วันศุกร์, สิงหาคม 31, 2561

“ธนาธร” คิดการณ์ใหญ่ “เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเปลี่ยนแปลงประเทศ”




12 ปีที่ผ่านมาไม่ใช่ประชาชนกับประชาชน คู่ขัดแย้งมีคู่เดียว คือ กลุ่มคนที่ต้องการฉุดรั้งประเทศไทยไว้แบบนี้ ไม่ให้ก้าวไปข้างหน้า เพราะได้ประโยชน์กับมันมหาศาล ต้องการสังคมที่ไม่เป็นธรรม สังคมที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่ต้องการแบ่งปันอำนาจและทรัพยากรให้กับประชาชน


“ธนาธร” คิดการณ์ใหญ่ “เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเปลี่ยนแปลงประเทศ”


30 August 2018
ประชาชาติธุรกิจ


สัมภาษณ์พิเศษ

เป็นพรรคการเมืองใหม่ ที่โดดเด่นที่สุดในฝ่ายประชาธิปไตย มีอีเวนต์การเมืองครบทุกมิติ ทั้งเดินสายพบปะฐานเสียงตัวต่อตัวแบบ “โฟกัสกรุ๊ป” ปราศรัยผ่านช่องทางออนไลน์ “คืนวันสุข”

อันเป็นชนวนให้ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ว่าที่หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) เข้าไปสู่ดินแดนของการเป็นผู้ได้รับ “หมายเรียก” ในฐานะผู้ถูกกล่าวหา-ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เขาบอก “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จะต้องเล่นเกมใหม่ ที่เขาถนัดกว่า-ถูกต้องกว่า เพราะหากไปหลงเล่นเกมการเมืองแบบเดิม เขาต้องตกเป็นฝ่ายแพ้ตั้งแต่ออกตัวสตาร์ตในลู่สนามเลือกตั้ง

Q : ถึงวันนี้ 4 เดือนนับตั้งแต่เปิดตัวมั่นใจว่าจะเป็นพรรคทางเลือกหลักอยู่หรือไม่

สิ่งที่พรรคเสนอเป็นทางเดียวที่ต้องเดินด้วยซ้ำ เพื่อสังคมไทยจะกลับมาสู่ความปกติ ความเป็นธรรมเท่าเทียม ยังไม่เห็นใครทำ ไม่มีพรรคของประชาชน ยืนเพื่อประชาชน พรรคเพื่อไทยอาจจะใกล้เคียง แต่พรรคที่ยืนอยู่บนผลประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริงยังมองไม่เห็น

Q : เพราะโครงสร้างพรรคการเมืองต้องพึ่งนายทุน

สุดท้ายต้องกลับมาเรื่องเจตจำนงทางการเมืองที่หนักแน่นพอจะทำสิ่งที่ยาก คือ การเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับรัฐ ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจ ไม่ใช่เป็นผู้รอการอุปถัมภ์จากรัฐ การเปลี่ยนแปลงจำเป็นต้องใช้เจตจำนงทางการเมืองที่แน่วแน่และแข็งแกร่งอย่างมหาศาล ไม่ง่าย แต่เป็นไปได้ ถ้าเริ่มทำ เริ่มขยับ เริ่มเปิดประตูความเป็นไปได้ให้เปิดออก ลุกขึ้นมาสู้ ไม่ยอมรับความไม่ถูกต้อง

Q : ความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม

ปัญหาเกิดจากโครงสร้างทั้งหมด การแก้ไขมีองค์ประกอบหลากหลาย ต้องใช้เวลา ไม่เกิดขึ้นภายในข้ามวันข้ามคืนแน่นอน ดังนั้นทำใจไว้เลย สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ เป็นการเดินทางยาว เดินทางไกล มีแต่ทางชัน ขวากหนาม ไม่มีทางง่าย และพรรคการเมืองแทงกั๊กหมด ถ้าจะได้ 375 จาก 500 เสียง เพื่อล้างมรดก คสช.เป็นโจทย์ยาก

