วันพุธ, สิงหาคม 22, 2561

ปากเปราะเราะรานนั่นคือ 'ไอทู้บ' ซ้ำบ่นว่าลำบากรากเลือดอีกต่างหาก


เพราะการใช้สรรพนามแทน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า ท่านอดีต ผบ.ทบ.โดยนายกรัฐมนตรีคนที่ ๒๘ แท้ๆ ทำให้กระแส อิปูว์ สู้ๆ มาแรงมาก บนความลำบากรากเลือดของ ไอทู้บ

ที่ชุมพร เมื่อวันก่อน (๒๐ ส.ค.) ไอทู้บบ่นปวดลูกตา หาว่าคนจัดสถานที่ให้ฮีนั่งที่มืด “หรือนั่งหันหน้าส่องแดด” อีกทั้งยังต้อง “ทนทุกอย่าง ต้องสุภาพเรียบร้อย...พยายามทำทุกอย่างด้วยความจริงใจ ทั้งที่แบกรับทุกอย่าง...

ทุกกระทรวง ทุกหน่วยงาน เพราะเป็นนายกฯ ต้องจดจำเรื่องทั้งหมด แต่พออ่านเฟซบุ๊กก็มีแต่ด่านายกฯ ซึ่งใครด่าตนถือเป็นคำอวยพร แต่อย่าให้เห็นหน้าก็แล้วกัน”


นั่นเป็นความลำบากลำบนของคนที่ได้เป็นนายกฯ เพราะแย่งอำนาจเขามา แต่เท่าที่เช็คๆ ดูกับอากู๋ ไม่เห็นอดีตนายกฯ หญิงเคยบ่นทำนองนี้ขณะปฏิบัติหน้าที่โดยอาณัติที่ประชาชนมอบให้ด้วยคะแนนเสียงเลือกตั้งอย่างขาดลอย

เห็นมีแต่ที่เธอร้องไห้บ้างไรบ้าง ก็ตอนหลังจากโดนแย่งอำนาจไปแล้ว ถูกฝ่ายตรงข้ามทั้งจากพรรคการเมืองและตุลาการวิบัติเหยียบย่ำตำบอน ไหนจะด่าสาดเสียเทเสีย ไหนจะยึดทรัพย์ ไหนจะยัดคดีโน่นนี่ พยายามจะปิดฝาโลงด้วยการใส่คุก แต่พี่ชายไม่ยอมจึงจัดให้เธอหนีเสียก่อน

มาตอนนี้ ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ค้นพบข้อมูลใหม่ว่าในรายงานการเงินแผ่นดิน “คณะรัฐมนตรีได้มีมติรับทราบเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคมตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ

ซึ่งในรายงานได้ระบุไว้ชัดเจนว่า ไม่มีผลขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าว ณ วันที่ ๓๐ ก.ย. ๒๕๕๗ จำนวน ๕๓๖,๙๐๘.๓๐ ล้านบาทรวมอยู่ด้วยแต่อย่างใด”

แม้นว่ากรมบัญชีกลาง โดย น.ส.สุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีชี้แจงถึงหลักเกณฑ์ในการจัดทำบัญชีว่าเป็นแบบ คงค้างผสมหรือ Modified Accrual Basis โดย “รวบรวมข้อมูลที่มีสาระสำคัญเฉพาะสินทรัพย์และหนี้สินของรัฐบาลจากส่วนราชการที่ทำหน้าที่บริหารจัดการแทนรัฐบาล”

สำหรับโครงการรับจำนำข้าว “ใช้เงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) ดำเนินการไปก่อนแล้ว รัฐบาลจึงตั้งงบประมาณชดใช้คืนเป็นรายปีจนกว่าจะครบวงเงิน...ธกส.จึงไม่ต้องส่งข้อมูลดังกล่าวให้กรมบัญชีกลาง”

ดังนั้นจึง “ไม่มีหรือไม่สามารถมี รายการผลขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าวตามคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง” แต่อย่างใด ทั้งนี้ตัวเลขความเสียหาย ๕ แสนกว่าล้านนั้นเป็นรายการบัญชีแยกต่างหากจาก รายงานการเงินแผ่นดิน


ทว่าเมื่อปี ๒๕๕๙ กระทรวงการคลังได้มีคำสั่งเรียกชดใช้ค่าเสียหายจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นจำนวนเงินเกือบ ๓ หมื่น ๖ พันล้านบาท (๓๕,๗๑๗,๒๗๓,๐๒๘.๒๓) “โดยตัวเลขนี้คิดคำนวณมาจากผลขาดทุนโครงการรับจำนำข้าว และนำผลขาดทุนดังกล่าวมาคิดเป็นค่าเสียหายอีกทอดหนึ่ง”

