วันศุกร์, สิงหาคม 16, 2562

ชักวุ่นแล้วสิ ปปช.องค์กรปราบทุจริต ติดบ่วงทุจริตเสียเอง


ชักวุ่นแล้วสิ ปปช.องค์กรปราบทุจริต (กับฝ่ายตรงข้าม คสช.) ติดบ่วงทุจริตเสียเอง เสร็จแล้วฟ้องกันนัวระหว่างเลขาฯ กับรองฯ ขณะที่ตัวเลขาฯ เจอคดีประพฤติมิชอบในปมสินบนปาล์มข้ามชาติเข้าอีก

ต่อการที่นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ แถลงเรื่องการชี้มูลความผิดนายประหยัด พวงจำปา รองเลขา ปปช. กรณียื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ ตกหล่นไป ๒๒๗ ล้านบาท

ปปช.ทั้งคณะมีมติเอกฉันท์ชี้ผิดนายประหยัดตามมาตรา ๑๖๗ ของ พรป. ปปช. “ให้ส่งอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” ซึ่งจะทำให้ต้องพ้นจากตำแหน่งในวันที่ศาลประทับรับฟ้อง

แล้วยังจะมีการตั้งกรรมการโดย ปปช.เพื่อตรวจสอบต่อ และ “ไต่สวนกรณีร่ำรวยผิดปกติ” ด้วยนั้น ผู้ถูกชี้มูลได้ออกมาซัลโวโต้ว่า การที่ ปปช.ดำเนินคดีแก่ตน เป็นการกลั่นแกล้ง “ไม่ให้ความเป็นธรรม และไม่เคยให้โอกาสเข้าชี้แจงด้วยวาจาต่อคณะกรรมการ”

นายประหยัดอ้างว่าการไต่สวนตนไม่ต้องด้วยกฎหมาย (พรป. ปปช.) “มาตรา ๑๑๔ ที่ต้องพิสูจน์เจตนาและการดำเนินการ” ทั้งที่ตนได้ร้องขอความเป็นธรรมแล้วหลายครั้ง ว่าการละเลยไม่ได้แจ้งรายการทรัพย์สิน เป็นการเข้าใจคลาดเคลื่อนของภรรยา

“ผมชี้แจงว่าภรรยาถือครองทรัพย์สิน ไม่ต้องยื่นด้วยซ้ำ พิสูจน์สิว่าทรัพย์สินที่ถือครองเป็นของภรรยาจริง หรือลงทุนจริง ถ้าไม่ใช่ค่อยมาว่าผม” นายประหยัดแจงอย่างมั่นใจว่า “ผมไม่ใช่คนทุจริต เรื่องนี้เป็นเรื่องข้อบกพร่อง ความเข้าใจคลาดเคลื่อนของภรรยา ที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ”

การนี้สำนักข่าวอิศราเป็นผู้นำเสนอข้อตอบโต้ของผู้ถูกกล่าวหา โดยซักถาม “มูลเหตุที่ทำให้เชื่อว่าเป็นการกลั่นแกล้งกัน” ได้ความจากนายประหยัดว่า “ตนเคยเป็นแคนดิเดตชิงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. พร้อมกับนายวรวิทย์ สุขบุญ”


มันเป็นอย่างนี้นี่เอง มีเรื่องปีนเกลียวกันมาก่อนแล้ว น่าจะช่วงที่ คสช.ใช้อำนาจตั้งกรรมการตามใจ ไม่ดูตาม้าตาเรือก็เป็นได้ ในเมื่อ ปปช.ชุดนี้มีเรื่องนุงนังนัวเนียอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะที่กำลังดังขึ้นทุกวัน หลังจากที่ประธานฯ พยายามสยบข่าวแล้ว

เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ แถลงกรณีมีเจ้าหน้าที่ ปปช.หลายคนถูกอดีตประธานหอการค้าอินโดนีเซีย-ไทยแจ้งความต่อตำรวจอินโดนีเซียให้จับกุม ว่าร่วมกันให้สินบนแก่พยานในคดีที่การปิโตเลี่ยมไทยไปลงทุนปลูกปาล์มในอินโดนีเซีย
 
เนื่องจากนั้นเป็นคดีข้ามชาติ จึงมีการส่งกรรมการ ปปช.ไทยไปทำการสอบสวน หนึ่งในนั้นคือ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ ผู้โด่งดังมาแต่ครั้งเป็นรองปลัดกระทรวงการคลัง ผู้ให้การชี้ความผิดโครงการจำนำข้าวของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

หลัง คสช.ยึดอำนาจ น.ส.ยิ่งลักษณ์เสร็จสรรพ น.ส.สุภาได้มาเป็นกรรมการ ปปช. และต้องหาคดีในอินโดนีเซียดังกล่าว แต่ประธานฯ ก็แก้ตัวให้ว่า “เป็นเพียงกระแสข่าวที่ข้อมูลอาจคลาดเคลื่อนและไม่เป็นความจริง”

อย่างไรก็ดี คดีที่ ปตท.ไปลงทุนปลูกปาล์มที่อินโดฯ นี้กลายเป็นลูกโซ่ฟ้องวนกันไปในวง ปปช. เมื่อนายนิพิฐ อิศรางกูร ณ อยุธยา เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช. ในข้อหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่

ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค ๑ ประทับรับฟ้องในข้อหาที่ว่า จำเลยเป็นผู้ได้รับมอบหมายโดยตรงจากคณะกรรมการ ปปช. เพื่อให้ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีนางสาวสุภา ปิยะจิตติ และคณะ” แต่กลับเพิกเฉย

ในคำฟ้องระบุถึงการเดินทางไปสอบสวนดังกล่าว โดยมีบุคคลในคณะนำถุงสินบนไปให้พยานปากสำคัญก่อนการสอบปากคำสองวัน เพื่อให้พยานบิดเบือนข้อเท็จจริง แต่เรื่องแดงขึ้นเมื่อพยานคนนั้นโวยวายว่าถูกเจ้าหน้าที่ไทยยัดสินบน


มีข้อน่าสังเกตุบางอย่างจากการที่ ปปช.อลเวงพัวพันเรื่องทุจริตเสียเองนี้เกี่ยวกับเรื่อง คนของใคร ใน ปปช. สำหรับทั่นประธานฯ รู้กันมานานว่า คนสนิท เฮียป้อม ส่วน น.ส.สุภาที่กำลังจะซังเตนี่ว่ากันว่าเป็น ทายาทอสูร ของ วิชา มหาคุณ เจ้าของตำนานล้างบาง ชินวัตร

สำหรับรายใหม่ ประหยัด ปฏิเสธเสียงแข็งไม่เกี่ยวสุภา แต่ออกปากฝากสื่อมวลชน องค์กรยุติธรรม และพรรคการเมือง ให้ไต่สวนถอดถอนกรรมการ ปปช. แนะช่องทาง ส.ส. ๑๒๕ คนยื่นต่อประธานสภา หรือว่าประชาชน ๒ หมื่นเข้าชื่อกัน

แถมด้วยว่า “ขอเชิญมาบอกกับตนได้...ตนยินดีให้ความร่วมมือในกระบวนการ”