วันอังคาร, สิงหาคม 28, 2561

การเมืองตอน คสช.ใกล้ ‘คลายล็อค’ "ทุกคนมีสิทธิแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างได้" แต่ควรออกมาคัดค้านแต่เนิ่นๆ จะได้ไม่ "สูญเสียงบประมาณของรัฐเช่นนี้"


การเมืองตอน คสช.ใกล้ คลายล็อค พรรคการเมืองนี่ พวกหนุน บิ๊กตู่บ เผือกกันไปเผือกกันมาชุลมุน ไพบูลย์พรรค ปปร. เผือกสามมิตร ทางสามมิตรเองดันไปเผือกในเพื่อไทย ส่วนสุเทือกเผือกใส่ ปปช. เพราะโดนตีขนดหลัง

แต่วงใน พท. ดูไม่สนจะเผือกกับใคร “รอให้เป็นรัฐบาลก่อน” (อย่างเฮียป้อมว่า) แล้วค่อยเผือกกลาโหม ทว่าสุดยอดของเกมเผือกเวลานี้ไม่มีใครเท่า ห่านอูด่าพวกประท้วงป่าแหว่งว่าออกมาต้านช้าไป เลยทำให้เสียงบประมาณ เออนั่น ดูโปเตโต้แถ

หากจะยึด @WassanaNanuam เป็นเครื่องแนะแนว ประชุม คสช.เช้านี้ (๒๘ ส.ค.) จะมีข้อเสนอแก้ไขคำสั่ง คสช. ๕๓/๖๐ เพื่อคลายล็อคพรรคการเมือง ถึงแม้ตัวหัวจะหน้ามุ่ยคิ้วหมวด แต่ส่วนหู (เลขาฯ) พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ที่วาสนาอ้างว่าเป็นตัวตั้งตัวตีเสนอ “๔ หรือ ๖ ข้อ คลายล็อค...บิ๊กเจี๊ยบ ยิ้มไม่ตอบ แต่ชูมือ ๕ นิ้ว”

ดี๊ด๊ากว่าเพื่อนกลับเป็น ไพบูลย์ นิติตะวัน สมุน คสช.พันธุ์แท้ผู้ตั้งพรรคประชาชนปฏิรูปเอาไว้ดัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ อีกครั้ง ออกมาเผือกเรื่องเวลาหาเสียงเลือกตั้ง ว่าแค่ ๑๕ วันก็พอ ซ้ำผุดวาทะงี่เง่าชนิดติดอันดับกินเนส
 
เราเป็นพวกรังเกียจการเมืองและนักการเมือง จึงรวมตัวกันมาตั้งพรรคเพื่อเป็นพรรครวมคนเกลียดนักการเมืองระบบเก่า” เอ๊า เกลียดตัวกินไข่ เหมือนตัวเงินตัวทองละมัง เท่านั้นไม่พอ วันต่อมาทำสู่รู้เรื่อง สามมิตร

“เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คงไม่เอาชื่อไปอยู่กลุ่มสามมิตร เพราะอยากทำตัวเป็นกลาง...และเชื่อว่าสามมิตรเองก็ไม่มีทางไปเป็นสมาชิก คสช.” อ้างเองเออเองว่าประยุทธ์เป็นหัวหน้า คสช.ต้องรักษาความสงบจนกว่าจะเสร็จเลือกตั้ง เหมือนจะให้รอเป็นนายกฯ คนนอก

พวกสามมิตรคนหนึ่งขานรับเสียด้วย “จะไม่ตั้งพรรคการเมือง แต่พร้อมสนับสนุนพรรคการเมืองที่จะนำพาประเทศไปสู่ความสงบสุข” นายอนุชา นาคาสัย เปิดปากจ้อบ้าง กันยานี้คลายล็อคแล้วจะบอกว่าเข้าพรรคไหน


ทั้งๆ ที่สามสี่วันก่อน พวกแกนหลักของสามมิตรอย่างสมศักดิ์ เทพสุทิน ภิรมย์ พลวิเศษ ธนกร วังบุญคงชนะ กับอดีต ส.ส.เพื่อไทยหลายคน พากันไปลงพื้นที่บึงกาฬ (ก่อนที่น้ำจะเอ่อ) พบกับเกษตรกรสวนยางบึงโขลงหลง

สมศักดิ์ยังคงอ้าง “เราทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์กับประชาชน และอยู่ภายใต้กรอบกฏหมาย และคำสั่งของ คสช. ทุกประการ” แต่ ปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข อดีต ส.ส. เลย พรรคเพื่อไทย ที่กลายมาเป็นแกนสามมิตรอีกคนดันคุยโวว่า

ไม่เฉพาะผมจะไม่กลับไปที่พรรคเพื่อไทย แต่จะมีอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยในภาคอีสาน และพรรคการเมืองอื่นอีกหลายจังหวัด ออกมาร่วมกับกลุ่มสามมิตรหลายคน ณ วันนี้น่าจะอยู่ที่ตัวเลขประมาณ ๓๐ กว่าคน” อย่างนี้ไม่เรียกว่าดูดได้อย่างไร


ฝ่ายพรรคใหม่ลูกไล่ คสช.อีกราย ที่หมายมั่นจะใช้ มวลมหาประชาชน ที่มีอยู่ในมือเป็นพอร์ตดันประยุทธ์สู่ฝันนายกฯ อิงแอบระบบเลือกตั้ง กลับพังเกือบทะลายเพราะ ประสารราชกิจ ไม่ไว้หน้า จัด แปรธาตุ โรงพักทดแทนสร้างไม่เสร็จ ๓๙๖ แห่งที่ฟาดงบฯ ไป ๕,๘๔๘ ล้าน เป็นคดีปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไปเสียฉิบ

