องไร้สาระมากมาย
ก็ยังไม่พ้นโดน ‘ปั่น’ เรื่องซื้อตัวด้วยเหมือนกัน บ่องตง ขอชมเชยที่พวกเขาทำให้ประเด็น ๑๒๐
ล้านสยบไปได้ แม้จะยังมีโอกาสพุพองก็ตาม)
อย่างเรื่องค่าเงินบาทแข็งไม่ยอมหด
จนจะพากันพังหมด ไหนจะส่งออกหด นักท่องเที่ยวเหี้ยน ตลาดหลักทรัพย์เหี่ยว แต่ รมช.คลังของ
คสช.๒ กลับตอบกระทู้สดของ ส.ส.พรรคเพื่อไทยว่ามัน ‘แข็ง’ ตามความแข็งของเศรษฐกิจไทยเสียนี่
ข้ออ้างของนายสันติ
พร้อมพัฒน์ ที่ว่า “หลังจากที่มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
จึงได้รับความเชื่อถือจากต่างประเทศ มีการนำเงินมาลงทุนทุกรูปแบบ”
เป็นเฟคนิวส์ชนิด ‘misinformation’ ตัวสำคัญ ที่ผู้ติดตามการบ้านการเมืองขณะนี้รู้ดีว่าตรงข้ามความจริง
(https://www.thairath.co.th/news/business/1642783, http://www.komchadluek.net/news/breaking-news/384506?qt= และ https://www.facebook.com/PeaceNewsOfficial/photos/a.417847895249260/898031340564244/)
