วันพฤหัสบดี, สิงหาคม 23, 2561

คลิป เรืองไกรแจงละเอียด จี้ให้คืนเงินอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ กรณีจำนำข้าวขาดทุน




https://www.youtube.com/watch?time_continue=6&v=LJk_PH_PDMU

VoiceTV21

The Daily Dose - เรืองไกรจี้ให้คืนเงินอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์

"เรืองไกร" ร้องนายกรัฐมนตรี สั่งคืนทรัพย์สิน นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลังไม่ปรากฏ ผลขาดทุนจำนำข้าว อยู่ในงบประมาณแผ่นดิน

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกวุฒิสภา ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ขอให้พิจารณาสั่งยกเลิกคำสั่ง กระทรวงการคลังที่ 1351/2559 และคืนทรัพย์สินให้แก่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่าคำสั่งกระทรวงการคลังกับคำอธิบายอธิบดีกรมบัญชีกลาง เรื่องการทำบัญชี ไม่สอดคล้องกัน เพราะงบการเงินแผ่นดินไม่มีการจัดทำบัญชีไว้ จึงสงสัยว่ากระทรวงการคลังเอาตัวเลขจากที่ใดมาใช้ คิดค่าเสียหาย ตัวเลขที่ใช้คิดค่าเสียหายดังกล่าวลงบัญชีไว้ที่ใดและ สตง. เคยตรวจรับรองหรือไม่ หลังจากดำเนินการเรียกชดใช้ค่าเสียหายแล้วกระทรวงการคลังให้หน่วยงานใดปิดบัญชี การระบายข้าวในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี

นายเรืองไกร กล่าวว่า คำสั่งกระทรวงการคลังที่นางสาวยิ่งลักษณ์ จงใจกระทำละเมิด เป็นเหตุให้กระทรวงการคลังได้รับความเสียหาย จนนำไปสู่การยึดอายัดทรัพย์ ไม่สอดคล้องกับคำพิพากษาที่มีคำวินิจฉัยไว้ว่า พยานหลักฐานยังรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดกรณีนี้ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ในตำแหน่งโดยทุจริต หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ

ดังนั้นตัวเลขผลการขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าวและนำมาคิดค่าเสียหายกับนางสาวยิ่งลักษณ์ จึงเลื่อนลอย ไร้พยานหลักฐานและไม่ปรากฏตัวเลขความเสียหายที่อ้างถึงอยู่ในงบการเงินแผ่นดิน สิ่งที่รัฐบาลทำกับนางสาวยิ่งลักษณ์จึงเป็นไปโดยปราศจากหลักเกณฑ์ตามมาตรฐานทางบัญชี และยังขัดแย้งกับคำพิพากษาจึงควรมีคำสั่งยกเลิก การยึดอายัดทรัพย์

อดีตสมาชิกวุฒิสภา ระบุว่า การทำนโยบายสาธารณะ จะไม่คิดเรื่องกำไรขาดทุน เหมือนหลายโครงการก่อนหน้านี้ตั้งแต่สมัยรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อีกกว่า 70 โครงการ เช่น การก่อสร้างถนนหรือการจัดซื้อเรือดำน้ำ รวมถึงนโยบายต่างๆในโครงการไทยเข้มแข็ง แล้วแต่ไม่เคยถูกปิดบัญชี แยกเป็นรายโครงการ เพื่อคำนวณหาผลกำไรขาดทุน เหมือนกับที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกดำเนินการ

(https://www.voicetv.co.th/read/HkVOEP98Q)