วันพฤหัสบดี, สิงหาคม 30, 2561

จากคดีน้องเมยที่เสียชีวิตจากการถูกธำรงวินัย ถึงคดีพลทหารคชา ที่บาดเจ็บสาหัส ญาติยังเชื่อทหารจะไม่เข้าข้างคนผิด (ไม่ฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน แค่นี้ยังไม่เชื่ออีกรึ ว่าพวกเดียวกันย่อมเข้าข้างกันเอง)





ที่มา บีบีซีไทย


ผ่านมาแล้วกว่า 10 เดือนที่น้องเมย ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตระหว่างอยู่ในโรงเรียนเตรียมทหาร หลังถูกธำรงวินัย ปรากฏว่ามีความคืบหน้าของคดีในขั้นที่ขึ้นสู่ชั้นศาลเพียง 1 คดี จาก 4 คดี อีกทั้งอวัยวะที่จะพิสูจน์การเสียชีวิตก็เสียหายจากการเก็บรักษาของสถาบันทางการแพทย์แห่งแรกที่นำไปตรวจสอบ


เป็น 10 เดือนของครอบครัวตัญกาญจน์ที่ น.ส.สุพิชา ตัญกาญจน์ พี่สาวของน้องเมย บอกกับบีบีซีไทยว่า "ยากลำบากตั้งแต่การตื่นนอนมาใช้ชีวิต" ทั้งจากการสูญเสียน้องชาย การต้องวิ่งรอกติดต่อหน่วยงานต่าง ๆ นับครั้งไม่ถ้วน ตั้งแต่สถานีตำรวจ โรงเรียนเตรียมทหาร โรงพยาบาล สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และตอบคำถามสื่อถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

บีบีซีไทย ย้อนเหตุการณ์ที่ญาติต้องเรียกร้องความยุติธรรมจากกรณีการเสียชีวิตภายในหน่วยงานของสถาบันกองทัพ





คดีน้องเมยไม่คืบ อวัยวะถูกดองจนเสียหาย


"น้องยังไม่ได้รับความยุติธรรมอะไรเลย เขาจะเสียโดยที่ยังไม่ปรากฏความจริงไม่ได้ อีกอย่างคือ คนที่กระทำความผิด มีอนาคตของตัวเอง แต่อนาคตน้องหนูมันจบที่โลงศพ" สุพิชา กล่าวกับบีบีซีไทย ถึงความรู้สึกของเธอหลังจากทวงถามความยุติธรรมในคดีการเสียชีวิตของน้องชายมากว่า 10 เดือน แต่ยังไม่คืบหน้า

ตลอด 10 เดือนที่ผ่านมา ครอบครัวตัญกาญจน์ ต้องเดินทางไปมาระหว่าง จ.ชลบุรี นครนายก และกรุงเทพมหานคร เพื่อติดตามคดี ขอเอกสารเพื่อนำมาเป็นหลักฐานจากหลายหน่วยงาน แม้ว่าในทางหนึ่งพนักงานสอบสวนจะมีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐาน แต่สุพิชาบอกว่า ครอบครัวต้องการความมั่นใจว่าหลักฐานที่เป็นประเด็นสำคัญทั้งหมดจะถึงมือตำรวจ

ย้อนกลับไปในเดือน ต.ค. 2560 นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตระหว่างอยู่ในโรงเรียนเตรียมทหาร หลังกลับเข้าโรงเรียนเพียงวันเดียว ในใบมรณะบัตรระบุสาเหตุการเสียชีวิตว่า เกิดจากภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน

ทว่า ภายหลังครอบครัวได้นำศพนายภคพงศ์ไปชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตอีกครั้ง กลับพบว่า อวัยวะภายใน ได้แก่ สมอง หัวใจ กระเพาะอาหาร หายไป โดยก่อนหน้านี้ไม่ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า แต่อย่างใด





ผ่านไป 10 เดือน คดีนี้ยังไม่มีความคืบหน้า และอวัยวะภายในของนายภคพงศ์ ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญนั้น ได้รับความเสียหายจากการดอง ในขณะที่ถูกเก็บอยู่ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า


หลานสาวพลทหารวิเชียร ถูกฟ้อง พ.ร.บ.คอมฯ หลังโพสต์เรียกร้องความเป็นธรรม

น.ส.นริศราวัลถ์ แก้วนพรัตน์ หลานสาวพลทหารวิเชียร เผือกสม ซึ่งเสียชีวิตระหว่างฝึกซ้อมทหารใหม่ในค่ายทหาร ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อปี 2554 ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลมักกะสันจับกุมในวันที่ 26 ก.ค.2559 หลังจากออกมาเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการซ้อมทรมานพลทหารวิเชียรลงในโซเชียลมีเดีย




พลทหารวิเชียร เผือกสม เสียชีวิตเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2554 โดยแพทย์ระบุสาเหตุการเสียชีวิตเนื่องจากไตวายเฉียบพลัน จากกล้ามเนื้อได้รับบาดเจ็บ อย่างรุนแรง

ในคืนนั้น เธอถูกส่งตัวไปยัง จ.นราธิวาส เพื่อให้สถานีตำรวจในท้องที่สอบปากคำและรับทราบข้อกล่าวหาในข้อหาหมิ่นประมาทเจ้าพนักงาน และกระทำผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากการออกมาโพสต์เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับน้าชาย