ดังนั้นอย่าโกหก อย่าบอกกับประชาชนว่า เลือกพรรคอนาคตใหม่แล้วจะได้ประชาธิปไตยกลับคืนมาทันที อาจจะโกหกได้ 2-3 ครั้ง แต่จะโกหกตลอดไปไม่ได้

วิธีที่ดีที่สุดในการทำงานทางความคิดกับประชาชน คือ พูดความจริง ว่าหนทางข้างหน้ามันยาก เพราะมันมีทั้งรัฐธรรมนูญ ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี องค์กรอิสระ คุก ตะราง กฎหมายที่ไม่เป็นธรรมไว้ตบหน้าประชาชน เป็นเครื่องมือจัดการกับกลุ่มผลักดันประชาธิปไตย

Q : การถูกออกหมายเรียกเป็นบททดสอบแรก

อย่าไปตกใจมาก เราไม่ใช่คนแรกและคนเดียวที่โดน สิ่งที่อยากจะบอก คือ มีกฎเกณฑ์ กฎหมายต่าง ๆ ที่ออกมาในยุค คสช. เพื่อปิดปากประชาชนมากมาย เช่น พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ร.บ.ไซเบอร์ซีเคียวริตี้

สิ่งที่เกิดขึ้นควรพูดให้ไกลกว่าธนาธรโดน พ.ร.บ.คอมพ์ เพราะปรากฏการณ์จากปัญหาเชิงโครงสร้าง การเอาเจตจำนงของ คสช.มาใส่ไว้ในกฎหมายเพื่อควบคุมประชาชน วิธีคิดแบบทหารเรื่องความมั่นคง ใช้ไม่ได้กับสังคมที่เชิดชูสิทธิเสรีภาพ

Q : เพราะโดดเด่นจึงถูกเพ่งเล็ง

แสดงให้เห็นว่า คสช.ยอมรับเราเป็นกลุ่มพลังของสังคมกลุ่มหนึ่งไปแล้ว และแสดงให้เห็นว่า คสช.อยู่ในสภาวะเปราะบางมาก เสียงสะท้อนของความนิยมที่ตกต่ำลง ไม่อยู่ในช่วงขาขึ้น จึงไม่พร้อมที่จะรับการวิพากษ์วิจารณ์ ประกอบกับผลสำรวจทุกสำนักเห็นตรงกันว่า ตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค. 61 จนถึงวันนี้ ความนิยมของพรรคเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

Q : ในสายตาของ คสช. พรรค อนค.อยู่ในสถานะใด

พูดแทน คสช.ไม่ได้ แต่การวางตำแหน่งแห่งที่ในสังคมไทยของ อนค.ชัดเจน ว่าเราเป็นศัตรูของอำนาจอนาธิปไตยตลกที่สุด คือ การห้ามหาเสียงผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย ซึ่งเป็นวิธีหาเสียงที่ใช้เงินน้อยที่สุด แต่อยากปลดล็อกการเมืองช้า ๆ จะได้มีเวลาและใช้เงินหาเสียงน้อยลง ไม่เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างพรรคใหญ่กับพรรคเล็ก

ถ้าพูดให้ตรง คือ ห้ามผมนี่แหละ บอกมาเลยว่า พรรค อนค.ลงพื้นที่ไม่ได้ ธนาธรห้ามไลฟ์สด ปิยบุตรห้ามเดินรณรงค์ เขียนกฎหมายออกมาเลยว่า ห้าม อนค.พรรคเดียว เพราะเราไม่มีหัวคะแนน ไม่มีฐานเสียง

Q : การเป็นเป้านิ่งมีอุปสรรคบ้างหรือไม่

หลายพื้นที่ หลายคนที่สนับสนุน อนค.ถูกข่มขู่คุกคาม ถูกกดดันรายตัวจากอำนาจรัฐ ฝ่ายความมั่นคงถ่ายรูปไว้หมด พรรคเสียเปรียบทุกประตู

