นายกฯ แบบ ‘ใจถึงพึ่งได้’
ไม่ต้องผ่านเลือกตั้งของคนเมืองเพชรนี่ อยู่มาสี่ปีสะสมหนี้ไว้ให้คนทั้งประเทศ ๖
ล้านล้านครึ่งแล้วนะ ถ้าอยู่ตลอดชีวิตลูกหลานมิต้องตามชดใช้กันถึงเจ็ดชั่วโคตรละหรือ
ตู่ไปเพชรบุรีตอนน้ำยังไม่ท่วมดีรับพระเครื่องและจตุคามรามเทพ
ไว้ป้องกันงูเงี้ยวเขี้ยวขอ มีหน้าม้ารอจับมือแล้วประพฤติเหมือนคำที่หม่อมเต่านาใช้บอกกับคนที่โพสต์เฟชบุ๊ค
ก้าวก่ายเรื่องที่เธอเห็นต่างกับพ่อ
“ชาวบ้านได้ขอให้นายกฯ ดูแลคน ๗๐ ล้านคนต่อไป โดย
พล.อ.ประยุทธ์ ถามว่าทำไมต้องเป็นผม ชาวบ้านตอบว่าเพราะใจถึงพึ่งได้”
แล้วยังออดอ้อนต่อว่า “อยากให้เป็นนายกฯไปตลอดชีวิตได้ไหม”
“บิ๊กตู่บอก ไม่รู้สึกอะไรทั้งสิ้น
ลงพื้นที่จังหวัดไหนก็มีแต่ประชาชนเชียร์ให้เป็นนายกฯ” Wassana Nanuamนักข่าวประจำกองทัพเผยคำ “ชาชิน ซะแล้ว มีแต่ความรู้สึกปกติ”
จากนั้นรีบแก้ตัว “ผมไม่ใช่นักการเมือง ผมทำงานการเมืองให้
วันนี้ถ้าเป็นนักการเมืองไปไม่ได้ทุกพื้นที่ แต่ผมไปได้ทุกพื้นที่”
หวังว่าชาวบ้านคนนี้จะอยู่กับนายกฯ
สุดที่รักไปตลอดชีวิตด้วยนะ จะได้ช่วยคน ๗๐ ล้านใช้หนี้ที่รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์
จันทร์โอชา ก่อเพิ่มอีกเกือบเป็นล้านล้าน ในช่วงสี่ปีที่ยึดอำนาจจากรัฐบาลเลือกตั้งเอามาครองนี่น่ะ
ดูรายงาน สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ จะเห็นว่า ตัวเลขหนี้สินของประเทศเวลานี้ปาเข้าไป
๖,๕๓๑,๕๐๙ ล้านบาทแล้ว เพิ่มจากเมื่อปี ๕๗ ก่อนประยุทธ์นำคณะทหารยึดอำนาจจากรัฐบาล
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถึง ๙๙๘,๔๙๕ ล้านบาท
‘ไอสเปช’ แสดงตารางหนี้สาธารณะประเภทต่างๆ
พบว่าก้อนใหญ่ที่สุดเป็นหนี้ของรัฐบาลที่เพิ่มอย่างต่อเนื่องในยุคที่คณะทหารของประยุทธ์ครองเมือง
“และไม่มีท่าทีหรือแนวโน้มว่าตัวเลขหนี้สินดังกล่าวจะลดลงแต่อย่างใด”
ทั้งนี้เป็นเพราะรัฐบาลทหารของประยุทธ์ “จัดทำงบประมาณแบบขาดดุลอย่างต่อเนื่อง”
แล้วยังยุค คสช. ของพ่อคุณคนเมืองเพชรนี่
มีการคอรัปชั่นสูงเป็นประวัติการณ์
ตามรายงานวิจัยของมหาวิทยาลัยหอการค้าเมื่อเดือนธันวา ๖๐ พบว่าดัชนีคอรัปชั่นเพิ่มขึ้นถึง
๓๗ เปอร์เซ็นต์
นอกจากจะสูงสุดในรอบสามปีนับแต่ ๒๕๕๘ แล้ว ยังคาดว่าในปี
๒๕๖๑ นี้ดัชนีคอรัปชั่นยุคบิ๊กตู่จะโด่งขึ้นไปเป็น ๔๘ เปอร์เซ็นต์ ดร.ธนวรรธน์
พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจ ม.หอการค้า เพิ่มเติมด้วยว่า
“อัตราการจ่ายใต้โต๊ะปี ๒๕๖๐ อยู่ที่ร้อยละ ๕–๑๕ สูงสุดในรอบ
๓ ปี” เช่นกัน เมื่อปี ๕๘ นั้นมีการจ่ายใต้โต๊ะเฉลี่ยร้อยละ ๑-๑๕ ซึ่งสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจปีละ ๑-๒ แสนล้านบาท
ยิ่งปีนี้มีการประมูลเมกะโปรเจ็คมากมาย
งบรายจ่ายของรัฐบาลประยุทธ์ถีบขึ้นไปเป็น ๒.๙ ล้านล้านบาท ในอัตราคอรัปชั่นคงที่
๕-๑๕ เปอร์เซ็นต์ เชื่อว่าเงินรายได้รัฐจากภาษีของประชาชนจะถูกปล้นไปไม่น้อยกว่า
๑๔๕,๐๐๐ ถึง ๔๓๕,๐๐๐ ล้านบาทนั่นเลย
เห็นจะจะ
จากที่องค์การต่อต้านคอรัปชั่น โดยนายมานะ นิมิตรมงคล
ออกมาเปิดโปงโครงการจัดซื้อดาวเทียมของรัฐบาลประยุทธ์ มูลค่า ๗ พันล้านบาทว่า “จงใจปิดบัง
ตั้งใจเลี่ยงกฎหมาย...ไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ. จัดซื้อจัดจ้างฯ
ขาดธรรมาภิบาลและเกิดผลประโยชน์ทับซ้อน”
นายมานะอ้างว่า ผู้สังเกตุการณ์อิสระได้ทำรายงานการตรวจสอบ “ตามข้อตกลงคุณธรรม”
ไว้แล้ว ๔ ฉบับ ความยาว ๑๓ หน้า พบว่ามีการเจรจาและร่างสัญญา “ที่ไปตกลงไว้เงียบๆ
กับคนขาย” จึงตั้งข้อสงสัยว่า
“เป็นไปตามเงื่อนไขการจัดซื้อที่กำหนดไว้แต่แรกจริงหรือไม่ หากยังไม่ทำให้โปร่งใส
คณะผู้สังเกตการณ์อิสระมีสิทธิ์ที่จะนำข้อมูลที่พบเห็นมารายงานต่อสาธารณะ และ
ยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. และ สตง.” ต่อไป
และคงไม่ใช่บังเอิญที่ คณบดีของนิด้าคนหนึ่งเกิดความอัดอั้นกับ
‘การโกง’ ในรัฐบาลชุดนี้ รศ.ดร.พิชาย
รัตนดิลก ณ ภูเก็ต “โพสต์เฟซบุ๊กอัดเป็นยุคผู้ปกครองผยอง นายทุนเริงร่า ประชารันทด”
มีแต่คำพูดหรูๆ สวนความรู้สึกประชาชน
ในโพสต์ตอนหนึ่งระบุว่า “เขตเศรษฐกิจพิเศษ (อีอีซี) เอาใจนายทุนกันสุดๆ
โดยไม่แยแสกับผังเมืองและผลกระทบสิ่งแวดล้อม แถมยังเปิดช่องให้เช่าที่ดินถึง ๙๙ ปี
รวมทั้งยกเว้นภาษีอีกหลายประเภท”
มิหนำซ้ำ “ผู้บริหารประเทศบางกลุ่มกำลังวางแผนเอาทรัพย์สินรัฐวิสาหกิจ
ให้นายทุนใช้ประโยชน์ การทุจริตถูกกล่าวขานว่ามีมากยิ่งกว่ายุคนักการเมืองบริหาร”
อีกทั้งการอ้างตัวเลขเศรษฐกิจเติบโต “แล้วบอกว่าประชาชนจะได้รับประโยชน์อย่างทั่วถึงนั้น
ใครเขาจะเชื่อ
เมื่อประสบการณ์จริงที่ชาวบ้านเจอในชีวิตประจำวัน
ต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับสิ่งที่รัฐบาลพูด”