สิ่งพิมพ์ที่เคย กันเอง อย่าง ผู้จัดการ เอามาแฉว่างานนี้ “ได้มีความพยายาม ‘วิ่งเพื่อให้บทสรุปออกมาเหมือนกับที่ไม่แจ้งข้อกล่าวหา อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ ในสมัยเดียวกัน แต่ ‘ผู้มีอำนาจตัดสินใจปฏิเสธแบบไม่ต้องคิด” 

เพราะความผิดอยู่ที่ผู้ต้องหาเกี่ยวข้องโดยตรงในการแก้ สาระสำคัญ ในมติ ครม. จากการแยกสัมปทานจัดจ้างผู้รับเหมาหลายราย ไปเป็นรวบยอดอยู่ที่รายเดียวแล้วยังทิ้งงาน
 
และ “ว่าหากมีการบังคับให้ ‘ล้มมวย ขนาดนั้น (คนโตในสาม ป.) ก็พร้อมที่จะลาออกจากตำแหน่งใหญ่โตเสียด้วย เป็นที่มาของการแจ้งข้อกล่าวหา สุเทพและเป็นที่มาของอาการ ตบะแตก ไล่ด่ากราด ป.ป.ช.อย่างสาดเสียเทเสีย ทั้งที่รู้เต็มอกว่า ป.ป.ช.สังกัดบ้านไหน”

ผู้จัดการบอกด้วยว่าชะตากรรมของสุเทือก “จึงกระทบพรรค รปช. ที่มี ‘อดีตแกนนำม็อบสายโลกสวย(ที่ Atukkit Sawangsuk ถามว่า “นี่หมายถึงยะใสหรือเปล่า”) เข้าไปร่วมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”

การเผือกของเทือกใส่ ปปช. ที่จริงแล้วจึงเป็นเพียงดิ้นสุดฤทธิ์เมื่อถูก ชั่งมันชนิด ผู้จัดการแซะว่าสุเทือกพยายามดึงน้องชายบิ๊ก คสช. เข้าไปเอี่ยว ด้วยหวังให้รอด คล้ายกับบางคดีดังที่มีชื่อน้องชายผู้มีอำนาจร่วมเป็นจำเลย กลายเป็นอานิสงส์ให้ ‘จำเลยสำคัญ’ คนอื่นๆ หลุดรอดคดีไป”


แต่นั่นเป็นความหวังที่เลื่อนลอย ด้วยเหตุว่าน้องชายของคนสำคัญใน คสช. พ้นตำแหน่งไปแล้วก่อนเหตุเกิด จะพยายามเกี่ยวโยงอย่างไรก็ไม่มีทางติดเบ็ด หนำซ้ำ คนสำคัญ คสช. ผู้นี้จัดว่า หนังเหนียว ที่สุดในปฐพี ใครจะมาอีท่าไหนม่รู้สีรู้สาทั้งสิ้น

ขนาดนักข่าวถามเรื่องพรรคเพื่อไทย เตรียมผลักดันนโยบายยกเลิกการเกณฑ์ทหารและยกเลิกโครงการเรือดำน้ำ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ยังเย้ยว่า “รอให้พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลก่อน” เลย

(https://www.posttoday.com/politic/news/562190 และดูข้อเสนอเรื่อง “ภารกิจเร่งด่วนหลังการเลือกตั้งคือ การปฏิรูปกองทัพให้มีขนาดที่เหมาะสม” ของ วัฒนา เมืองสุข ที่ https://www.facebook.com/WatanaMuangsook/posts/1310050929130433)
สุดยอดของการเผือกในวง คสช. และลิ่วล้อเวลานี้ ไม่มีใครเกิน พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด อ้างชื่อนายแถลงถึงการชุมนุมทวงสัญญาให้รื้อบ้านพักตุลาการเชิงดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ ของตัวแทนเครือข่ายด้านอนุรักษ์ป่าและสิ่งแวดล้อม

ว่ากรรมการศาลยุติธรรมมีมติให้ย้ายบ้านพักตุลาการ ป่าแหว่ง ไปสร้างใหม่ที่บริเวณศูนย์วิจัยพืชสวนเชียงรายแล้ว ดังนั้นต้องรอให้สถานที่ใหม่สร้างเสร็จก่อน จึงจะย้ายพวกตุลาการที่อยู่ในบ้านพักเชิงดอยสุเทพออกไปได้

“ข้อเรียกร้องบางอย่างจะต้องใช้เวลาจึงอยากให้ทุกคนเข้าใจ พร้อมกับเตือนสติว่าทุกคนมีสิทธิแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างได้ ทั้งนี้หากการออกมาคัดค้านได้ดำเนินการตั้งแต่ก่อนเริ่มต้นโครงการก่อสร้าง ก็จะไม่ทำให้เรื่องยืดยาวหรือต้องสูญเสียงบประมาณของรัฐเช่นนี้”


เอากับเขาสิ โฆษกห่านอูสอนประชาชนเรื่องการใช้สิทธิแสดงความคิดเห็นกับเผด็จการ แทนที่จะตำหนิคนทำโครงการว่าควรสำรวจสภาพแวดล้อมทุกอย่างให้ถ้วนทั่วว่าเหมาะสมหรือไม่ แม้กระทั่งมิติทางการเมือง ทั้งที่ชมรมคนรักเชียงใหม่ก็ได้ร้องเรียนแต่ต้นแล้วไม่มีใครฟัง

ดันทุรังสร้างกันเอง ทั้งทหารและตุลาการถือดีว่าเป็นพวกมีอำนาจล้นหลามติดเพดานฟ้า