วันพุธ, สิงหาคม 29, 2561

อนาคตใหม่แย้งทักษิณ "น่าจะได้ ส.ส. เป็นจำนวนมาก...มากกว่า ๔๐ ที่นั่ง"


ทักษิณขยับอีกคราวนี้ ไม่เพียงโขยกเคลื่อนฐาน คสช. แต่ไปเขย่า ปชป. เข้าให้ด้วย เมื่อสองพี่น้องอดีตนายกฯ โผล่จีน ๒๗ สิงหา แล้วมีอดีตรัฐมนตรีและ ส.ส.พรรคเพื่อไทยจำนวนหนึ่งไปพบ “ไม่ได้มีใครไปต่อรองอะไร” ก็เลยคุยกันเรื่องยุทธศาสตร์เป็นส่วนใหญ่

ยิ่งมั่นใจหนักขึ้นไปอีก ทักษิณ ฟันธงไม่ต้องกลัวเรื่องยุบพรรค เพราะ “มันค้านสายตาประชาชน” ในเมื่อกลุ่มสามมิตรตระเวณแถลงข่าวไม่เว้นแต่ละวัน ยังทำได้ ดังนั้นเลือกตั้งครั้งนี้พรรคเพื่อไทยยังจะได้ราว ๒๖๐ เสียง

แต่คราวนี้มีปัจจัยเสริม พรรคอนาคตใหม่มาแรงน่าจะได้ถึง ๔๐ ที่นั่ง “ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องไปยุ่งหรือไปเกี่ยวข้องกับพรรคอนาคตใหม่ เขาก็ดำเนินกิจกรรมของเขาไป ส่วนเราก็ทำงานของเราไป แข่งกันไป ซึ่งการเมืองยุคใหม่ก็ต้องแบบนี้”

ทักษิณวิเคราะห์ว่า “ฐานเสียงของพรรคอนาคตใหม่นั้นจะมาจากคนเมืองและคนรุ่นใหม่ รวมไปถึงคนที่อยากเลือกเพื่อไทยแต่ทำใจเลือกไม่ได้ เนื่องจากแรงเกินไป ก็จะกาให้พรรคอนาคตใหม่” ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ หนาว เพราะ “ฐานของคนเมืองที่เคยได้จะถูกอนาคตใหม่มาแบ่งไป”

เขาบอกด้วยว่ากฏระเบียบที่ คสช. กำหนด (ผ่านทาง กรธ.และ สนช.) ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งเขตเลือกตั้ง กาบัตรใบเดียว หรือไพรมารี่โหวต “ไม่ได้ทำให้ พท.เสียเปรียบ ทั้งที่เขาคิดกติกานี้ขึ้นมาเพื่อให้ฝั่ง พท.เสียเปรียบ”

ไฮไล้ท์ในการขยับจากจีนของทักษิณอยู่ที่นโยบายเศรษฐกิจของ คสช. “พลังประชารัฐก๊อบปี้ท่านทุกอย่าง ไม่ใช่ของแท้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ คิดว่าตัวเองเป็นหมอใหญ่ ทั้งที่ที่ผ่านมาเป็นเพียงเสมียนหน้าห้องหมอเท่านั้น ทักษิณต่างหากที่เป็นหมอใหญ่”

การก๊อปของ คสช. ก็ไม่ใช่ เกรด-เอ แต่เป็น ก๊อปไร้เกรด“ดังนั้นงานที่ออกมาจึงหยาบมาก ซึ่งในวันเลือกตั้งประชาชนเขาตัดสินใจได้อยู่แล้วว่าอยากได้งานเกรดไหน”


ได้ยินอย่างนั้น อนาคตใหม่ขานรับ “ขอบคุณมาก” ที่ทักษิณอุตส่าห์ทำนาย แม้จะประเมินต่ำไปนิดว่าจะได้ ส.ส.แค่สี่สิบ เพราะพวกเขาเองประเมินว่าศึกเลือกตั้งครั้งนี้ ถ้าไม่ได้มากสุดโต่งก็จะน้อยสุดๆ ไปเลย ชำนาญ จันทร์เรือง ว่าที่รองหัวหน้าพรรคชี้
 
