ทักษิณขยับอีกคราวนี้ ไม่เพียงโขยกเคลื่อนฐาน คสช. แต่ไปเขย่า
ปชป. เข้าให้ด้วย เมื่อสองพี่น้องอดีตนายกฯ โผล่จีน ๒๗ สิงหา แล้วมีอดีตรัฐมนตรีและ
ส.ส.พรรคเพื่อไทยจำนวนหนึ่งไปพบ “ไม่ได้มีใครไปต่อรองอะไร”
ก็เลยคุยกันเรื่องยุทธศาสตร์เป็นส่วนใหญ่
ยิ่งมั่นใจหนักขึ้นไปอีก ‘ทักษิณ’ ฟันธงไม่ต้องกลัวเรื่องยุบพรรค เพราะ “มันค้านสายตาประชาชน”
ในเมื่อกลุ่มสามมิตรตระเวณแถลงข่าวไม่เว้นแต่ละวัน ยังทำได้
ดังนั้นเลือกตั้งครั้งนี้พรรคเพื่อไทยยังจะได้ราว ๒๖๐ เสียง
แต่คราวนี้มีปัจจัยเสริม พรรคอนาคตใหม่มาแรงน่าจะได้ถึง ๔๐
ที่นั่ง “ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องไปยุ่งหรือไปเกี่ยวข้องกับพรรคอนาคตใหม่
เขาก็ดำเนินกิจกรรมของเขาไป ส่วนเราก็ทำงานของเราไป แข่งกันไป
ซึ่งการเมืองยุคใหม่ก็ต้องแบบนี้”
ทักษิณวิเคราะห์ว่า “ฐานเสียงของพรรคอนาคตใหม่นั้นจะมาจากคนเมืองและคนรุ่นใหม่
รวมไปถึงคนที่อยากเลือกเพื่อไทยแต่ทำใจเลือกไม่ได้ เนื่องจากแรงเกินไป
ก็จะกาให้พรรคอนาคตใหม่” ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ ‘หนาว’ เพราะ “ฐานของคนเมืองที่เคยได้จะถูกอนาคตใหม่มาแบ่งไป”
เขาบอกด้วยว่ากฏระเบียบที่ คสช. กำหนด (ผ่านทาง กรธ.และ
สนช.) ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งเขตเลือกตั้ง กาบัตรใบเดียว หรือไพรมารี่โหวต “ไม่ได้ทำให้
พท.เสียเปรียบ ทั้งที่เขาคิดกติกานี้ขึ้นมาเพื่อให้ฝั่ง พท.เสียเปรียบ”
ไฮไล้ท์ในการขยับจากจีนของทักษิณอยู่ที่นโยบายเศรษฐกิจของ
คสช. “พลังประชารัฐก๊อบปี้ท่านทุกอย่าง ไม่ใช่ของแท้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์
รองนายกฯ คิดว่าตัวเองเป็นหมอใหญ่ ทั้งที่ที่ผ่านมาเป็นเพียงเสมียนหน้าห้องหมอเท่านั้น
ทักษิณต่างหากที่เป็นหมอใหญ่”
การก๊อปของ คสช. ก็ไม่ใช่ เกรด-เอ แต่เป็น ‘ก๊อปไร้เกรด’
“ดังนั้นงานที่ออกมาจึงหยาบมาก
ซึ่งในวันเลือกตั้งประชาชนเขาตัดสินใจได้อยู่แล้วว่าอยากได้งานเกรดไหน”
ได้ยินอย่างนั้น ‘อนาคตใหม่’ ขานรับ “ขอบคุณมาก” ที่ทักษิณอุตส่าห์ทำนาย แม้จะประเมินต่ำไปนิดว่าจะได้
ส.ส.แค่สี่สิบ เพราะพวกเขาเองประเมินว่าศึกเลือกตั้งครั้งนี้
ถ้าไม่ได้มากสุดโต่งก็จะน้อยสุดๆ ไปเลย ชำนาญ จันทร์เรือง ว่าที่รองหัวหน้าพรรคชี้
เช่นเดียวกับการวิเคราะห์ของทักษิณ
ชำนาญเชื่อว่าระบบเลือกตั้งที่ คสช. จัดไว้ ‘เอาเปรียบ’
พรรคการเมืองเก่าไม่ได้ทำให้อนาคตใหม่สะเทือนอะไร “บัตรใบเดียวไม่ได้ส่งผลให้คนเลือกพรรคใหญ่เสมอไป
เช่น ในภาคใต้ คนเบื่อประชาธิปัตย์แต่ก็คงทำใจกาเพื่อไทยไม่ได้
อนาคตใหม่ที่ยังไม่มีช่องโหว่ก็จะเป็นทางเลือกในส่วนนี้”
