คนนี้เล่นได้หลายบท เหี้ยมก็เป็น (แบบ ‘เหี้ยมสั่งฆ่ามห่ามสั่งยิง’) ร่ำไห้ก็ได้ เรี่ยไรก็เก่ง พรางกายใต้ผ้ากาสาวพัตรยังเคย ตอหลดตอแหลเป็นปกติวิสัย
ตระบัดสัตย์เพื่อมวลมหาประชาชนสบายมาก เจ้าเล่ห์เพทุบายใครจะเทียบ
เขาคือ สุเทือก เทพสุบรรณ วานซืน (๑๖ ส.ค.) เล่นบท ‘ดราม่าสุดกู่’ จะเอาชีวิตเข้าแลกกับข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ในกรณีโครงการสร้างโรงพัก ๓๙๖ แห่ง กับแฟลตตำรวจ ๑๖๓ อาคาร เมื่อปี ๒๕๕๒ เกิดการเล่นแร่แปรธาตุสัญญาจ้างเอามาเหมารวมแล้วไม่ได้สร้าง
เสียหายงบประมาณไปเกือบ ๙ พันล้านบาท
“ผมตัดสินใจลุกขึ้นมาพูดเรื่องนี้ไม่ใช่ปกป้องเกียรติยศส่วนตัว
แต่มีความรับผิดชอบต่อพี่น้องชาวไทย” ไม่เห็นเกี่ยวอะไรที่ชาวบ้านจะต้องมารับทราบข้อแก้ตัวของนายสุเทพ
ในเมื่อ ปปช. มีมติแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว
ถ้าเชื่อมันในหลักฐานของตนเองก็เอาไปใช้สู้คดีในศาล แค่นั้นสิ้นเรื่อง
“เนื่องจากเรื่องนี้เดิมพันสูง ถ้าผิดเอาชีวิตตนไปเลย
แต่ถ้าป.ป.ช. ไม่สามารถดำเนินคดีได้ลงโทษตนได้ คณะกรรมการป.ป.ช.ต้องพิจารณาตัวเอง”
ชั้นเชิงเสแสร้ง ‘บลั๊ฟ’ ของเขาขั้นเซียน
ไม่ได้มีเดิมพันสูงส่งอันใด
ที่อ้าง “ข้อกล่าวหาร้ายแรงมาก”
ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๕๗ ที่ว่า “มีโทษถึงประหารชีวิต” นั่นอ้างผิดถนัด
มั่วซั่ว น่าจะถามครูโบว์ ณัฏฐา มหัทธนา เสียก่อน
เธอว่า “#เพ้อเจ้อ
ม.๑๕๗ โทษสูงสุดจำคุกแค่ ๑๐ ปี ใครจะมาเอาชีวิตคุณไปได้ เล่นนอกเกมจนเคยตัว” (Bow
Nuttaa Mahattana @NuttaaBow)
แท้จริงการ เสียหน้า เสียเครดิต และ ‘เสียหมา’
นั่นละปัญหาใหญ่ทำให้สุเทือกต้องออกมาโวยวาย
ความจริงเรื่องนี้ถูกดองมา ๘-๙ ปี ปปช.เพิ่งจะชี้ผิดเมื่อ ๑๕ ส.ค.