เช่นเดียวกับการวิเคราะห์ของทักษิณ ชำนาญเชื่อว่าระบบเลือกตั้งที่ คสช. จัดไว้ เอาเปรียบพรรคการเมืองเก่าไม่ได้ทำให้อนาคตใหม่สะเทือนอะไร “บัตรใบเดียวไม่ได้ส่งผลให้คนเลือกพรรคใหญ่เสมอไป เช่น ในภาคใต้ คนเบื่อประชาธิปัตย์แต่ก็คงทำใจกาเพื่อไทยไม่ได้ อนาคตใหม่ที่ยังไม่มีช่องโหว่ก็จะเป็นทางเลือกในส่วนนี้

การเลือกตั้งครั้งนี้จะมี คนรุ่นใหม่เป็นผู้มีสิทธิออกเสียงครั้งแรกจำนวนมากถึง ๗ ล้านคน ที่ใช้โซเชียลมีเดียเป็นชีวิตประจำวัน “ก็จะส่งผลต่อการลงคะแนนมหาศาล" ทำให้อนาคตใหม่น่าจะได้ ส.ส. เป็นจำนวนมาก...มากกว่า ๔๐ ที่นั่ง


ฟังว่าที่รองฯ แล้วมาฟังว่าที่หัวหน้าบ้าง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ให้สัมภาษณ์พิเศษหนังสือพิมพ์ข่าวสดเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่เชื่อว่า คสช.จะไม่เบี้ยวไปเกินกว่า ๒๔ กุมภา ตามที่ กกต. คำนวณไว้ ดังนั้นอนาคตใหม่ก็ลงพื้นที่เช่นเดียวกับ สามมิตร

เพียงแต่ไม่ได้ไปดูด แต่ไปปลูกฝัง “ทำให้เขาเข้าใจ ให้เขาลุกขึ้นมาจัดตั้งกันเองได้ ต้องทำให้ดอกไม้บาน เมื่อบานแล้วเขาจะไปรณรงค์ของเขาเอง และนั่นคือสิ่งสวยงามที่เราอยากเห็น...เวลาสามมิตรลงพื้นที่เขาอาจคุยกับคนแค่ ๑๐ คน ผมลงไปแต่ละจังหวัดเจอ ๔-๕ วง เจอทุกวงที่มีผู้สนับสนุน ทำงานเหนื่อยกว่าเยอะ”

ธนาธรย้ำว่าแนวนโยบายของอนาคตใหม่ประกาศไว้แล้วชัดเจนว่า “จะทำทุกทางให้ประชาธิปไตยกลับคืนมา ด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี ๒๕๖๐...สิ่งที่เราอยากเห็นคือพรรคการเมืองกลับมาเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยทุกพรรค”

ถ้าทุกพรรคการเมืองยืนยันเรื่องประชาธิปไตย ยืนยันความเชื่อมั่นในระบอบรัฐสภา รัฐประหารก็จะเกิดไม่ได้ แต่ที่รัฐประหารเกิดเพราะมีบางส่วนไปสนับสนุนรัฐประหาร...ที่ผ่านมาไม่มีฉันทามติว่าประเทศไทย จะอยู่ร่วมกันแบบไหน ระบอบการปกครองที่ทุกคนเห็นด้วยคืออะไร”
 
ระบอบ คสช. “แบ่งแยกประชาชนเป็น ๒ ฝ่าย ทำให้ประชาชนเกลียดกันเอง นี่คือสิ่งที่เขาทำสำเร็จในรอบ ๑๐ ปีที่ผ่านมา” ธนาธรย้ำเตือนถึงผลร้ายของการรัฐประหาร “บาดแผลในใจประชาชนร้าวลึก ไม่เชื่อซึ่งกันและกัน เกลียดกัน พร้อมที่จะฆ่ากัน”

ธนาธรขอดเกล็ดความคิดของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่เปรียบศึกเลือกตั้งครั้งนี้เหมือน สามก๊กว่านั่นเป็นความพยายาม “ตีกันเราออกไป...ผมก็บอกว่าไม่ใช่ ประชาชนตื่นตัวกันมากกว่านั้น การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการชี้ประวัติศาสตร์”

“การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการชี้อนาคตว่า ประเทศไทยจะเป็นแบบไหน เราจะอยู่ด้วยความกลัวหรือความหวัง จะอยู่กับเสรีภาพหรือการกดขี่...ถ้าประชาชนมากกว่า ๗๕ เปอร์เซ็นต์ เลือกพรรคการเมืองที่ประกาศชัดว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย นำเสนอการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี ๒๕๖๐

นี่จะเป็นเสียงของอนาคต ซึ่งสำคัญมากกว่าเรื่องนโยบายของพรรคไหนดีกว่าพรรคไหนด้วยซ้ำไป”