เรืองไกรชี้ว่าคำสั่งดังกล่าวของกระทรวงคลังอ้างความผิดยิ่งลักษณ์ในฐานะประธานนโยบายข้าว ไม่สอดคล้องกับคำพิพากษาของศาล (คดี อม.๒๑๑/๒๕๖๐ วันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๐) ซึ่งมีข้อความตอนหนึ่งระบุว่า

“ความเสียหายอันเกิดจากการทุจริตดังกล่าวที่เกิดขึ้นในการดำเนินการโครงการรับจำนำข้าวแต่ละขั้นตอนนั้น เป็นกรณีการกระทำของเจ้าหน้าที่ในระดับปฏิบัติการ...พยานหลักฐานที่ได้ ความยังรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในข้อกล่าวหานี้

กรณียังฟังไม่ได้ว่าจำเลยปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งโดยทุจริต หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ ข้อต่อสู้ของจำเลยในข้อนี้ฟังขึ้น”


การที่นายเรืองไกร “จ่อร้องนายกฯ ประยุทธ์ สั่งคืนทรัพย์สินยิ่งลักษณ์” เป็นความพยายามแก้ข้อเสียหายชนิดที่ยากจะสำฤทธิ์ผลได้ ‘a very long shot’ เมื่อคำนึงถึงผู้ถูกร้องอันเป็นคนเดียวกับผู้สั่งการอันผิดพลาดจนก่อความเสียหายแก่ผู้บริสุทธิ์

ตลอดสี่ปีกว่าของการครองอำนาจที่แย่งยึดเอามา สุขภาพของบ้านเมืองมีแต่จะทรุดโทรม ประชากรส่วนใหญ่พบกับความลำบากยากไร้ยิ่งๆ ขึ้นในแต่ละปี ประยุทธ์ไม่เคยที่จะยอมรับความปราศจากฝีมือและไร้น้ำยาของตนเองเลย ถ้าไม่โทษรัฐบาลก่อนหน้า ก็จะโทษประชาชนว่าเขลาเบาปัญญาแทน

“เราต้องเลิกโทษกันไปมา มองโลกความเป็นจริง อย่าไปมองแค่ว่าจะให้นู่นให้นี่ แล้วเขาให้หรือไม่ ถ้าเขาให้วันนี้รัฐบาลคงไม่ต้องมาทำมากขนาดนี้ ในเรื่องสินค้าการเกษตรไม่มีทางที่จะดีมากไปกว่านี้ ถ้าไม่คำนึงถึงการตลาด ฉะนั้นจะต้องมีการปรับตัว แต่ไม่ใช่ว่ารัฐบาลจะรังแกประชาชน”

ฟังจากคำพูดนั้นแล้วเป็นไง ใครโทษใคร มีแต่โทษไปไม่เห็นใครโทษมา เวลาสี่ปีนานพอจะรู้เช่นเห็นชาติว่าใครกันแน่ที่ทำให้บ้านเมืองกำลังพัง ราคาพืชผลตกต่ำ ราคายางดิ่งถึงก้นเหว การท่องเที่ยวทรุด การค้าปลีกเซ็ง

พวกชาวใต้ที่เคยอยู่ดีกินดี จนเช่าเครื่องบินเหมาลำไปช่วยป่วนกรุงเทพฯ สร้างความวุ่นวายให้ทหารเข้ายึดอำนาจรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เดี๋ยวนี้บ่นกันตั้งแต่นายหัวยันเกษตรกร ขนาดนายกสมาคมชาวสวนยาง ๑๖ จังหวัดใต้ ยังต้องออกมาบ่นแกมขู่
 
“ในอนาคตหากนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกันแก้ไขปัญหาราคายางพาราตกต่ำไม่ได้ ปล่อยให้ชาวสวนประสบกับภาวะความยากลำบาก” ละก็

“เชื่อว่าทุกพรรคการเมือง ที่จะสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ สืบทอดอำนาจเพื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป จะไม่ได้คะแนนเสียงจากเกษตรกรชาวสวนยาง ๑๐ ล้านคนทั่วทั้งประเทศแม้แต่เสียงเดียว”

 
แล้วอย่างนี้ประยุทธ์ยังจะเอาแต่กระแนะกระแหนอดีตนายกฯ หญิงอยู่นั่นเอง “ขอให้เดินตามพ่อปูต่อไป เพราะการเดินตามแม่ปูมันจะเลี้ยวไปเลี้ยวมา” ประยุทธ์ใช้ปากอันเปราะเราะรานของเขาแซะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ในตอนหนึ่ง

จึงไม่พ้นโดนหมัดสวนจากฟากเพื่อไทย @watanamuangsook ทวี้ตตอกกลับเข้าให้กลางกบาล “ปูเพศไหนมันก็เดินเหมือนกันหมด ใจคอจะไม่ยอมฉลาดซักเรื่องเลยหรือ”