Q : อนค.จะเดินไปถึงวันเลือกตั้งหรือไม่

เราต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุด คนที่มีความฝันแล้วไม่เคยเดินตามเพราะกลัวข้อจำกัด คุณจะไม่ได้เดินไปไหนเลย ไม่มีทางได้ความฝันแต่ถ้าคิดถึงความเป็นไปได้ เดินไปข้างหน้าวันนี้ คือ ความเป็นไปได้ที่สูงขึ้น ทุกวันที่ทำงาน เห็นคนอยากมาร่วมมากขึ้น ทุกวันที่ได้เสียงมากขึ้น เห็นความเป็นไปได้มากขึ้น อย่าไปกลัว ยิ่งกลัวยิ่งเข้าทางเขา ยืนให้ตรง อย่ายอมจำนน การยืนตรงเพื่อต่อสู้ไล่ตามความฝัน โดยเฉพาะระบอบที่ไม่เป็นธรรม เผด็จการ นั่นคือการแสดงว่า ตัวตนเรายังมีชีวิต ยังเป็นคน

Q : การตัดสินใจเดินทางไกลกับ อนค. เป้าหมายคืออะไร

เลือกตั้งครั้งนี้ ภารกิจชัดเจน คือ หยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช. ผลักดันสังคมกลับสู่ประชาธิปไตย 4 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจเจ๊ง การปกครองแบบเผด็จการไม่มีองค์ประกอบของประชาชน ไม่มีช่องทางส่งเสียง การจัดสรรทรัพยากร ต่อรองผลประโยชน์อยู่เฉพาะกลุ่ม ยิ่งไม่มีประชาธิปไตย ความเท่าเทียมยิ่งน้อยลง ความเหลื่อมล้ำสูงขึ้น

การเลือกตั้งครั้งต่อไป ภารกิจใหม่ คือ แกนนำจัดตั้งรัฐบาลเป็นทางผ่านเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศ อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน อย่างช้าที่สุด คือ การเลือกตั้งครั้งหน้า การร่วมรัฐบาลเป็นเพียงเงื่อนไขเดียว ทุก 1 คะแนนเสียงเป็นคะแนนใหม่ และสำคัญกับ อนค. ต้องเก็บให้ได้หมด การขายความใหม่อาจจะขายได้เพียงครั้งนี้ อนาคตระยะยาวของประเทศ ่ เราจะสู้ให้ถึงที่สุดในทุกสถานการณ์

Q : ขายความใหม่ ขายอนาคตอย่างเดียว อาจจะแพ้ระบบฐานเสียง-หัวคะแนน

การลงพื้นที่ 41 จังหวัดในรอบ 4 เดือนที่ผ่านมา ใช้เวลาเยอะมาก เพื่อคุยกันคน 4-5 วง วงละ 20-30 คน รับฟังปัญหา คุยกับคนที่มีอุดมการณ์เดียวกันก่อน เมื่อประชาชนในพื้นที่เข้มแข็งเมื่อใด ให้เขาเลือกผู้นำ ให้เขาเลือก ส.ส.

วิธีการสร้างพรรคแตกต่างกันมาก พรรคแบบกลุ่มสามมิตรคุยกับหัวคะแนน 4-5 คน ที่มีฐานคะแนน 5 พัน 1 หมื่น แต่ อนค.คุยกับทุกคนถึงระดับรากหญ้า

แบบไหนถูก แบบไหนผิด เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ แบบกลุ่มสามมิตรอาจจะถูกก็ได้ แต่ไม่แข็งแรง แต่แบบที่ อนค.ทำ เชื่อว่าแข็งแรง

บ้านจะมั่นคงและยืนอยู่ได้ระยะยาว คือ บ้านที่คนร้อยรัดกันด้วยศรัทธา ผมกำลังสร้างเครือข่ายใหม่ที่ยึดโยงกันด้วยความคิด ทำงานทางความคิดให้หนักแน่นและแข็งขัน

