จากโกวิท วงศ์สุรวัฒน์ ถึงสฤณี อาชวานันทกุล คือการเคลียร์พื้นที่ เพื่อเตรียมตัวเชือดธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
...............
1.
จากการที่ ทวิตเตอร์ kovitw@kovitw1 โกวิท วงศ์สุรวัฒน์ ได้โพต์ข้อความวิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญ
“ศาลรัฐธรรมนูญรับคําร้อง 32 ส.ส.ปมหุ้นสื่อแต่ไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่น่าจะเกินคําว่า “ด้าน” เสียแล้ว”
ซึ่งเป็นช้อความ ที่พูดถึงการตัดสินของศาลระหว่างคดีของ
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ @Thanathorn_FWP กับคดีสส.ถือหุ้นคนอื่นๆ
ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าเป็นถ้อยคำที่ไม่เหมาะสม
ศาลรัฐธรรมนูญจึงขอเรียนเชิญมาพบเลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 30 เดือนสิงหาคม พ.ศ.2562 เวลา 10.00 น. ณที่ทำการศาลรัฐธรรมนูญ อาคารราชบุรีดีเรกฤทธิ์ ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ”
นี่คือการขู่อย่างหนึ่ง
2.
ต่อมาศาลฎีกาแผนกเลือกตั้งได้มี หมายเรียก ถึงสฤณี อาชวานันทกุล เนื่องจากเขียนบทความ
อันตรายของภาวะ “นิติศาสตร์นิยมล้นเกิน” (อีกที)
https://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/647240
เช้าวันที่ 9 เดือนกันยายน 2562 สฤณีจะเดินทางไปรับทราบที่ศาลฎีกา
https://www.facebook.com/SarineeA/posts/3065286486831500?__xts__[0]=68.ARAOG3KtUNAbHtBkyi0UK0ZRLjy3TDT8kK65H_18L5VfHbt-bj1qOvQkErUXrUWrsg_ikt7yw5SG5vDL9XGVxLZMokvwTTBsYXKw0OMLBoktLic_UJR2VrXtuksTggfh4Cz_7c43gEBroCsfRNSOrmW1D6Dy2PVmTU_YwTnOMDRMbd_gyiNHVtqxrvylK53snj8xT8pLE1Ul523JvV6Lou7cQFEcUe3WSHCIOQuN9KgASzr78FizGO7xvc189lzyTLEVlipXeCKvhxrRypPz2ipt6ONrJ5rGMGDmw23ZHvJzuPPAWrrg8uythNt4XiCMf5EGPgSQvMo&__tn__=K-R
อันนี้ไม่ขู่แล้ว เอาจริงเลย
3.
แน่นอนว่าทีั้ง 2 ชิ้นเกี่ยวพันกับคดีหุ้นของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินเร็ว ๆ นี้
'ธนาธร'ระทึก! ศาลรธน.นัดอภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยสมาชิกภาพส.ส.นัดหน้า
https://www.naewna.com/politic/436230
จากทั้ง 2 กรณี ผมคิดว่านี่คือการเคลียร์พื้นที่
เพื่อเตรียมตัวเชือดธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
ooo
1.เลขานุการศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งฟ้องเอง
แล้วใครอำนวยความยุติธรรม
2.ประเด็นหุ้นสื่อที่ไม่ได้ทำสื่อจริง คนจำนวนมากวิพากษ์วิจารณ์ไม่เห็นด้วยกับศาลเลือกตั้ง จะเอาผิดทั้งหมดไหม
3.การเอาผิด ทำให้คนกลับมาเชื่อมาเห็นด้วยกับศาลหรือไม่
หรือเพียงทำให้คนไม่กล้าพูดไม่กล้าแสดงความเห็น
รัฐธรรมนูญ 2540-2550-2560 ยิ่งผ่านรัฐประหาร ยิ่่งทำให้ศาล องค์กรอิสระ เป็นใหญ่ เป็นผู้ชี้ขาดอนาคตประเทศ การเมืองไทย การเข้าสู่อำนาจ การใช้อำนาจ โดยไม่ได้เป็นไปตามเจตจำนงของประชาชน การเมืองไม่เป็นไปตามความนิยม เพราะให้อำนาจศาล องค์กรอิสระ มาคอยตัดสิทธิ มาตรวจคุณสมบัติ ในเรื่องจุกจิก ไปจนกระทั่งยุบพรรค
ประยุทธ์จะเป็นนายกฯ ได้หรือไม่ ถวายสัตย์ไม่ครบมีผลอย่างไร อยู่ที่ศาล รธน.ชี้ขาด ธนาธรจะขาดจาก ส.ส.ไหม อำนาจศาลทั้งนั้น แต่ประยุทธ์อารมณ์ดี สบายใจ ถ้าเป็นเพื่อไทย คงหน้ามืดดำ ธนาธร ก็ไม่มีใครเชื่อว่าจะได้เข้าสภา
