หอกหัก โมกขศักดิ์เอ๊ย ยักยื้อไม่จบไม่สิ้น
แทนที่จะเสริมส่ง กกต.ชุดใหม่ เขาตั้งหน้าทำงานให้ว่องไว ดันออกมาแตะเบรคเสียนั่น
โฆษกห่านอูรีบแก้ เลือกตั้งวันที่ ๒๔ กุมภา แค่ทฤษฎี
จะมาเกี่ยงว่ารอโปรดเกล้าฯ
ให้ระคายเคืองเบื้องยุคลบาททำห่ามไร ก็ไอ้ไทม์ไลน์ปลายกุมภาวันเข้าคูหาหย่อนบัตร
เขาคำนวณเวลารอโปรดเกล้าฯ เอาไว้แล้ว ต้องหัดอ่าน ‘ไทยอีนิวส์’ เสียบ้างนะ >>> ที่นี่ https://thaienews.blogspot.com/2018/08/blog-post_660.html
“แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันก็จะต้องดูปัจจัยอื่นประกอบด้วย
เช่น กฎหมายที่จะโปรดเกล้าฯ ลงมา ว่าจะมีการใช้ระยะเวลาเท่าไหร่” พล.ท.สรรเสริญ
แก้วกำเนิด อ้างว่าที่ กกต.พูดไว้วันก่อน “ตามทฤษฎีของคสช.และรัฐบาล
ที่ว่าจะจัดการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนกุมภาพันธ์”
แถมพูดดักทางที่เขาไม่ได้ถาม “ทุกอย่างเป็นไปตามแผน
ไม่ใช่ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นแล้ว รัฐบาลจะหยุดการทำงานทุกอย่าง
แล้วไปเตรียมการเพื่อมอบนโยบายอย่างเดียวไม่ใช่”
หมายความว่าจะครอบหัวรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งต่อไปไง
มิน่าถึงได้ควักกระเป๋าตังค์ประชาชน (งบประมาณผูกพัน ๕ ปี จากมิถุนา
๖๑ ถึงพฤษภา ๖๖) เอาไปซื้อรถเบ๊นซ์ใหม่เอี่ยม ๑๘ คัน ให้พวกรัฐบุรุษ รองนายกฯ
และโฆษกฯ อย่างห่านอูนี่แหละ นั่งกันให้ตูดบาน เริ่มตั้งแต่ต้นเดือนกันยานี้
จากหลักฐานสำนักเลขานายกฯ
เปิดประกวดราคาเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่ง รัฐบุรุษกับรองนายกฯ ๕ คน ได้ขี่รุ่น เอส
๓๕๐ ดี ค่าเช่า ๙ หมื่นกว่าบาทต่อเดือนต่อคัน ระดับรองลงไปก็มีรุ่นเอ็กซ์คลูสีฟ อี
๓๕๐ อี กับ ซี๓๕๐ อี ค่าเช่าเดือนละ ๗ หมื่น ๖ พัน และ ๕ หมื่น ๓ พัน ต่อคัน
ตามลำดับ
ของห่านอูได้นั่งเมอร์เซดีส รุ่นซีแอลเอ ๒๐๐ เออร์บัน
หรูหราไม่แพ้กันแต่เครื่องเล็กลงไปหน่อย แค่ ๑,๕๙๕ ซีซี ค่าเช่าเดือนละ ๓ หมื่น ๕
พันบาทกว่าๆ ต่อคัน เป็นอันว่าจากนี้อีกอย่างน้อย ๑ ปี พวกห่านพวกห่ามจะขี่เบ๊นซ์จากเงินภาษีอากรราษฎรราว
๑๓ ล้านบาทกว่าๆ ต่อปี
นั่นเป็นส่วนเพิ่มที่รัฐบาล คสช. ขูดรีดเลือดจากปู (ทั้งไอ้และอี)
นอกเหนือจากหนี้สินส่วนหนึ่งที่ต้องรับภาระต่อรัฐวิสาหกิจที่มีแม่ทัพนายกองเข้าไปนั่งเป็นบอร์ดกินทั้งเบี้ยประชุมและงบบันเทิง
คนละเป็นแสนๆ ต่อเดือน
เมื่อสองสามวันก่อน โพสต์ทูเดย์ รายงานเรื่องความเสี่ยงทางการคลัง
ที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลังจัดทำสำหรับปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ที่ผ่านมาว่า “รัฐวิสาหกิจมีการก่อหนี้คงค้างเพื่อดำเนินการโครงการโครงสร้างพื้นฐาน
จำนวน ๙.๙๔ แสนล้านบาท
เป็นหนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน ๕.๕๒ แสนล้านบาท
และเป็นหนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน ๔.๑๘ แสนล้านบาท ในจำนวนนี้รัฐบาลรับภาระ
๕.๖๗ หมื่นล้านบาท และไม่รับภาระ ๓.๖๑ แสนล้านบาท”
โดยเป็นหนี้จากวิสาหกิจรับผิดชอบเรื่องเมกะโปรเจ็คของ คสช.