การเลือกตั้งครั้งนี้จะมี ‘คนรุ่นใหม่’ เป็นผู้มีสิทธิออกเสียงครั้งแรกจำนวนมากถึง
๗ ล้านคน ที่ใช้โซเชียลมีเดียเป็นชีวิตประจำวัน “ก็จะส่งผลต่อการลงคะแนนมหาศาล" ทำให้อนาคตใหม่น่าจะได้ ส.ส. เป็นจำนวนมาก...มากกว่า ๔๐ ที่นั่ง
ฟังว่าที่รองฯ แล้วมาฟังว่าที่หัวหน้าบ้าง
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
ให้สัมภาษณ์พิเศษหนังสือพิมพ์ข่าวสดเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่เชื่อว่า
คสช.จะไม่เบี้ยวไปเกินกว่า ๒๔ กุมภา ตามที่ กกต. คำนวณไว้
ดังนั้นอนาคตใหม่ก็ลงพื้นที่เช่นเดียวกับ ‘สามมิตร’
เพียงแต่ไม่ได้ไปดูด แต่ไปปลูกฝัง “ทำให้เขาเข้าใจ
ให้เขาลุกขึ้นมาจัดตั้งกันเองได้ ต้องทำให้ดอกไม้บาน
เมื่อบานแล้วเขาจะไปรณรงค์ของเขาเอง และนั่นคือสิ่งสวยงามที่เราอยากเห็น...เวลาสามมิตรลงพื้นที่เขาอาจคุยกับคนแค่
๑๐ คน ผมลงไปแต่ละจังหวัดเจอ ๔-๕ วง เจอทุกวงที่มีผู้สนับสนุน
ทำงานเหนื่อยกว่าเยอะ”
ธนาธรย้ำว่าแนวนโยบายของอนาคตใหม่ประกาศไว้แล้วชัดเจนว่า
“จะทำทุกทางให้ประชาธิปไตยกลับคืนมา ด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี ๒๕๖๐...สิ่งที่เราอยากเห็นคือพรรคการเมืองกลับมาเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยทุกพรรค”
“ถ้าทุกพรรคการเมืองยืนยันเรื่องประชาธิปไตย
ยืนยันความเชื่อมั่นในระบอบรัฐสภา รัฐประหารก็จะเกิดไม่ได้
แต่ที่รัฐประหารเกิดเพราะมีบางส่วนไปสนับสนุนรัฐประหาร...ที่ผ่านมาไม่มีฉันทามติว่าประเทศไทย
จะอยู่ร่วมกันแบบไหน ระบอบการปกครองที่ทุกคนเห็นด้วยคืออะไร”
ระบอบ คสช. “แบ่งแยกประชาชนเป็น ๒ ฝ่าย
ทำให้ประชาชนเกลียดกันเอง นี่คือสิ่งที่เขาทำสำเร็จในรอบ ๑๐ ปีที่ผ่านมา”
ธนาธรย้ำเตือนถึงผลร้ายของการรัฐประหาร “บาดแผลในใจประชาชนร้าวลึก
ไม่เชื่อซึ่งกันและกัน เกลียดกัน พร้อมที่จะฆ่ากัน”
ธนาธรขอดเกล็ดความคิดของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่เปรียบศึกเลือกตั้งครั้งนี้เหมือน ‘สามก๊ก’
ว่านั่นเป็นความพยายาม “ตีกันเราออกไป...ผมก็บอกว่าไม่ใช่
ประชาชนตื่นตัวกันมากกว่านั้น การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการชี้ประวัติศาสตร์”
“การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการชี้อนาคตว่า
ประเทศไทยจะเป็นแบบไหน เราจะอยู่ด้วยความกลัวหรือความหวัง
จะอยู่กับเสรีภาพหรือการกดขี่...ถ้าประชาชนมากกว่า ๗๕ เปอร์เซ็นต์
เลือกพรรคการเมืองที่ประกาศชัดว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย นำเสนอการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี ๒๕๖๐
นี่จะเป็นเสียงของอนาคต
ซึ่งสำคัญมากกว่าเรื่องนโยบายของพรรคไหนดีกว่าพรรคไหนด้วยซ้ำไป”