เอ ยังไงเนี่ย ซูเปอร์โพลเปลี่ยนไป๊
ไม่เพียงบอกว่าบรรยากาศการเมืองวันนี้ ‘แย่ลง’
แล้วยังไม่เชื่อมั่นรัฐบาลใหม่ตั้ง ๗๙ เปอร์เซ็นต์ แถมว่าอีก ๖
เดือนข้างหน้าจะ ‘มืดมน’
ไหนว่า ‘ตู่’ จะอยู่ต่อแม้มีเสียงข้างน้อยก็ไม่สำคัญ
จากที่ใครต่อใครในคอกลิ่วล้อ คสช.
เรียงหน้าออกมายกบั้นท้ายเผด็จการกันใหญ่ วีระกร คำประกอบ มั่นใจเสียง สว.
๒๕๐ คนโหวตประยุทธ์เป็นนายกฯ แน่ เพราะหัวหน้ารัฐประหารตั้งมากับมือ และ สว.เสรี
สุวรรณภานนท์ ยันรัฐธรรมนูญ ๖๒ ออกแบบให้รัฐบาลเสียงข้างน้อยหนังเหนียว
กระทั่ง ส.ส.ปัดเศษ ไพบูลย์ นิติตะวัน นักปฏิรูปศาสนาทว่าหัวหมอกฎหมาย
ตีความรัฐธรรมนูญให้เข้ากับคนสั่งเขียน ว่าถ้าโดนเสียงข้างมากของฝ่ายค้านในสภาผู้แทนฯ ลงมติไม่ไว้วางใจ ก็ให้ สว.กับ
เสียงที่สนับสนุนประยุทธ์รวมหัวกันโหวตเอากลับมาใหม่ได้
มั่นคงกันขนาดนี้แล้วใยโพล ‘กรรณิกา’ ของนพดลถึงหาญกล้าพูดว่า “ถ้าการเจรจาต่อรองตำแหน่งแบ่งเค้ก
ออกมาไม่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนในแต่ละกลุ่มผลประโยชน์ ก็น่าจะเตรียมพบกับความเปลี่ยนแปลงรอบใหม่ที่จะเกิดขึ้นอีก”
แถมเสนอทางออกให้เสียอีก “ผู้มีอำนาจในบ้านเมืองน่าจะทำการเมืองครั้งนี้ให้สามารถดึงความเชื่อมั่นของสาธารณชนกลับคืนมา...ใครก็ได้ที่มาเป็นนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี
ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้ยึดติดว่าจะต้องเป็นใครในเวลานี้
...ถ้าเป็นแล้วทำให้ประชาชนมีกินมีใช้ไม่ขัดสน
บ้านเมืองไม่วุ่นวาย” ก็ใช้ได้ หมายความว่าถ้าไม่ใช่ ‘ตู่’ ก็โอเคละหรือ พูดแบบนี้หมายความอย่างไร
ไม่สมกับที่เป็นโพลระดับ ‘ซูเปอร์’ เอาเสียเลย
เอาละ ถึงมันจะวุ่นๆ มากสักหน่อยตอนนี้ ที่หมูนโปเลียน
คสช.เจอหมูเขี้ยวตัน ปชป.ยืนกระต่ายขาเดียวจะเอากระทรวงงบประมาณสูงขนาดศึกษาฯ
กับมหาดไทยให้ได้ เท่านั้นไม่พอ พวกลิ่วล้อระดับเศษๆ อย่าง ‘ศรีวิไลย์’ โวยวายบ้าง
หลังจากอวดนักเลงสร้างกระแสจนดังแล้ว ก็ฟาดหางใส่ประชาธิปัตย์กับชาติไทยพัฒนา
ว่าทำไมพวกนี้ได้เก้าอี้รัฐมนตรีกันเยอะนัก พวกเอื้ออาทรคะแนนแค่ ๓-๔ หมื่นอย่างตนไฉนไม่ได้บ้าง
มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ทำเป็นขู่แกมอ้อน
“จะดูใจท่านนายกฯ ว่าท่านจะให้ความเป็นธรรมกับเราหรือไม่ หากไม่ เราทั้ง ๑๑ คนก็พร้อมจะออกจากพรรคร่วมรัฐบาล”
