คำพูดของนายกทักษิณที่ฮ่องกงที่ว่า “สงครามเพื่อประชาธิปไตยยังไม่จบ ถ้ายังไม่หยุดสู้ก็ยังไม่แพ้” ได้สร้างตื่นตระหนกให้กับเผด็จการและลิ่วล้อจนถึงขั้นเสียกิริยา จึงพากันดาหน้าออกมาโจมตีโดยไม่ได้คิดว่าวาทกรรมที่ประดิษฐ์มาใส่ร้ายอดีตนายกทั้งสองนั้นคือ “การดูถูกประชาชน”
สงครามเพื่อประชาธิปไตยคือการต่อสู้ทางความคิด เพราะประชาชนได้ตระหนักแล้วว่ามีเพียงประชาธิปไตยเท่านั้นที่ทำให้ทุกคนอยู่บนแผ่นดินเดียวกันได้อย่างมีศักดิ์ศรี ทั้งยังเป็นเครื่องมือสร้างความเชื่อมั่นในทางเศรษฐกิจที่จะทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ประชาชนเห็นแล้วว่าตลอด 4 ปีของการรัฐประหารมีเพียงเผด็จการและลิ่วล้อเท่านั้นที่เสวยสุข ใช้อำนาจและงบประมาณได้ตามอำเภอใจแต่ประชาชนทุกข์ยาก
ในสงครามเพื่อประชาธิปไตยต่างคนต่างมีบทบาทในการต่อสู้ ประชาชนต่อสู้เพื่ออนาคตของตัวเองและลูกหลาน ไม่ได้รับจ้างใครมาสู้ หรือสู้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว หรือสู้เพื่อใครคนใดคนหนึ่ง ต่างจากลิ่วล้อเผด็จการและพรรคการเมืองบางพรรคที่ทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัว บางคนอยากมีโอกาสได้นั่งชูคอในสถานที่ที่ควรมาจากประชาชน จึงยอมเอาสิทธิและเสรีภาพของคนทั้งประเทศไปแลกกับเศษอาจมที่เผด็จการจะโยนมาให้ คนเหล่านี้ต่างหากที่เป็นกากเดนหรือขี้ข้าของเผด็จการ
การที่ประชาชนยังมีความรักความปรารถนาดีต่ออดีตนายกทั้งสอง เพราะเป็นคนที่พวกเขาเลือกมากับมือและได้ทำหน้าที่ให้กับประชาชนจนวันสุดท้ายก่อนถูกปล้นอำนาจ ทุกคนจึงเข้าใจดีถึงบริบททางการเมืองที่เป็นเหตุให้ทั้งสองต้องจากบ้านเกิด ความผูกพันนี้เป็นสิ่งที่เผด็จการและลิ่วล้อไม่มีวันเข้าใจ เพราะพวกเขาสัมพันธ์กันด้วยผลประโยชน์และการต่อรอง จึงเก็บอาการไม่อยู่ทุกครั้งเมื่อได้เห็นคนที่ประชาชนเลือกส่งสัญญาณการต่อสู้ ด้วยจิตใจที่ต่างกันจึงนำมาซึ่งพลังที่ต่างกัน เราจึงได้เห็นประชาชนมือเปล่าไม่ยอมจำนนต่อคนถือปืน ส่วนเผด็จการที่มีทั้งอำนาจและอาวุธกลับหวาดผวาทุกครั้งเมื่อถูกเอ่ยถึงการเลือกตั้ง
วัฒนา เมืองสุข
12 สิงหาคม 2561
Watana Muangsook