ผมไม่เล่นการเมืองในระบบหัวคะแนน ฐานเสียงแบบเดิม ๆ เพราะเล่นเกมนี้ ผมแพ้อยู่แล้ว ต้องเล่นเกมใหม่ เกมที่เราถนัดกว่า เกมที่ถูกต้องกว่า เกมที่ควรจะเป็นกว่า เป็นเกมที่ไม่ต้องใช้หัวคะแนน แต่ใช้เครือข่ายทางความคิด

ทำให้ในพื้นที่รัศมีที่คุณมีอิทธิพลขยายขึ้นทุกวัน ไกลขึ้นทุกวัน จัดการปัจจัยที่อยู่ในควบคุม ความเป็นไปได้ก็มากขึ้นทุกวัน คนมาทำงานกับเราส่วนใหญ่เป็นอาสาสมัคร ไม่มีต้นทุน คนที่ตื่นรู้ ต้องการเปลี่ยนแปลงเต็มไปหมด

ฉะนั้น เดินไปข้างหน้าทุกวัน จะเห็นโอกาสความเป็นไปได้ทุกวัน ผมอาจจะผิดแต่ลองเปิดให้เกิดการเลือกตั้งดูสิ เพราะเป็นวิธีที่จะตอบคำถามได้ดีที่สุด

Q : 4 ปีที่ผ่านมา คสช.กับกลุ่มทุนใหญ่เกาะเกี่ยวกันขนาดใหญ่และยังมีนักการเมืองเก่ามาแตะมือ

ไม่มีทางไปทำอะไรได้ เพราะกฎหมาย คุก ตะราง องค์กรอิสระ มันนอนเตียงเดียวกันหมด ฉะนั้น ต้องขีดเส้นใหม่ระหว่างคู่ขัดแย้ง

12 ปีที่ผ่านมาไม่ใช่ประชาชนกับประชาชน คู่ขัดแย้งมีคู่เดียว คือ กลุ่มคนที่ต้องการฉุดรั้งประเทศไทยไว้แบบนี้ ไม่ให้ก้าวไปข้างหน้า เพราะได้ประโยชน์กับมันมหาศาล ต้องการสังคมที่ไม่เป็นธรรม สังคมที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่ต้องการแบ่งปันอำนาจและทรัพยากรให้กับประชาชน

Q : ถ้าย้อนกลับไปพูดถึง 12 ปีที่ผ่านมาจะวนกลับไปสู่ปมความขัดแย้ง

ความขัดแย้งเดียวที่ประเทศไทยมี คือ คนที่ขัดแย้งรู้ว่าล้มประชาธิปไตย ล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งไม่ได้ จึงผลักดันสังคมให้สุดทาง เพราะเตี๊ยมกับทหารไว้แล้วว่าจะออกมาทำรัฐประหาร

ข้อที่สอง ไม่พูดถึงความขัดแย้งจะอยู่ร่วมกันอย่างสันติได้อย่างไร เหตุการณ์พฤษภา 35 พ่อแม่บางคนยังไม่ได้รับศพคืน เหตุการณ์ 6 ตุลา 19 คนที่มีส่วนสั่งการปราบปรามประชาชน ยังไม่เคยถูกนำตัวมารับผิด

การพูดถึงเรื่องอดีต ไม่ใช่การสร้างความขัดแย้ง แต่คือการเอาความเป็นธรรมคืนให้กับทุกฝ่าย ใครทำอะไรไว้ที่ไม่ถูกต้อง ต้องได้รับการลงโทษ

เป็นการต่อสู้ทางความคิด ซึ่งสำคัญกว่าการได้คะแนนเสียง ได้เสียงมา แต่ไม่ชนะทางความคิด ก็แพ้ เมื่อไรก็ตามที่สร้างสะพานเชื่อมให้ทั้งสองอย่างเป็นเรื่องเดียวกันได้ จะชนะ เพราะไม่มีความปรองดองบนความอยุติธรรม