“เรื่องนี้ไม่น่าจะเกี่ยวกับการเดินทางไปเยือนสหราชอาณาจักรของนายกฯ”
เป็นการตอบข้อซักถามนักข่าวตอนหนึ่งของ ดอน ปรมัตถ์วินัย เกี่ยวกับกรณีที่ ‘บีบีซีไทย’
ปูด และพาดพิงทั้งๆ ที่มีการ ‘ร้องขอ’ ให้ปิดเป็นความลับ
ลับเสียจน “จำไม่ได้เลยว่าเรื่องนี้เคยผ่านเข้ามา ผมยังสอบถามเจ้าหน้าที่ว่าเรื่องนี้เคยผ่านมาทางเราหรือไม่
เพราะเหมือนไม่เคยเห็น” รมว.ต่างประเทศอ้างเป็นการดำเนินงานตามขั้นตอน
“ไม่ใช่เรื่องนโยบาย...ไม่ต้องรายงาน”
เรื่องมีอยู่ว่า สถานทูตไทยในกรุงลอนดอนมีจดหมายถึงกระทรวงต่างประเทศอังกฤษขอให้ส่งตัว
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แก่ทางการไทยในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน ตามสนธิสัญญาระหว่างสหราชอาณาจักรและสยามปี ค.ศ.๑๙๑๑
และหากไม่พบความผิดตามที่ระบุในสนธิสัญญาโบราณดังกล่าว
“รัฐบาลไทยจึงร้องขอมาด้วยความเคารพให้รัฐบาลอังกฤษได้พิจารณาความผิดข้ออื่นๆ
ที่ระบุไว้...ว่าการส่งตัวกลับอาจกระทำได้ภายใต้ความเห็นชอบของประเทศนั้น”
นั่นคือถ้ารัฐบาลอังกฤษเห็นด้วยว่า
‘ความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต’ ของน.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น
ไม่ใช่ความผิดทางการเมืองของไทยอันไม่เกี่ยวกับการเมืองอังกฤษ และยอมรับความชอบธรรมแห่งอำนาจของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งได้ออกหมายจับตั้งแต่มีคำตัดสินเมื่อ
๒๗ กันยายน ๒๕๖๐ ไว้แล้ว
ขณะที่ พ.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เจ้านายของดอนก็ยอมรับว่าเป็นเรื่อง ‘ขั้นตอน’ เช่นกัน “ขึ้นอยู่กับอังกฤษ
ชี้แม้เห็นตัวแต่ไม่ใช่จะไปจับตัวได้ในต่างประเทศ
ถ้าเขาไม่ตอบเอกสารมาอย่างเป็นทางการ เราก็ไปจับไม่ได้” (Wassana Nanuam)
อันนี้ ‘บิ๊กตู่’ ของวาสนา
ใช้ภาษาไทยผิดพลาดอีกแล้ว ถึงแม้ว่าอังกฤษเอออวยด้วยกับสถานทูตไทย ก็ไม่ใช่รัฐบาล
คสช. จะสามารถ ‘ก้าวล่วง’ ไปจับตัว
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในลอนดอนได้ ต้องให้ทางการอังกฤษเป็นผู้ดำเนินการส่งตัวให้เอง
การจะเป็นผู้นำที่ใครๆ ยอมรับ ‘legitimated’ นั้นต้องปลอดจากการกระทำอย่างสุกเอาเผากิน
และเลิกใช้กิริยาไม่เคารพต่อสาธารณะด้วย อย่างที่เขียนข้อความด้วยลายมือขยุกขยุย
อ่านไม่ได้ศัพท์ “เขี่ยชุ่ยๆ แสดงความมี ego สูง
เอาตัวเองเป็นใหญ่ ไร้สำนึกสาธารณะ” ดังเช่น Suda Rangkupan สับ
ก็ยังมีคนพยายามแกะออกมาอ่านได้บ้าง เจอคำสะกดผิดเสียอีก “#อักษรศาสตร์จุฬาเขาฝากมาบอกไอ้ตูบ” (จากโพสต์ของ บุญชาญ บรรจง July 28 at 9:55
PM)
จะสวม ‘หัวโขน’ หรือไม่
