เพราะการใช้สรรพนามแทน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า ‘ท่านอดีต
ผบ.ทบ.’ โดยนายกรัฐมนตรีคนที่ ๒๘ แท้ๆ ทำให้กระแส ‘อิปูว์’ สู้ๆ มาแรงมาก บนความลำบากรากเลือดของ ‘ไอทู้บ’
ที่ชุมพร เมื่อวันก่อน (๒๐ ส.ค.) ไอทู้บบ่นปวดลูกตา
หาว่าคนจัดสถานที่ให้ฮีนั่งที่มืด “หรือนั่งหันหน้าส่องแดด” อีกทั้งยังต้อง “ทนทุกอย่าง
ต้องสุภาพเรียบร้อย...พยายามทำทุกอย่างด้วยความจริงใจ ทั้งที่แบกรับทุกอย่าง...
ทุกกระทรวง ทุกหน่วยงาน เพราะเป็นนายกฯ ต้องจดจำเรื่องทั้งหมด
แต่พออ่านเฟซบุ๊กก็มีแต่ด่านายกฯ ซึ่งใครด่าตนถือเป็นคำอวยพร
แต่อย่าให้เห็นหน้าก็แล้วกัน”
นั่นเป็นความลำบากลำบนของคนที่ได้เป็นนายกฯ
เพราะแย่งอำนาจเขามา แต่เท่าที่เช็คๆ ดูกับอากู๋ ไม่เห็นอดีตนายกฯ หญิงเคยบ่นทำนองนี้ขณะปฏิบัติหน้าที่โดยอาณัติที่ประชาชนมอบให้ด้วยคะแนนเสียงเลือกตั้งอย่างขาดลอย
เห็นมีแต่ที่เธอร้องไห้บ้างไรบ้าง ก็ตอนหลังจากโดนแย่งอำนาจไปแล้ว
ถูกฝ่ายตรงข้ามทั้งจากพรรคการเมืองและตุลาการวิบัติเหยียบย่ำตำบอน
ไหนจะด่าสาดเสียเทเสีย ไหนจะยึดทรัพย์ ไหนจะยัดคดีโน่นนี่ พยายามจะปิดฝาโลงด้วยการใส่คุก
แต่พี่ชายไม่ยอมจึงจัดให้เธอหนีเสียก่อน
มาตอนนี้ ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ
ค้นพบข้อมูลใหม่ว่าในรายงานการเงินแผ่นดิน “คณะรัฐมนตรีได้มีมติรับทราบเมื่อวันที่
๒๒ พฤษภาคมตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งในรายงานได้ระบุไว้ชัดเจนว่า ไม่มีผลขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าว
ณ วันที่ ๓๐ ก.ย. ๒๕๕๗ จำนวน ๕๓๖,๙๐๘.๓๐ ล้านบาทรวมอยู่ด้วยแต่อย่างใด”
แม้นว่ากรมบัญชีกลาง โดย น.ส.สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
อธิบดีชี้แจงถึงหลักเกณฑ์ในการจัดทำบัญชีว่าเป็นแบบ ‘คงค้างผสม’
หรือ Modified Accrual Basis โดย “รวบรวมข้อมูลที่มีสาระสำคัญเฉพาะสินทรัพย์และหนี้สินของรัฐบาลจากส่วนราชการที่ทำหน้าที่บริหารจัดการแทนรัฐบาล”
สำหรับโครงการรับจำนำข้าว “ใช้เงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
(ธกส.) ดำเนินการไปก่อนแล้ว รัฐบาลจึงตั้งงบประมาณชดใช้คืนเป็นรายปีจนกว่าจะครบวงเงิน...ธกส.จึงไม่ต้องส่งข้อมูลดังกล่าวให้กรมบัญชีกลาง”
ดังนั้นจึง “ไม่มีหรือไม่สามารถมี
รายการผลขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าวตามคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง”
แต่อย่างใด ทั้งนี้ตัวเลขความเสียหาย ๕ แสนกว่าล้านนั้นเป็นรายการบัญชีแยกต่างหากจาก
‘รายงานการเงินแผ่นดิน’
ทว่าเมื่อปี ๒๕๕๙ กระทรวงการคลังได้มีคำสั่งเรียกชดใช้ค่าเสียหายจาก
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นจำนวนเงินเกือบ ๓ หมื่น ๖ พันล้านบาท
(๓๕,๗๑๗,๒๗๓,๐๒๘.๒๓) “โดยตัวเลขนี้คิดคำนวณมาจากผลขาดทุนโครงการรับจำนำข้าว
และนำผลขาดทุนดังกล่าวมาคิดเป็นค่าเสียหายอีกทอดหนึ่ง”
เรืองไกรชี้ว่าคำสั่งดังกล่าวของกระทรวงคลังอ้างความผิดยิ่งลักษณ์ในฐานะประธานนโยบายข้าว
