ส.ส.กร่างก็อย่าง มันต่าง ส.ส.ยุคก่อน
คสช.ตรงไหน ส.ส.ดูดมาเอย ส.ส.ปัดเศษอีก นี่ก็ ส.ส.อวยอำนาจ ตั้งท่าจะย้ายถ้าทำได้
น่าเห็นใจเพื่อไทยถูกดูดไม่หยุด ตีฆ้องเอิกเกริกรับสมาชิกใหม่ไม่ทันสิ้นเสียงกังวาน
สอง ส.ส.สุรินทร์ไปดันบั้นท้ายประยุทธ์เสียนี่
นายกฯ คสช.๒ ลงพื้นที่บุรีรัมย์-สุรินทร์คราวนี้มีดราม่ามากกว่าคาด
สาม ส.ส.พรรคเพื่อไทยไปให้การต้อนรับเท่านั้นไม่พอ เมื่อประยุทธ์ถูก ส.ส.ครูมานิตย์
และ ส.ส.ตี๋ใหญ่ เกาะแข้งเกาะขาพัลวัน ครูมานิตย์ถึงขั้นป้อยอขนานใหญ่
“ยกมือให้นายกฯ ล้านเปอร์เซ็นต์
ขณะที่มีการลงชื่อขออภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ ผมยังบอกว่าลงทำบ้าอะไร
พวกมึงบ้าหรือเปล่า เขายังไม่ทำอะไรไปลงชื่อกันแล้ว ไปดูได้เลยไม่มีชื่อผม”
ด้านตี๋ใหญ่กราบกราน “อย่ายุบสภาฯ นะ อยู่ให้เกิน ๔ ปีนะ”
พอนักข่าวเปรยว่าพูดอย่างนั้นเหมือนเตรียมย้ายพรรค
ครูมานิตย์ สังข์พุ่ม รีบแถ “คำว่ายกมือให้คือสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลในการแก้ปัญหาให้ประชาชน
โดยเฉพาะวิกฤติภัยแล้ง เมื่อตนเป็น ส.ส.
มีหน้าที่สะท้อนปัญหาให้ผู้มีอำนาจรับรู้ทั้งในและนอกสภาฯ”
พร้อมทั้งยืนยันว่า “ขณะนี้ยังไม่มีความคิดจะย้ายพรรค”
แต่เหตุผลจริงเบื้องลึกน่าจะเป็นเช่นที่ Atukkit Sawangsuk แฉ “ย้ายได้ไง ย้ายก็พ้นสมาชิกภาพ
ส.ส.” เขาวิเคราะห์ต่อ
“ส.ส.เพื่อไทยจำนวนมากหวั่นไหว
เพราะอนาคตพรรคไม่แน่นอน ในขณะที่ ส.ส.รัฐบาล ส.ส.สอบตก
ได้งบได้โครงการลงพื้นที่กันเถิดเทิง ประชานิยมก็เชี่ยวกราก การยืนหยัดรักษาฐานเสียงในภาวะอย่างนี้ไม่ง่ายเลย”
ส่วนเรื่องของตู่ไม่มีอะไรใหม่ “ผมยังไม่ลาออกแน่นอน ไม่มีลาออก เอาอย่างนี้ดีกว่า
ผมเหมือนกระท้อนยิ่งทุบยิ่งตียิ่งอร่อย ยิ่งหวานผมชอบ”
ฉะนั้นเรื่องฝ่ายค้านเปิดอภิปรายปมไม่ยอมอ่านคำถวายสัตย์ให้ครบ ตามมาตรา ๑๕๒
ไม่ยั่น
ทั่นรองฯ วิษณุ เครืองาม แก้ให้แล้ว “นายกฯ
มอบให้คนอื่นชี้แจงแทนได้” จะสง่างามหรือไม่อย่างไร ไม่สน แม้แต่พรรคเพื่อไทยฝ่ายค้านประโคมกรณีมีสมาชิกพรรคย่อยย้ายเข้าใหม่สามคน
หนึ่งในนั้นเป็นดาราดังอย่าง รัฐภูมิ ‘ฟิล์ม’ โตคงทรัพย์
หลักใหญ่ใจความอยู่ที่มีเลือกตั้งได้รัฐบาลใหม่แล้ว
การเมืองไทยยังพายเรือวนในอ่าง ไม่เว้นแต่ละวันชาวบ้านได้เห็น ส.ส.ปลักตมอาจม
ยิ่งกว่าความ ‘ชั่วร้าย’ ที่คณะทหารและพวกนั่งร้านลิ่วล้อใช้อ้างเข้ามายึดอำนาจ
ซ้ำร้าย
ส.ส.เหล่านั้นอยู่ในสังกัดพรรคการเมืองของ คสช.ทั้งนั้น อย่าง ส.ส.กร่าง สิระ
เจนจาคะ พลังประชารัฐ จาก กทม.ไปโหวกเหวกโวยวายทำเสียงดังใส่เจ้าหน้าที่และนักการเมืองท้องถิ่นภูเก็ต
จนเป็นข่าวใหญ่ วางมาดจ้วงเขาไม่จัดตำรวจติดตามให้
ภายหลังให้ข่าวว่าตนเป็นคนพูดเสียงดังอย่างนั้นเอง
แต่ว่าคลิปเหตุการณ์ที่ถูกแพร่ออกไปอย่าง ‘ไวรัล’
มันมากกว่าเสียงดังธรรมดา ผู้ชมได้เห็นลักษณะการข่มขู่แบบอ้างเป็น ‘ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่’ นั่นเลย
ตำรวจระดับรองผู้กำกับฯ ที่รับฟังพยายามชี้แจงไม่เป็นผล
“บอกว่าพรุ่งนี้พวกตนจะออกจากโรงแรม ๑๑ โมง
คงทราบนะว่าจะต้องทำอย่างไร ผมจะให้โอกาสอีกครั้งหนึ่ง” แบบนี้ถ้าไม่เรียก ‘กร่าง’ ก็คงไม่สามารถหาคำอื่นที่สุภาพมาแทนได้ แม้นว่าตัวใหญ่ของ
คสช.๒ จะ ‘เบี่ยง’
“การทำงานของตำรวจก็ต้องเห็นใจเขา
เพราะงานเขาเยอะ ฉะนั้น เขาไม่ได้มีกติกาไว้ว่าถ้า ส.ส.ไปต้องมีคนดูแล
ถ้าอยากให้เขาดูแลตัวเองกลัวอันตราย ทำหนังสือขอเขา” ถึงอย่างนั้นยังไม่วาย ‘โบ้ย’
“ตนไปเกี่ยวอะไรกับเขา ประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ
(พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ได้เรียกมาคุยแล้ว และทางโฆษกพรรคก็ได้ออกมาขอโทษแล้ว”
แต่ทั่นประธานยุทธศาสตร์ฯ บอกไว้ก่อนเรียกไปคุยว่า “เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา”
โดยมีรัฐมนตรีคนหนึ่งของ คสช.๒
ให้อัตถาธิบายว่า “การลงพื้นที่นายสิระก็ไม่ได้ไปในนามของพรรคพลังประชารัฐ
และพรรคพลังประชารัฐไม่มีนโยบายให้ ส.ส.ลงพื้นที่ข้ามเขตพื้นที่ของตนเอง”
ครั้นนักข่าวย้อนว่านายสิระไปแสดงกิริยาไม่เหมาะสม
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ ตอบว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา
“เขาไม่ได้แสดงในนามของพรรคพลังประชารัฐ...มาพาดพิงถึงพรรคพลังประชารัฐเกินไป
ก็เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง”