วันพฤหัสบดี, เมษายน 12, 2561

นางสงกรานต์ทำนายจากเขาพระสุเมรุ ช่วยอะไรไม่ได้เมื่อเศรษฐกิจยังดิ่ง


เผื่อใครยังไม่ดู นางสงกรานต์ปีนี้ชื่อ มโหธรเทวีทำหน้าที่ “อัญเชิญพระเศียรของท้าวกบิลพรหม แห่รอบเขาพระสุเมรุในวันมหาสงกรานต์” เพื่อการเถลิงศกใหม่

นาง “ทรงพาหุรัด ทัดดอกสามหาว (ผักตบชวา) อาภรณ์แก้วนิลรัตน์ ภักษาหารเนื้อทราย หัตถ์ขวาทรงจักร หัตถ์ซ้ายทรงตรีศูล เสด็จยืนมาเหนือหลังมยุรา (นกยูง)”

นอกจากมือขวาและซ้ายเอา จักรีมาแยกถืออย่างละมือแล้ว มีคำทำนายว่า ปีนี้ แม้ต้นปีน้ำจะน้อย แต่พอกลางปีจะ งามจนถึงปลายปีจะ มีมากแลไม่แต่เท่านั้น

“ข้าวกล้าในนาได้ผล ๙ ส่วน เสีย ๑ ส่วน ธัญญาหาร พลาหาร มัจฉมังสาหาร จะบริบูรณ์” นี่จะเป็นสาเหตุให้มีการเด้งปลัดกระทรวงการคลัง ไปเป็นเลขาธิการสำนักพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม (สศช.) และนายสมชัย สัจจพงษ์ ที่ถูกเด้ง ประกาศลาออกจากราชการทันควัน หรือเปล่าไม่รู้ละ

เพราะที่ผ่านมาสองปีกว่านายสมชัยปากไว ใจร้อน ให้สัมภาษณ์สื่อล้ำหน้ารองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจบ่อยไปหน่อย เช่นบอกว่าไทยเดินตามเห็บสยามโมเดล คือมีชีวิตอยู่กับการกระโดดเกาะชาติอื่นกิน ทั้งยังแจงเรื่องความเสี่ยงต่างๆ ของเศรษฐกิจไทย ขณะที่ทีมเศรษฐกิจของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มักคุยสม่ำเสมอว่า ชาวไทยจะหายจนภายในหนึ่งปีบ้าง ปีหน้าเศรษฐกิจไทยจะทะยานพุ่งปรี๊ดบ้าง

(ดูรายละเอียด เบื้องลึก การเด้งนายสมชัย ได้ที่ https://www.matichon.co.th/news/913901)

อย่างไรก็ดี การเด้งปลัดคลังครั้งนี้วุ่นพอดู ดังที่ ดร.ณรงค์ รุ่งธนวงศ์ โพสต์วิจารณ์ ว่า “บ้าบอคอแตกกันไปใหญ่ เอาปลัดคลังไปเป็นเลขาฯ สภาพัฒน์ฯ เอาเลขาสภาพัฒน์ฯ ไปเป็นปลัดฯ พม. (กระทรวงพัฒนาสังคมฯ)...

ส่วนปลัดฯ พม.ที่โดนเด้งไปอยู่ทำเนียบฯ เพราะมีเรื่องคอรัปชั่นร้ายแรงกรณีโกงเงินคนจน (๖๙ จังหวัด) แต่ปลัดศึกษาธิการกลับอยู่ได้ โกงเงินคนยากไร้กับโกงเงินนักเรียนมันต่างกันตรงไหน...แตะไปตรงไหนหนองแตกตรงนั้น...”

แล้วยังโฆษกไก่อูมีหน้ามาตอแหลว่า สารพัดการโกงนั่นเกิดก่อนรัฐบาล คสช. จะเข้ามา เลยทำให้ Wanchalearm Satsaksit อดรนทนไม่ไหว อุตส่าห์รวบรวมผลงานรัฐบาล คสช. เอามาตีแผ่ประจานไว้ยาวเหยียด ยกมาให้ดูแค่ชิมลาง
 
“เอาลูกเมียญาติมิตร สนช./สปท. มาเป็นผู้ช่วย, จัดซื้อไมค์ (ทองคำ) ประจำทำเนียบ, เงินหัวคิวราชภักดิ์, ขุดลอกคลอง ทหารผ่านศึกเรียกหัวคิวแล้วทิ้งงานเฉย, ขายที่ดินให้เสี่ยเจริญราคา ๖๐๐ ล้าน ใช้ชื่อบริษัทฟอกเงิน, ลูกคนโตของน้องชายตั้งบริษัทในค่ายทหารรับงานจากกองทัพภาค,

ทริปฮาวาย ๒๐ ล้าน กินคาเวียร์ พานักข่าวสาวช่อง ๕ ไปทัศนศึกษากับชายแก่ยังโสด, เรือดำน้ำจากจีน เกือบสี่หมื่นล้านบาท ไว้งมหอย ชมแมงกะพรุน, ขบวนรถประจำตำแหน่งใหม่ ๔-๕ คัน คันละ ๒๐ ล้าน, ติดตั้งโซลาร์เซลเสาไฟชายแดนใต้แพงหูฉี่ ใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง,

เครื่องกรองน้ำราคา ๕ แสน ๕๐ เครื่อง รมว.กลาโหม (หัวใจบายพ้าส) บอกว่าถูกมาก, แก้ปัญหาพืชผลตกต่ำให้เปลี่ยนไปปลูกหมามุ่ยเอย ข้าวโพดเอย มะนาวเอย ไม่ได้เรื่องสักอย่าง, เปิดตลาดโลกไม่ได้ ทำได้แค่ตลาดน้ำข้างทำเนียบ เจ๊งอีกต่างหาก,

เอาข้าวดีตกค้างโครงการจำนำไปขายเป็นข้าวหัก พ่อค้าซื้อไปแล้วเอากลับออกมาใส่ถุงขายใหม่กำไรเละ, การเก็บภาษีไม่ได้ตามเป้า ยอดดิ่งโดยละม่อม...ทำให้ตอนนี้ คสช.ต้องกู้เงินมาเพิ่มเงินคงคลังที่ตกต่ำ โดยกู้ไปแล้วเกือบ ๒ ล้านล้าน,

สร้างรางรถไฟรางคู่ที่สถานีกลางดง ให้ชื่อว่า ‘กั๊กกลางดง’ ระยะทาง ๓.๕ กม. ร่วมกับรัฐบาลจีน โดยค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าสมัยปูเกือบเท่าตัว, เปิดแนวรบใหม่กับผักตบชวา กำจัดผักตบชวาไปแล้วกว่า ๑๐ ล้านต้น ถือเป็นผลงานล้ำเลิศของ คสช.”

พอหอมปากหอมคอ อยากดูเต็มๆ ไปที่นี่ https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=10156454980343243&id=607633242

แล้วยังมี “แก้ ๓๐ บาทรักษาทุกโรค แบบซ่อนรูป โดยเอาไปแอบใส่ไว้ในยุทธศาสตร์ ๒๐ ปี จะทำให้การจัดซื้อจัดจ้างกลับมาผูกกับ สธ. และจะเอื้อให้เกิดการบริการย้อนยุค” ที่ Atukkit Sawangsuk บอก “เพิ่งมีเวลาอ่าน และพบว่า แม่-ซ่อนกลอย่างจัญไรมาก”

