ก็พวกมึงเองที่ทำให้องค์กรและสถาบันของพวกมึงตกต่ำทรามกันเอง...
ชิโนะซึเกะ คุง
..
ตอนยึดอำนาจเข้ามาแล้วตั้งกรรมการตรวจข้าวในโกดัง ผลการตรวจนับข้าวจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ปรากฏว่า ข้าวไม่ได้หายตามที่ปล่อยข่าวทำลาย— ถือแถน (@pran2844) July 31, 2018
รัฐบาลนี้อยู่มา 4 ปีประมูลขายข้าวมาเรื่อยๆ จนถึงล้านตันสุดท้ายนี้ ปรากฏว่า... https://t.co/xHLTMdvhAN
https://www.thairath.co.th/content/1345351
นบข.สั่งตามหาข้าวหายจากบัญชี กว่า 1 ล้านตัน “พาณิชย์” ชง สตง.ตรวจสอบต่อ เร่งเอาผิดโรงสี-โกดัง เตรียมผลักดันจีน ลงนามสัญญาซื้อขายข้าวล้านตันที่ 2 วันที่ 26 ส.ค.นี้...
เมื่อวันที่ 31 ก.ค. มีรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ ว่า เมื่อเร็วๆ นี้ กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะคณะทำงานระบายข้าวสารสต๊อกรัฐบาล ได้รายงานให้คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) รับทราบถึงปริมาณข้าวในสต๊อกรัฐบาลที่ยังคงติดค้างอยู่กับองค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ที่ไม่สามารถนำออกมาระบายได้ เนื่องจากข้าวส่วนนี้ได้หายไปจากบัญชีการตรวจนับปริมาณรวม 940,000 ตัน ซึ่ง นบข. ได้สั่งการให้เร่งติดตามข้าวที่ขาดหายจากบัญชีกลับคืนมา เพื่อไม่ให้รัฐเกิดความเสียหายแล้ว
สำหรับข้าวที่ขาดหายไปจากบัญชีนั้น รัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้รับบัญชีข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลจากรัฐบาลก่อน 18.70 ล้านตัน แต่ผลการตรวจนับมีข้าวอยู่ในสต๊อกปริมาณ 17.76 ล้านตัน หรือขาดหายไป 940,000 ตัน หากคิดมูลค่าจากราคาข้าวเปลือกที่รับจำนำมาเมื่อคิดเป็นข้าวสารจะอยู่ที่ตันละประมาณ 24,000 บาท จะมีมูลค่าสูงถึง 225,600 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบ และติดตามข้าวที่หายไปกลับคืนมาแล้ว แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้า
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์ได้รายงานให้ นบข. รับทราบแล้ว ล่าสุดได้ส่งเรื่องให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบ เพื่อตามหาปริมาณข้าวดังกล่าวแล้ว และยังได้กำชับให้ อคส. และ อ.ต.ก. ดำเนินคดีกับเจ้าของโกดัง บริษัทตรวจสอบคุณภาพข้าว (เซอร์เวเยอร์) และโรงสีข้าว ที่ทำข้าวขาดหายไปจากบัญชีด้วย
ล่าสุด ยังเหลือข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลที่สามารถนำมาเปิดประมูลอีกประมาณ 70,000 ตัน ซึ่งเป็นข้าวเสื่อมคุณภาพในกลุ่ม 2 และกลุ่ม 3 หรือข้าวเข้าอุตสาหกรรมที่ไม่ใช่คนบริโภค และเข้าอุตสาหกรรมที่ไม่ใช่คนและสัตว์บริโภค คาดว่าจะเปิดประมูลอีกครั้งในเร็วๆ นี้ โดยขณะนี้ กรมการค้าต่างประเทศอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้าวในส่วนอื่นๆ ที่ยังคงเหลือ เช่น ข้าวที่ผู้ชนะการประมูลไปแล้วแต่ไม่มารับมอบ ซึ่งมีประมาณ 700,000 ตัน โดยในจำนวนนี้ ประมาณ 300,000 ตัน คาดว่าผู้ชนะประมูลจะทิ้งสัญญา เพราะมีปัญหาข้าวเสื่อม ข้าวไม่ตรงตามคุณภาพ โดย นบข. ได้สั่งการให้ อคส. และ อ.ต.ก. ไปเร่งรัดผู้ชนะประมูลให้รับมอบข้าวแล้ว แต่หากไม่มารับมอบก็ต้องดำเนินการหาผู้รับผิดชอบตามกฎหมาย และจะนำข้าวมาเปิดประมูลต่อไป
ด้าน นายกีรติ รัชโน รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยการค้าการลงทุนและความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีน (เจซี) วันที่ 26 ส.ค. 61 ในส่วนของการเจรจาความร่วมมือสินค้าเกษตรไทย-จีนนั้น กรมการค้าต่างประเทศจะหารือกับหน่วยงานที่ดูแลด้านการก่อสร้างรถไฟ และนำเข้าสินค้าเกษตรของรัฐบาลจีน (เอ็นดีอาร์ซี) ให้ลงนามสัญญาซื้อข้าวจากไทยอีก 1 ล้านตัน หลังจากที่ทั้ง 2 ประเทศได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) จะซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) รวม 2 ล้านตัน ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้ทำสัญญาซื้อขายไปแล้ว 1 ล้านตัน ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาส่งมอบลอตที่ 6 อีก 100,000 ตัน ส่วนอีก 1 ล้านตันที่เหลือยังไม่ได้ทำสัญญาแต่อย่างใด
“เอ็มโอยูที่จีนซื้อข้าวจากไทย 2 ล้านตัน เป็นความตกลงที่เกิดขึ้นในรัฐบาลชุดปัจจุบัน ซึ่ง 2 ประเทศได้ทำสัญญาซื้อขายไปแล้ว 1 ล้านตันแรก โดยปัจจุบันบริษัทคอฟโก้ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่นำเข้าข้าวของรัฐบาลจีน ได้นำเข้าข้าวไปแล้ว 500,000 ตันของสัญญา 1 ล้านตันแรก และอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อขายในลอตที่ 6 อีก 100,000 ตัน หรือแสนตันที่ 6 ซึ่งมองว่าเมื่อรถไฟความเร็วสูงมีความคืบหน้ามาก จีนก็ควรจะลงนามสัญญาซื้อขายในล้านตันที่ 2 โดยควรจะลงนามสัญญาให้ได้ในการประชุมเจซีไทย-จีน ครั้งนี้” นายกีรติ กล่าว
สำหรับการส่งออกข้าวไทยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-20 ก.ค. 61 ไทยส่งออกแล้ว 6.15 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 1.49% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่ส่งออกได้ 6.06 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 3,141 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 20.95%.