อันที่จริง อย่าหมอธี ตาเฒ่าดอน เมียถือหุ้น ไม่ได้เป็นผลประโยชน์ทับซ้อนที่มีนัยสำคัญอะไรเลย แต่รัฐธรรมนูญเขียนกว้างไปหมด หมอธีโดนเว้นวรรค เป็น ส.ว.ได้ไหม กรธ.2 คนยังเถียงกัน นี่มันประเทศแห่งการตีความ
รัฐธรรมนูญดึงศาลมาตัดสินการเมือง แทนความนิยมของประชาชน ทั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญทั่วโลก เขามีไว้ปกป้องสิทธิเสรีภาพประชาชน
จะโดนเรียกไหม? 555 พูดในหลักการ
ศาลต้องวิจารณ์ได้ ไม่งั้นก็ไม่มีอะไรถ่วงดุลศาล ศาลก็จะใช้อำนาจตามอำเภอใจ
ยิ่งถ้าเป็นคดีที่เกี่ยวกับการเมือง เป็นเรื่องประโยชน์สาธารณะ กระทบประชาชนวงกว้าง ศาลก็ต้องยอมรับว่าจะมีคนวิจารณ์อยู่ดี จะรับฟังเสียงวิจารณ์หรือปิดกั้นให้คนด่าลับหลัง
ศาลรัฐธรรมนูญเมื่อเริ่มตั้ง จึงไม่มีกฎหมายห้ามละเมิดอำนาจ เพราะเป็นการพิจารณาเรื่องสาธารณะ แต่พอรัฐธรรมนูญเอาศาลไปตัดสินการเมืองมากขึ้นๆ ก็ถูกวิจารณ์เยอะ จนมาออกกฎหมายห้ามละเมิด
ถ้าศาลรัฐธรรมนูญไม่อยากให้วิจารณ์ ก็ต้องถอยจากอำนาจตัดสินการเมือง เสนอแก้รัฐธรรมนููญ ไปเป็นผู้ปกป้องสิทธิประชาชน เท่านั้นแหละ จะมีแต่คนชื่นชม
ที่นี่ประเทศไทย เรามีกฎหมายไว้ใช้เต็มประเทศ จะจับใครก็ได้ ไม่จับก็ได้ จุกจิกขนาดไหนก็ได้ ถวายเงินพระสองพันแจกใบส้ม ไม่ยื่นสมุดเงินฝากไม่กี่พันโดยตัดสิทธิ แต่ยืมนาฬิกา ยืมรถ ยืมเครื่องบิน ไม่มีความผิด
เมียหมอธี ซื้อหุ้นปูนใหญ่ 800 หุ้น นิดเดียวเท่านั้น แต่รัฐธรรมนูญห้าม อนุทินมีบริษัทก่อสร้างยักษ์ใหญ่แต่ส่งเลขาธิการพรรคไปคุมคมนาคม ไม่เห็นเป็นไร
แต่หมอธี กว่าจะตกเก้าอี้รัฐมนตรี ก็เป็น ส.ว.ไปแล้ว เพราะ กกต.กว่าจะยื่นศาล เมื่อเดือน ม.ค.นี้เอง
ต่างกับธนาธร ประกาศรับรองผลเลือกตั้ง ก็ยื่นศาลทันใด
คดีคล้ายกัน ผลทางการเมืองต่างกันคนละขั้ว ใครก็เห็นได้
กติกาแบบนี้ไง ไพบูลย์ถึงลอดช่อง ยุบพรรคตัวเองไปอยู่พลังประชารัฐได้ กลายเป็น ส.ส.คงกระพัน ไม่ต้องกลัวคะแนนเปลี่ยนเมื่อมีเลือกตั้งใหม่
6 เดือนหลังเลือกตั้ง เราเห็นการตีความกฎหมายตัดสินการเมืองจนลายตา
แต่เพราะว่ามีกฎหมายล้นประเทศอย่างนี้ไง คนไทยจึงขี่มอเตอร์ไซค์บนทางเท้า ขับปาดคอสะพาน ไม่ว่าแท็กซี่หรือเบนซ์บีเอ็ม นิสัยเหมือนกัน ไม่มีใครเคารพกฎหมาย เพราะการใช้กฎหมายอย่างนี้แหละ
...
ที่ญี่ปุ่นเกือบทุกครั้งที่ศาลตัดสินคดีที่ชาวบ้านสนใจ ในทันทีหลังจากนั้นจะมีการแถลงข่าวโดนผู้ฟ้องร้องและทนายความ ถ้าคำตัดสินเป็นอย่างที่พวกเขาหวัง (และส่วนใหญ่ชาวบ้านก็หวังอย่างนั้น) ก็จะกล่าวขอบคุณศาลที่ให้ความยุติธรรม ถ้าเป็นตรงกันข้ามก็จะวิจารณ์คำตัดสินของศาล และถ้ายังฎีกาได้ก็จะฎีกา
ถ้าเป็นคดีใหญ่ๆ เช่น เป็นการขัดรัฐธรรมนูญเรื่องสิทธิส่วนบุคคลหรือไม่ที่ผู้ต้องการระบุเพศที่แท้จริงของตัวเองในทะเบียนบ้านจะทำได้ก็ต่อเมื่อได้ผ่าตัดเปลี่ยนเพศแล้ว เรื่องนี้ศาลสูง (ที่ญี่ปุ่นไม่มีศาลรัฐธรรมนูญ) เห็นว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ในขณะเดียวกันศาลสูงก็แนะนำให้รัฐบาลทบทวนกฎหมายเรืองนี้
คำตัดสินของศาลสูงได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ทั้งในทีวี ในบทความ แต่ไม่เคยได้ข่าวว่าศาลสูงเชิญใครไปพบค่ะ อยากจะคิดว่าที่ศาลไทยทำแบบนี้เพราะดูถูกคนไทยว่าไม่สามารถใช้วิจารณญาณไตร่ตรองว่าอะไรถูกอะไรผิดเอง จึงต้องกลั่นกรองให้
Werawan Manakul
...