มันไม่เกี่ยวกับบุคคลิกภาพ ดันอยู่ในตำแหน่งที่ยึดจากคนที่มี ‘legitimacy’ มานี่ก็กว่าสี่ปี แล้วทำท่าจะอยู่ต่ออีก ๕ ปี
น่าที่จะรู้คิดและเริ่มทำตัวให้สมกับ ‘ตำแหน่ง’ เสียที
ถ้าเป็นในประเทศประชาธิปไตยบางแห่ง
ประชาชนเขาอาจไม่เลือกซ้ำ หรือร้ายกว่านั้นก็อาจจะโดน ‘impeach’ แต่ในไตแลนเดียเมื่อใช้วิถีประชาธิปไตยไม่ได้
ไม่ช้าก็เร็วจะต้องมีวงจรอุบาทว์ของการยึดอำนาจหมุนเวียนมาอีก
“บิ๊กตู่ยกหัวโขน
เหน็บพวกอยากใหญ่ อยากเป็นนายกฯ อยากมีอำนาจ บ้าบอคอแตก”
วาสนารายงานเหตุเกิดระหว่างประยุทธ์เดินชมนิทรรศการของศูนย์ศิลปาชีพ อยุธยา
ในงานของกระทรวงวัฒนธรรม “อย่าคิดว่าเป็นนายกฯ แล้วมีอำนาจสูงสุด
ไม่ใช่...ชี้มือขึ้นเหนือหัว พร้อมระบุ แต่ที่สูงกว่าคือหน้าที่ความรับผิดชอบ”
หน้าที่
และความรับผิดชอบ เป็นสองสิ่งที่ไปด้วยกันก็ได้ หรือจะแยกกันเดิน (แล้วร่วมกันตี)
มิฉะนั้นต่างคนต่างเดินก็ได้เหมือนกัน ในอารยธรรมสมัยใหม่ ศตวรรษที่ ๒๑ นี่
มีความจำเป็นอย่างยิ่งต้องถ่วงดุลด้วยสิทธิมนุษยชน และเสรีภาพของปัจเจกชน
แต่ที่ประยุทธ์และ
คสช.ทำมาตลอดสี่ปีกว่า
ไม่มีการถ่วงดุลให้เป็นไปตามครรลองของอารยธรรมสมัยใหม่เลยแม้แต่น้อย
มีแต่หน้าที่กำจัดคนที่คัดค้าน และความรับผิดชอบต่อพวกพ้องที่ชักนำกันเข้ามาเท่านั้น
ตัวอย่างล่าสุดจากการที่
คสช.แจ้งความดำเนินคดีต่อนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ว่าที่หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่
จากการที่เขาดำเนินรายการสดทางเฟชบุ๊ค เพราะ “พาดพิงถึง คสช.ว่ามีการดูด
ส.ส.โดยใช้คดีความที่ติดตัว
ส.ส.แต่ละคน
มาเป็นเครื่องต่อรอง”
และ “นอกจากนี้ยังมีการเชิญชวนให้คนที่ติดตามมาโพสต์
มาร่วมลงชื่อรื้อกระบวนการยุติธรรม” นี่นะผิด พรบ.คอมพิวเตอร์ ถือว่า “สร้างความตื่นตระหนกยุยงและเป็นภัยต่อความมั่นคง”
มันเป็นการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่เห็นต่าง
ไม่สอดคล้องกับมาตรฐานด้านสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพมหาชน
ที่ยอมรับและปฏิบัติกันอย่างจริงจังในอารยประเทศ เช่น สหราชอาณาจักรเป็นอาทิ
(หมายเหตุ 'Update' เพิ่มเติม :ดูสนธิสัญญาโบราณ สหราชอาณาจักรกับสยาม ค.ศ.๑๙๑๑ ข้อ ๕ "ระบุว่า ถ้าผู้ร้ายที่หนีมายังประเทศใดประเทศนั้น เห็นว่า โทษที่ขอให้ส่งตัวไปชำระนั้น เป็นโทษมีลักษณะผิดต่ออำนาจของบ้านเมืองก็ดี หรือว่าผู้ร้ายนั้นนำพยานพิสูจน์ให้เห็นว่า การที่ขอให้ส่งตัวกลับไป เป็นการเพื่อจะชำระและลงโทษ อันมีลักษณะผิดต่ออำนาจของบ้านเมืองแล้ว ก็ไม่ต้องส่งผู้ร้ายคนนั้นให้แก่กัน"
ดูรายงานของ 'อิศรา' https://www.isranews.org/isranews/68240-isranews111-68240.html)