อะไรนี่ ปาหี่ไหมนั่น ประยุทธ์ควงสี่รัฐมนตรีลงพื้นที่สุรินทร์-บุรีรัมย์
ทั้งเรียกประชุม ๒๐ ผู้ว่าฯ อีสาน แก้วิกฤติภัยแล้งและปัญหาขาดแคลนน้ำ
แต่เห็นข่าวเรื่องบุรีรัมย์น้ำแห้งสองอาทิตย์มาแล้ว ทีม คสช.๒ ไม่สายไปหน่อยหรือ
เมื่อวาน (๑๘ ส.ค.) สถานการณ์ใหม่มาแล้ว หลังฝนตกหนักหลายวัน
กรมอุตุฯ เตือนระวังน้ำท่วมเฉียบพลัน แถวน่านน้ำเริ่มล้นเข้าบ้าน แล้วเมื่อไรประยุทธ์แอนด์เดอะแก๊งจะเรียกประชุมผู้ว่าฯ
แก้ปัญหาอุทกภัยล่ะ เดือนหน้าเร็วไปมั้ย
นี่ไงการบริหารบ้านเมืองแบบนักรัฐประหารที่ทำมาแล้ว
๕ ปี กำลังทำอีกอย่างน้อยๆ สี่ปี เป็นงูกินหางต่อไป ที่จริงการลงพื้นที่ครั้งนี้น่าจะเป็นการดันก้นทีมบุรีรัมย์ของรัฐมนตรีศักดิ์สยาม
ชิดชอบ เสียละมากกว่า
เพราะ รมว.คมนาคม
น้องหมอผีการเมืองเจ้าของตำรา ‘งูเห่า’ คนสำคัญ เพิ่งเปิดความจริงบางประการว่า
กระทรวงที่ก่อนหน้านี้แย่งกันนักว่าเงินหนา ที่แท้ ‘ถังแตก’
อย่างน้อยๆ ในปีงบประมาณนี้ ๒๕๖๓ ต้องเลื่อนไปปีงบประมาณหน้า ๒๕๖๔
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ
รัฐมนตรีคนที่ร่วมกับ อนุทิน ชาญวีรกูล จัดการต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ลงพื้นที่สุรินทร์-บุรีรัมย์ เพิ่งแจ้งชะลอโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม
ทั้งด้านตะวันตกและตะวันออก ต้องเลื่อนออกไป รองบประมาณปี ๖๔
“ขณะนี้กระทรวงคมนาคมเหลืองบประมาณอยู่ราว
๓๐,๐๐๐ ล้านบาท
ทว่าโครงการดังกล่าวต้องใช้งบประมาณมากถึง ๙๐,๐๐๐ ล้านบาท”
ขออภัยที่รัฐบาล คสช.ใช้จ่ายมือเติบไปหน่อย ตอนอำนาจเบ็ดเสร็จควักจากคลังไม่อั้น
ตอนนี้สวมหน้ากาก ‘มาจากการเลือกตั้ง’ เลยต้องรักษาระเบียบวินัยการคลังเสียหน่อย
ซ้ำยังจะเริ่มของใหม่ที่ คสช.๑ ไม่ค่อยจะทำ นั่นคือการ ‘ประหยัดงบประมาณ’
โดยเฉพาะในโครงการคมนาคม ดังเช่น สั่งให้ยกเลิกการสร้างเกาะกลางถนนบนทางหลวง
หันไปใช้แผงกั้น ‘แบริเออร์’ ที่ทำจากยางพารามาเป็นตัวกั้นกลางระหว่างทางวิ่งสวนบนทางหลวงแทน
โดยจะปรับคุณภาพของแบริเออร์จากที่ทนความเร็ว ๑๑๐ ก.ม./ชั่วโมง ไปเป็น ๑๒๐
ทั้งนี้เพราะการสร้างเกาะสิ้นเปลืองมากกว่า
ส่วนเรื่องที่อยู่ในข่ายดูแลและรับผิดชอบของคมนาคมเหมือนกัน
แต่ยังไม่พูดถึงในตอนนี้ทั้งที่เรื่องเกิดมาสองอาทิตย์แล้วก็คือ ครึ่งปีแรกของ
๒๕๖๒ ผลประกอบการของการบินไทย “ขาดทุนสุทธิ ๖,๘๗๘ ล้านบาท
เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ถึง ๑๒๒.๙%”
รายละเอียดว่าขาดทุนอย่างไร
ไม่ต้องไปดูมากเพราะเหมือนๆ เดิมที่ผ่านๆ มาหลายต่อหลายปีนั่นละ
(แต่ถ้ายังจะดูให้ได้ ไปที่ https://www.pptvhd36.com/news//108449) ส่วนที่เป็นการแก้ตัวครั้งใหม่นี่ต้องฟังกรรมการผู้อำนวยการใหญ่
สุเมธ ดำรงชัยธรรม โอด
เขาอ้างว่านี่เป็น ‘กลยุทธ์’ ตั้ง ๖ ข้อเชียวละ มีทั้ง “ควบคุมค่าใช้จ่ายที่ไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพการให้บริการ”
