ขยันจริง หัวหน้าใหญ่ คสช. ขยับเข้าไปดูแลเรื่องการขนส่งมวลชนและการจราจร
ยกขบวนลงพื้นที่ กทม. ตรวจงานขนานใหญ่ ครบถ้วนทั้งรถไฟ เรือเมล์ ลิเก ตำรวจ
บอกว่า “รัฐบาลให้ความสำคัญกรณีดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง
เพราะถือเป็นการบูรณการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามยุทธศาสตร์ของชาติในการพัฒนาเมืองด้วย
ขอให้เห็นความเปลี่ยนแปลงภายใน ๓ เดือน”
ฟังแล้วคลับคล้ายคลับคลา
ว่ามีนักการเมืองคนหนึ่งเคยพูดเรื่องนี้ไว้นานนมกาเลแล้ว ที่ว่าจะแก้ปัญหาจราจรในกรุงเทพฯ
ให้ได้ภายในสามเดือนแล้วก็เหลว
เขามาประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นในเรื่องอื่นภายหลัง
โดยเฉพาะกับเรื่องประกันสุขภาพถ้วนหน้า
อวดศักดา อ้างผลงานกันใหญ่ ๑ ใน ๓ ป.
คนที่ไม่ค่อยจ้อคุยบ้าง ว่าโครงการ ‘ไทยนิยมยั่งยืน’
ที่ตนควบคุม “ประสบความสำเร็จไปแล้วหลายเรื่อง” คาดว่าเม็ดเงินที่ลงไปในโครงการจะกระจายสู่ระบบเศรษฐกิจทั้งมวล
มียอดสูงเกือบถึง ๑ แสนล้านบาท
พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา
ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่าโครงการไทยนิยมยั่งยืนเข้าโค้งสุดท้ายแล้ว และจะส่งคณะทำงานลงไปในพื้นที่กว่า
๘ หมื่นแห่ง “รับฟังความเห็นจากชาวบ้าน
เพื่อจัดสรรงบประมาณอย่างเท่าเทียมกัน”
โดยยกตัวอย่างอุตสาหกรรมสมุนไพร ใช้วิธีการผลิตให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล “สามารถส่งออกไปต่างประเทศ
สร้างรายได้ปีละกว่า ๑,๐๐๐ ล้านบาท" กับส่งเสริมการปลูกไม้ยืนต้น
โดยเฉพาะไม้มีค่า “เพราะปัจจุบันมีกฎหมายให้ใช้ไม้ค้ำประกันแทนเงินได้”
คาดว่าเม็ดเงินที่จะกระจายสู่ระบบเศรษฐกิจทั้งหมด จากการดำเนินโครงการไทยนิยมยั่งยืนจะสูงถึง
๙.๙๕หมื่นล้านบาท
จากการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ๓.๕ หมื่นล้าน ด้านชุมชนท่องเที่ยวและกองทุนหมู่บ้าน
๓.๔๕ หมื่นล้าน และจากกองทุนหมู่บ้าน ๓ หมื่นล้าน
คงไม่ต้องไปตามจี้ว่าเม็ดเงินเหล่านี้เกิดดอกออกผลแค่ไหน
อย่างไร ในเมื่อเสียงสะท้อนตีกลับทันควันทางโซเชียลมีเดียด้วยภาพ ว่าเดี๋ยวนี้ร้านทองหันไปขายก๋วยเตี๋ยวแทนกันแล้ว
ไม่เพียง มัวแต่คุยคำโต ไม่ได้ดูตัวของตัวเองว่า ‘ขยะส่งกลิ่น’
เมื่อบิ๊กป็อกเจอกระแสข่าวที่ว่า ลูกชาย “เข้าไปมี ‘ผลประโยชน์’ ในโครงการโรงกำจัดขยะ-โรงไฟฟ้าขยะ ของกระทรวงมหาดไทย”
นสพ.ผู้จัดการรายงานเรื่องกลิ่นไม่ดีในโรงกำจัดขยะและโรงไฟฟ้าที่ภูเก็ต
หลังจากที่ พล.อ.อนุพงษ์ เพิ่งออกปาก
“ลูกชายบอกว่าไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวหรือร่วมทุนกับใคร ด้วยอาการฉุนเฉียว”
ดันมี “คนตาดีไปเห็นชื่อคุ้นๆ ‘ยุทธพงษ์ เผ่าจินดา’
ไปปรากฏอยู่ในวาระงานของทางราชการ แถมเกี่ยวกับ ‘ขยะ’
ซะด้วย คือในตารางงานตีพิมพ์ไว้บนเว็บไซ้ท์ของจังหวัดภูเก็ต “ประจำวันพฤหัสบดีที่
๓
พฤษภาคม
๒๕๖๑” ในส่วนของ นรภัทร ปลอดทอง
ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต
...มีนัดหมายใน เวลา ๑๑.๓๐
น. ที่ระบุว่า “คุณยุทธพงษ์ เผ่าจินดา
ขอเข้าพบเรื่องการบริหารจัดการขยะในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ณ
ห้องรับรองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต” คอลัมน์ ข่าวปนคน คนปนข่าว ของผู้จัดการว่า
“เสี่ยร้านสปาลูกรัฐมนตรีกำลังสนใจธุรกิจ ‘ขยะ’ ขึ้นมากระทันหัน หากเข้าล็อกนี้ก็คงพอเป็น
‘ใบเสร็จ’ ที่ ‘บิ๊กป๊อก’ ถามถึงอยู่ จะให้เคลียร์ชัดเจนก็คงต้องวาน ‘เผ่าจินดาผู้พ่อ’ ให้ความกระจ่างกับสังคมซักหน่อย”
รวมความแล้ว กระทั่งทุกวันนี้ พวก คสช. ตัวหัวๆ นี่ยังไม่พ้นวังวน “ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง”
บางครั้ง “ปากว่าตาขยิบ” บางทีมีรายการ “เอาหูไปนาเอาตาไปไร่” ไม่ยอม “ตักน้ำใส่กะโหลก
ชะโงกดูเงา” ของตน เลยขึ้นบทพระเอกร่ำไป