แม้แต่ที่ซี้แหงๆ
อย่างภูมิใจไทยก็ชักจะเขินๆ อยู่ไม่น้อย เพราะคนเริ่มสงสัยเจตนาแอบแฝง
หลังจากที่ทำอิดออดหลายท่ากระบวนการ แต่แล้วตอก็โผล่ขึ้นมาว่า “ซีโน-ไทย บริษัทของตระกูลชาญวีรกูล
(ครอบครัวของอนุทิน) เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างรัฐสภาที่ขยายเวลาการก่อสร้างจาก ๙๐๐
วัน เป็นเกือบ ๒,๔๐๐ วัน”
เมื่อตอน พรเพชร วิชิตชลชัย
ไปตรวจงานก่อสร้างพบว่ามีปัญหาเรื่องเครื่องเสียงไมโครโฟนกว่า ๒๐๐ ตัวใช้การไม่ได้
ต้องเร่งสั่งใหม่จากนอกมาแทน แต่สิ่งที่ชาวบ้านนินทามาพักใหญ่เป็นเรื่องงานล่าช้า
เปิดใช้ไม่ทันตามสัญญา ต้องไปเช่าหอประชุมทีโอทีเปิดสภานัดแรก
จุดสำคัญอยู่ที่มีแต่คนสงสัยว่าบริษัทนี้เส้นใหญ่ขนาดไหน
“ตามสัญญาต้องจ่ายค่าปรับการก่อสร้างล่าช้าวันละ ๑๒ ล้านบาท คิดเป็นค่าปรับเกือบ ๑๘,๐๐๐ ล้านบาท” แต่ไม่ยักมีใครขยับเรื่องนี้
ก็พอดีมีข่าวเรื่องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯ
รับ ‘น้องฟา’ น.ส.ณัฏฐธิดา
สุชาติพงศ์ นักกีฬายกน้ำหนักที่ประสบอุบัติเหตุลูกเหล็กหล่นใส่หลังเดาะ
ไว้เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ คล้องจองกับข่าว อนุทิน ชาญวีรกูล
รับเป็นผู้ประสานงานพาน้องฟาจากทุ่งสงเข้ากรุงรักษาโรงพยาบาลพระมงกุฏฯ
(https://www.thairath.co.th/news/local/south/1582048 และ
https://www.thairath.co.th/news/politic/1581968)
กระบวนการตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยเวลานี้
จากที่เป็น ‘ของชัวร์’ ชักจะไม่แน่
อาจกลายเป็น ‘มั่วนิ่ม’ ไปได้เหมือนกัน
วันที่ ๕ มิถุนานี้รู้แน่
ช่วงนี้เลยทำให้ฟากประชาธิปไตยกลับมาคึกคัก
ลุ้นกันว่าใครจะได้รับการเสนอเป็นนายกฯ “ทั้งนี้เนื่องจากคุณหญิงสุดารัตน์
เกยุราพันธุ์ ประกาศไม่รับตำแหน่งใดๆ แล้ว ส่วน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส และ
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา มี ส.ส.ไม่ถึง 25 คน
จึงทำให้เสนอรายชื่อไม่ได้”
อันนี้วันที่ ๔ มิ.ย.ก็จะรู้เรื่องว่าสองแคนดิเดทที่น่าจะจะเป็นคนใดคนหนึ่ง
ระหว่างชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ของเพื่อไทย กับธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แห่งอนาคตใหม่
ใครจะได้รับความไว้วางใจจากฝ่าย ๗ พรรคสัตยาบัน