กับ “ประหยัดและสร้างมูลค่าเพิ่ม (Circular Economy) ให้ทั้งกับองค์กรและประเทศชาติ”
หูย แค่ฟังสองข้อก็ขนลุกซู่แล้วสิ
กลยุทธ์อื่นล้วนไม่ใช่ของใหม่
สายการบินอื่นๆ เท่าที่เห็นระดับท้องถิ่นแถวนี้ อย่างอะล้าสก้า ฮาวาย เซ้าท์เวสต์
และเดลต้า เขาทำกันมานานแล้ว ไม่เพียงระดับนานาชาติอย่างเอ็มมิเรท สิงคโปร์ เอเอ็นเอ
เอเซียน่า หรือว่าฮ่องกง
ไม่ว่าจะเป็น ดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง-การตลาดออนไลน์
ซิเนอร์จี้-ผสานการค้า ที่บอกว่าจะเปิด ‘คาเฟ่
แอมาซอน’ เร็วๆ นี้ ก็ช้ากว่าชาวบ้านเป็นสิบปี ฉะนั้นจะยัง ‘ไทยสมายล์’ อยู่อีกไหมไม่ใช่ประเด็นแล้วขณะนี้
แต่อยู่ที่ว่าจะตัดอะไร ประหยัดตรงไหนแน่
ถึงจะยังมองไม่เห็นว่า “การปรับโครงสร้างงานบริการแบบรวมศูนย์...อีกทั้งยังมีการรณรงค์เรื่ององค์กรคุณธรรมภายในองค์กรอย่างทั่วถึง...อันเป็นส่วนหนึ่งของแผนงาน
#SaveTG” จะได้ผลไหม แต่ก็ส่งกำลังใจให้สำเร็จเถิดเจ้าประคุณ
ประชาชนจะได้ไม่ต้องอุ้มพวกคุณทั่นอีลีทกันอีก
เห็น บก.ลายจุด
พูดถึงการขาดทุนของการบินไทยทันทีที่เป็นข่าว (Aug 10) เขาว่า “ตั้งแต่อ่านข่าวการบินไทยมาตลอดชีวิต
ไม่เคยได้ยินข่าวการบินไทยทำกำไรเลย” ไม่ทราบอายุแกเท่าไร
เชื่อว่าคงไม่ใช่ยี่สิบสามสิบ
มิหนำซ้ำมีพลพรรคการเมือง ‘อีลีท’ ไปโต้แก “ฝั่ง ปชป. มาอธิบายว่าช่วงที่เขาเป็นรัฐบาลเคยทำกำไร
๖ พันล้าน” สมบัติ บุญงามอนงค์ เผยถูก FC ปชป. ตามถล่ม “แต่พอไปอ่านในข่าว
thaipublica เขาอธิบายว่าราคาน้ำมันลดลงทำให้ต้นทุนลดลงเดือนละ
๘๐๐ ล้านบาท”
จึงทำให้การบินไทยมีกำไรในครั้งนั้น “แล้วมันฝีมือของผู้บริหารยังไง”
เขาถาม โดยคนสำคัญ ปชป. ไม่ได้ไปตอบ แต่เสนอความเห็นในฐานะอดีต รมว.คลัง และเป็น
ส.ส.บัญชีรายชื่อขณะนี้ กรณ์ จาติกวณิช ติ๊ดขึ้นเลยถามเหมือนกัน
“ทำไมคนไทยต้องอุ้มการบินไทยในสภาพนี้ด้วยเงินภาษี”
เขาย้อนความตามท้องเรื่องกลับไปเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ครั้งเขาเป็น รมว.คลัง ร่วมกับกระทรวงคมนาคมยืนยัน
“บริษัทต้องมีแผนฟื้นฟูโดยเร็วที่ต้องแสดงให้เห็นว่าต้นทุนจะลดลงอย่างไร”
“ผลคือการบินไทยกลับมากำไรได้ในปี ๒๕๕๒ และ ๒๕๕๓ แต่ผู้บริหารและกรรมการถูกปลดออกเมื่อเปลี่ยนรัฐบาลในปี
๒๕๕๔ และจากนั้นการบินไทยก็ขาดทุนตลอดมาทุกปี” เขาแนะให้ไปอ่านบทความของบรรยง
พงษ์พานิช ที่เขียนถึงหนี้สินของบริษัทการบินไทย
นอกเหนือจากแสดงบทบาทตนเอง
“ในฐานะ สส. ผมจะนำเรื่องนี้เสนอรัฐบาล
และหวังว่าจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน”
(https://www.posttoday.com/politic/news/598044 และ https://www.nationtv.tv/main/content/378732330/?qz=)
หวังเหมือนกันว่า รมว.คมนาคม และคลัง
จะตั้งใจฟังพรรคติดสอยห้อยตามของทั่น