ได้แก่ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)
การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)
เป็นต้น พวกนี้ “ประสบภาวะขาดทุนมาโดยตลอด
ดังนั้นภาระหนี้ที่เกิดจากการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ
จึงมีโอกาสที่จะเป็นภาระทางการคลังของรัฐบาลในอนาคตต่อไป
หากรัฐวิสาหกิจไม่สามารถชำระคืนหนี้เงินกู้ได้”
คสช.อยู่มาสี่ปีกว่า ผลาญงบประมาณไปแล้วเป็นล้านล้านบาท
ยังไม่มีทีท่าว่าจะหาเงินเข้าไปอุดรูโหว่คงคลังได้เมื่อไหร่
ผลการทุ่มเงินลงไปที่อีอีซี เมกะโปรเจ็คที่หวังจะใช้เชิดหน้าให้ คสช.อยู่กินกันต่ออีกสี่ซ้าห้าปี
ก็ยังไม่มีรูปธรรมแย้มให้เห็น
มิหนำซ้ำชาวบ้านกำลังไส้แห้งกันถ้วนทั่ว
ไหนรายการน้ำท่วมระลอกใหม่กำลังเริ่มอ่วม ทั้งที่น่านและเชียงราย สองวันก่อน ไพศาล
พืชมงคล คนเก่าแก่ของ คสช. แท้ๆ มีบ่น
การทำมาหากินคนปักษ์ใต้ใกล้จะเหี่ยวตายกันแล้ว
วานนี้นายหัวคนใต้ ปชป.ตัวพ่อ เริ่มครวญบ้าง “ครั้งหนึ่งภาคใต้เคยเป็นภาคที่มีความมั่งคั่งมากที่สุด
แต่ในวันนี้กลายเป็นภาคที่ทรุดมากที่สุด” ชวน หลีกภัย
ไปปาฐกถาในงานเปิดโรงแรมใหม่ที่เมืองคอนฯ เล่าให้ฟังว่าไปเยี่ยมชาวสวนยางสตูล
“ชาวสวนมาบอกผมว่ายางที่นี่มีราคา ๘๐ บาท
ผมเองตกใจว่าที่นี่ขึ้นสูงได้อย่างไร สุดท้ายได้รับคำตอบ ๒ ก.ก.ราคา ๘๐ บาท” แน่ะ
ทั่นยังอุตส่าห์ใส่อารมณ์ขัน
นายหัวตรังยังให้เบาะแส มีแต่สองจังหวัดเล็กๆ ยังไม่ตายหยังเขียดเหมือนที่อื่นๆ
คือชุมพรและระนอง ที่หัวหน้า คสช. ขวัญใจสลิ่มกรุงและ กปปส.ใต้ กำลังจะเดินสายไปเยี่ยม
“ผมเองก็เตรียมข้อมูลไปไว้รายงานให้ รมว.เกษตรได้รับทราบ
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการส่งเสริมการท่องเที่ยว”
ส่งการท่องเที่ยวช่วงนี้คงไม่ค่อยไหว หลังจากเหตุเรือเฟอรี่อับปาง
นักท่องเที่ยวจีนตายระนาวที่ภูเก็ต แล้วพากันยกเลิกจองทัวร์เกือบเกลี้ยง กว่าจะฟื้นคืนได้น่าจะอีกพักใหญ่
แต่ก็ดีแล้วละที่นายหัวต่อสายผูกมิตรไว้กับ คสช.
ซึ่งดูท่าเตรียมการอยู่ต่ออีกรอบ ยังไม่รู้จะออกมารูปไหน เวลานี้พลังประชารัฐยังเอาแน่ไม่ได้
ต่อไปใช้พลัง ปชป. เสียบ คงสมกันดั่งกิ่งทองใบหยก