ก็เพราะว่าคดีความอันผูกพัน
จากการที่สุเทือกเองดันยื่นฟ้องร้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์
(อดีต) อธิบดี ‘ดีเอสไอ’ กับหนังสือพิมพ์อีกสองฉบับไว้ ว่าหมิ่นประมาท
ใส่ความเรื่องทุจริตสร้างโรงพักเกือบสี่ร้อยแห่ง “มีเสาโด่เด่และไม้เลื้อยพัน”
ศาลอาญาพิพากษายกฟ้อง “ด้วยเห็นว่าที่นายธาริตแถลงข่าวสรุปผลสอบสวน
๓๙๖ โรงพัก เป็นการแถลงตามอำนาจหน้าที่และเป็นคดีที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ส่วนหนังสือพิมพ์ข่าวสด-มติชน
นำเสนอการแถลงตามข้อเท็จจริง โดยสุจริต จึงไม่เป็นการหมิ่นประมาท”
ทั้งนี้ในการนำสืบได้ความว่า “ครม.ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงบประมาณไปดำเนินการ เเต่ไม่ปรากฏว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการตามมติ ครม. เเละระเบียบสำนักนายกฯ”
โดยที่ “นายสุเทพยังเบิกความรับว่า ได้เห็นชอบให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรวมทำสัญญาเดียวกัน
เเละให้ยกเลิกการประมูลราคาเเยกรายภาค”
มันเป็นความผิดกระทำสำเร็จแล้ว
ไม่ต้องเอามาโวยในสื่อก่อกระแสกวนน้ำให้ขุ่น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายสุเทพไม่ใช่นักการเมืองที่บริสุทธิ์ผุดผ่องนักหนา ดูจากที่ @brian_the_lover ขุดเอามาแฉ เช่น
“บางคนอาจเกิดไม่ทันนายสุเทพ
คนนี้นี่แหละที่เคยเอาที่ดิน สปก.๔-๐๑ ไปแจกจ่ายให้กับพวกพ้องตัวเอง ทั้งเศรษฐีและคนในพรรค
สุดท้ายโดนนายเนวินแฉในรัฐสภา จนรัฐบาลของนายชวนต้องประกาศลาออกในวันรุ่งขึ้น” (7:22
PM - 15 Aug 2018)
มีอีก “วีรกรรมของนายสุเทพเรื่องถัดมาคือ กักตุนปาล์มน้ำมันทำให้น้ำมันพืชขาดตลาด
ต้องเข้าคิวซื้อได้คนละขวดสองขวด จากขวดละ ๒๗ บาท ปาเข้าไปเกือขวดละ ๕๘ บาท
ประชาชนเดือดร้อน แต่นายสุเทพกับ พวกรวยเละ”
มิหนำซ้ำตามรายงานของหนังสือพิมพ์มติชน โครงการก่อสร้างอาคารโรงพัก
๓๙๖ แห่ง กับแฟลตตำรวจอีก ๑๖๓ แห่งที่สมัยสุเทือกเป็นรองนายกฯ กำกับดูแลตำรวจนั้น สร้างได้แค่เสาให้วัชพืชอาศัย
มาถึงสมัยอำนาจรัฐประหาร ได้ คสช.อุ้มสม
“สำนักงานตำรวจแห่งชาติของบประมาณเพิ่มเติมแล้วเพื่อก่อสร้างต่อในส่วนของโรงพักทดแทน
๓๙๖ แห่ง ใช้งบประมาณเพิ่มจาก ๕,๘๔๘
ล้านบาท เพิ่มอีกประมาณ ๑,๕๐๐ ล้านบาท ขณะที่ในส่วนของแฟลตพักอาศัยเพิ่มงบอีกประมาณ
๔๐๐-๕๐๐ ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งงบฯ ๓,๐๑๐
บาท
แต่การก่อสร้างยังสร้างก็ยังไม่แล้วเสร็จ...ที่เสร็จไปแล้วก็เพิ่งทยอยส่งมอบงาน”
ในส่วนของโรงพักนั้นยังเหลืออีก ๕ แห่ง ผู้รับเหมาทิ้งงานบ้าง
ยังหาผู้รับเหมาไม่ได้บ้าง ส่วนแฟลตตำรวจสร้างเสร็จไป ๘๘ แห่ง เหลืออีก ๗๕
ทั้งนี้โชคดี
ได้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เข้ามากำกับดูแล
จึงมีการย้ายงบประมาณสร้างที่ทำการตำรวจภูธรภาค ๑ และสโมสรตำรวจ จำนวน ๙
พันล้านบาทเอามาใช้กับโครงการโรงพักไม่ได้สร้างของสุเทือก