ความคืบหน้าล่าสุด น.ส.นริศราวัลถ์ เปิดเผยกับบีบีซีไทยว่า อัยการสูงสุดวินิจฉัยชี้ขาดไม่สั่งฟ้องทั้ง 2 ข้อหา เมื่อวันที่ 24 ก.ค. ที่ผ่านมา หลังจากรองอธิบดีอัยการภาค 9 และอัยการ จ.นราธิวาส มีความเห็นไม่สั่งฟ้องตั้งแต่ ตั้งแต่ปี 2560 แต่ พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ รักษาการราชการแทนผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความเห็นแย้งให้สั่งฟ้อง จึงต้องส่งให้อัยการสูงสุดชี้ขาด

ในส่วนของคดีแพ่ง ศาลแพ่งมีคำพิพากษาให้กองทัพบกยอมจ่ายเงินค่าเสียหายจำนวน 6.5 ล้านบาท ตามคำฟ้องของนางประเทือง เผือกสม มารดาของพลทหารวิเชียร เป็นโจทก์ โดยมีกระทรวงกลาโหม, กองทัพบก , และสำนักงานนายกรัฐมนตรี (ต้นสังกัด กอ.รมน.) เป็นจำเลยอันดับ 1, 2 และ 3 ตามลำดับ ซึ่งทางกองทัพบกเป็นผู้จ่ายเงินครบตามจำนวนแล้ว

ส่วนความคืบหน้าในคดีอาญา อัยการศาลทหาร มีคำสั่งไม่ฟ้องทหาร 8 นาย และสั่งฟ้องนายทหารสองนาย ได้แก่ ร.ท. ภูริ เพิกโสภณ (ยศในขณะเกิดเหตุการณ์) ผู้สั่งทำโทษพลทหารวิเชียรจนเสียชีวิต และทหารยศสิบเอก ขณะนี้อยู่ที่ขั้นตอนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กำลังวินิจฉัยว่า จะมีความเห็นแย้งหรือไม่

"ที่ล่าช้า ส่วนหนึ่งเราก็เป็นตัวร่วมที่จะไม่ให้ฟ้องด้วย ถ้าล่าช้าแล้วไม่เกิดแพะ เราโอเคมากกว่าการสั่งฟ้องทั้งสิบนาย" น.ส.นริศราวัลถ์ กล่าวกับบีบีซีไทย "เราทำในมิติของความถูกต้อง ยุติธรรมจริง ๆ ไม่ได้ต้องการแก้แค้น หรือผลประโยชน์จากคดี คดีนี้จึงไม่ควรมีแพะ"


คดีล่าสุดในค่ายทหาร พลทหารคชา ถูกทหารรุ่นพี่ซ้อมอาการสาหัส

กรณีการบาดเจ็บสาหัสของพลทหารคชา พะชะ อายุ 22 ปี ทหารเกณฑ์สังกัดกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ จ.ลพบุรี ซึ่งถูกทำร้ายร่างกายภายในค่ายทหาร เป็นความรุนแรงครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นในรั้วของกองทัพ

หลังจากเกิดเหตุในกลางดึกวันที่ 21 ส.ค. ผู้บังคับบัญชาของพลทหาร ได้ยอมรับกับญาติว่า พลทหารคชาถูกทำร้ายร่างกายโดยทหารรุ่นพี่ 3 คน และ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการกองทัพบก ออกมาบอกว่า การบาดเจ็บของพลทหารคชา "ไม่ใช่เป็นการซ่อม" แต่เป็นการวิวาทระหว่างพลทหารด้วยกันและบาดเจ็บ





น.ส.กาญจนภรณ์ สีหะวงค์ น้าสาวของพลทหารคชา กล่าวกับบีบีบีซีไทยว่า เมื่อวันที่ 26 ส.ค. ว่าได้นำหลักฐานอาการของพลทหารคชาจากแพทย์ไปให้ตำรวจเพิ่มเติม เพื่อให้มีการแจ้งข้อหาพยายามฆ่า แต่ตำรวจแจ้งว่า ขณะนี้หลักฐานยังไม่เพียงพอ ต้องทำสำนวนเพิ่มเติมและสอบพยานเพิ่มเติม ขณะนี้ ผู้ต้องหาทั้งสามคน ถูกนำตัวไปขังคุกทหาร

"วันนั้นเราจะไปแจ้งข้อหาพยายามฆ่า แต่ตำรวจเขาว่าตอนนี้หลักฐานยังไม่เพียงพอ เลยให้เป็นข้อหาทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัสก่อน"

น้าสาวของพลทหารคชา บอกว่า ทางครอบครัวยังมีความหวังว่าบุคคลที่ทำร้ายร่างกายหลานชายจะได้ถูกดำเนินคดีอย่างเหมาะสม เธอยังได้กล่าวขอความเห็นใจทางหทาร เพราะแม้ตำรวจเองบอกเธอว่าคดีนี้ "เหมือน" อยู่ในอำนาจของทหาร

"เราเชื่อว่าทหารจะไม่เข้าข้างคนผิด และจะให้ความร่วมมือกับพนักงานสอบสวนเต็มที่ หวังว่าเขาน่าจะให้ความเป็นธรรม ประชาชนจะได้ไม่ครหาว่าทหารปกป้องกันเอง" น้าสาวของพลทหารคชากล่าว "เราเชื่อว่าแบบนั้น และอยากให้ท่านเป็นเหมือนที่เราเชื่อ"
10 ปี มีทหารเสียชีวิตในค่ายอย่างน้อย 8 ราย





อ่านบทความเต็มจากบีบีซีไทยได้ที่...
https://www.bbc.com/thai/thailand-45342916


...

Praphai Khandee ไม่ฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน
แค่นี้ยังไม่เชื่ออีกรึ ว่าพวกเดียวกันย่อม่เข้าข้างกันเอง