ไม่สอดคล้องกับคำพิพากษาของศาล (คดี อม.๒๑๑/๒๕๖๐ วันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๐)
ซึ่งมีข้อความตอนหนึ่งระบุว่า
“ความเสียหายอันเกิดจากการทุจริตดังกล่าวที่เกิดขึ้นในการดำเนินการโครงการรับจำนำข้าวแต่ละขั้นตอนนั้น
เป็นกรณีการกระทำของเจ้าหน้าที่ในระดับปฏิบัติการ...พยานหลักฐานที่ได้ ความยังรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในข้อกล่าวหานี้
กรณียังฟังไม่ได้ว่าจำเลยปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งโดยทุจริต
หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ ข้อต่อสู้ของจำเลยในข้อนี้ฟังขึ้น”
การที่นายเรืองไกร “จ่อร้องนายกฯ ประยุทธ์
สั่งคืนทรัพย์สินยิ่งลักษณ์” เป็นความพยายามแก้ข้อเสียหายชนิดที่ยากจะสำฤทธิ์ผลได้
‘a
very long shot’ เมื่อคำนึงถึงผู้ถูกร้องอันเป็นคนเดียวกับผู้สั่งการอันผิดพลาดจนก่อความเสียหายแก่ผู้บริสุทธิ์
ตลอดสี่ปีกว่าของการครองอำนาจที่แย่งยึดเอามา
สุขภาพของบ้านเมืองมีแต่จะทรุดโทรม ประชากรส่วนใหญ่พบกับความลำบากยากไร้ยิ่งๆ
ขึ้นในแต่ละปี ประยุทธ์ไม่เคยที่จะยอมรับความปราศจากฝีมือและไร้น้ำยาของตนเองเลย
ถ้าไม่โทษรัฐบาลก่อนหน้า ก็จะโทษประชาชนว่าเขลาเบาปัญญาแทน
“เราต้องเลิกโทษกันไปมา มองโลกความเป็นจริง
อย่าไปมองแค่ว่าจะให้นู่นให้นี่ แล้วเขาให้หรือไม่ ถ้าเขาให้วันนี้รัฐบาลคงไม่ต้องมาทำมากขนาดนี้
ในเรื่องสินค้าการเกษตรไม่มีทางที่จะดีมากไปกว่านี้ ถ้าไม่คำนึงถึงการตลาด
ฉะนั้นจะต้องมีการปรับตัว แต่ไม่ใช่ว่ารัฐบาลจะรังแกประชาชน”
ฟังจากคำพูดนั้นแล้วเป็นไง ใครโทษใคร
มีแต่โทษไปไม่เห็นใครโทษมา เวลาสี่ปีนานพอจะรู้เช่นเห็นชาติว่าใครกันแน่ที่ทำให้บ้านเมืองกำลังพัง
ราคาพืชผลตกต่ำ ราคายางดิ่งถึงก้นเหว การท่องเที่ยวทรุด การค้าปลีกเซ็ง
พวกชาวใต้ที่เคยอยู่ดีกินดี
จนเช่าเครื่องบินเหมาลำไปช่วยป่วนกรุงเทพฯ สร้างความวุ่นวายให้ทหารเข้ายึดอำนาจรัฐบาลยิ่งลักษณ์
เดี๋ยวนี้บ่นกันตั้งแต่นายหัวยันเกษตรกร ขนาดนายกสมาคมชาวสวนยาง ๑๖ จังหวัดใต้
ยังต้องออกมาบ่นแกมขู่
“ในอนาคตหากนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ร่วมกันแก้ไขปัญหาราคายางพาราตกต่ำไม่ได้ ปล่อยให้ชาวสวนประสบกับภาวะความยากลำบาก”
ละก็
“เชื่อว่าทุกพรรคการเมือง ที่จะสนับสนุนพลเอกประยุทธ์
สืบทอดอำนาจเพื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป จะไม่ได้คะแนนเสียงจากเกษตรกรชาวสวนยาง ๑๐
ล้านคนทั่วทั้งประเทศแม้แต่เสียงเดียว”
แล้วอย่างนี้ประยุทธ์ยังจะเอาแต่กระแนะกระแหนอดีตนายกฯ
หญิงอยู่นั่นเอง “ขอให้เดินตามพ่อปูต่อไป
เพราะการเดินตามแม่ปูมันจะเลี้ยวไปเลี้ยวมา”
ประยุทธ์ใช้ปากอันเปราะเราะรานของเขาแซะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ในตอนหนึ่ง
จึงไม่พ้นโดนหมัดสวนจากฟากเพื่อไทย @watanamuangsook ทวี้ตตอกกลับเข้าให้กลางกบาล “ปูเพศไหนมันก็เดินเหมือนกันหมด
ใจคอจะไม่ยอมฉลาดซักเรื่องเลยหรือ”