เช่นกัน อ่านละเอียดได้ที่ https://www.facebook.com/baitongpost/posts/1733831896698632
และใหม่เอี่ยมฉลองสงกรานต์ “สำนักเลขาธิการนายกฯ เผยแพร่แผนจัดซื้อจัดจ้าง เตรียมจ้างทำสติกเกอร์ไลน์ ประชาสัมพันธ์ข่าวสารรัฐบาลเชิงรุก วงเงิน ๗.๓ ล้านบาท” สำหรับใช้งาน ๓ เดือน นี่ไล่หลังออกวิงเกิ้ลใหม่แผ่นที่ ๖ หลัดๆ

มิใย วารสารออนไลน์ เดอะดิพลอแม็ทก็เพิ่งเสนอบทความเมื่อวันก่อน (๑๐ เมษา) เกี่ยวกับการจัดซื้อเครื่องขับไล่ไอพ่น อินทรีทอง ของเกาหลีใต้ รุ่น ที-๕๐ จำนวน ๘ ลำ ราคา ๒.๖ พันล้านดอลลาร์ หรือ  ราว ๘๑,๑๕๐ ล้านบาท ที่จะจัดส่งให้ได้ในปี ค.ศ.๒๐๒๐

เครื่องบินรุ่นเดียวกันนี้คณะฮุนต้าไทยจัดซื้อไปแล้วฝูงหนึ่ง ๔ ลำ เมื่อปี ค.ศ.๒๐๑๕ ตอนนั้นราคาแค่ ๑๑๐ ล้านดอลลาร์ หรือ ๓,๔๓๐ ล้านบาท ที่ Phompan Charoenchuang (in New York) มีคอมเม้นต์ว่า

เมื่อตอนเครื่องบินมาส่งตอนต้นปี ปรากฏว่าบินมาเจอฝนเครื่องพัง ต้องแวะจอดที่มาเลเซียรอเครื่องยนต์ส่งมาเปลี่ยนจากเกาหลี” และนี่ “จากลำละ ๘๕๘ ล้าน เมื่อปี ๒๐๑๕ กลายเป็นลำละ ๑๐,๑๔๐ ล้านบาท ในปี ๒๐๑๗ แพงขึ้นมา ๑๒ เท่าตัว”


เห็นหรือยังว่ารัฐบาล คสช.ไม่ทิ้งลายเสือตะวันออก ซื้อง่ายจ่ายคล่อง แต่หาเงินเข้าพกยังไม่ค่อยได้ ดังที่รายงานธนาคารกสิกรไทยเอ่ยถึง ภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนไทยช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ลดลงไปอยู่ที่ ๔๕.๖ จาก ๔๖.๓ ในเดือนกุมภา
ทั้งนี้อ้างว่าเพราะความกังวลของผู้บริโภคต่อภาวะราคาสินค้าในประเทศ และความเป็นห่วงต่อผลกระทบของสภาพเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน โดยเฉพาะการเผชิญหน้า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน แต่กระนั้นก็ยังทำนายว่าในอีก ๓ เดือนข้างหน้า ดัชนีจะแกว่งกลับขึ้นไปอยู่ที่ ๔๖.๓ ดังเดิม


ตัวเลขเล็กน้อย การเปลี่ยนแปลง ด้อยลงทีละ ๑ เปอร์เซ็นต์ อาจเทียบไม่ติดกับปริทัศน์ของนางสงกรานต์ จักรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ประชากรกำลังหลงใหลกับความสุขย้อนยุค และการบันเทิงในระหว่างฉลองสงกรานต์

หากแต่ปัจจัยที่ทำให้ดัชนีการครองชีพลดลง แท้จริงอยู่ที่ราคาพืชผลทางการเกษตรอันเป็น เส้นชีวิตหลักของภาวะอุดมสมบูรณ์ในเศรษฐกิจไทยนั้น ยังไม่ได้กระเตื้องขึ้นมากนัก และจะปรับตัวลดลงหลังจากการจับจ่ายฉลองสงกรานต์ผ่านไป คำทำนายของนางสงกรานต์ตอนนี้อาจไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นได้