วันพุธ, เมษายน 04, 2561

"อยากให้เปิดโปงคนโกง ไม่ว่าจะใหญ่โตแค่ไหน" ตอนนี้คนโกงถูกเปิดโปงแล้ว...





คนรับเช็คคือเปรม ลายเซ็นหลังเช็คก็ของเปรม
แถมเงินเข้ามูลนิธิเปรม ไม่ได้คืนเงินอีกต่างหาก

วัดธรรมกาย รับบริจาค เงินเข้าบัญชีวัด
พอวัดทราบเรื่องว่าเงินไม่ดี วัดก็คืนครบจำนวน
แต่ตำรวจบอกคืนแล้วก็ผิด ความผิดสำเร็จแล้ว

แบบนี้ เปรม จะตอบอย่างไร?
ไม่ว่าจะตอบอย่างไร ขอให้นึกถึงคำพูดตนเอง
วันนี้ คำพูดในอดีต กลับมาหาตัวแล้ว

กฎหมาย ถ้าหลายมาตรฐาน ละเว้นคนมีอำนาจ
คิดว่ากฎหมายจะศักดิ์สิทธิ์น่าเคารพไหม

#ถ้าเปรมไม่ผิดคนอื่นก็ไม่น่าผิด

เปิดโปงคนโกง ... ตอนนี้คนโกงโดนเปิดโปงแล้ว
แต่ถ้าไม่ยอมรับ ก็แต่งชุดกระโปรงตัวโปรดมาแถลงได้เลย
อิอิ


กูต้องได้ 100 ล้าน จากทักษิณแน่ๆ

(https://www.facebook.com/secret100million/photos/a.220399904824880.1073741829.128043194060552/794312820766916/?type=3&theater)

ooo





เนื่องจากคดีที่นายวิชัย กฤษฎาธานนท์ ผู้บริหาร บริษัท กฤษดามหานคร มหาชน จำกัด ได้นำเงินที่เกิดจากการกระทำความผิดฐานทุจริตปล่อยสินเชื่อของผู้บริหารกรุงไทยในปี 2546

ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวได้ถูกนำไปทำธุรกรรมต่ออีกหลายทอด และโอนไปอีกหลายสิบคน นำเงินที่เกิดจากการทุจริตไปยักย้ายถ่ายเท แต่ที่น่าสนใจคือเงินดังกล่าวกลับถูกพยายามโยงว่ามีปัญหาฟอกเงิน โดยเฉพาะกับกรณีที่ปรากฎชื่อของนายพานทองแท้ ชินวัตร (บุตรชายอดีตนายกรัฐมนตรี ดร.ทักษิณ ชินวัตร) มาเกี่ยวข้อง

ซึ่งในกรณีนี้ ที่มีความยามโยงเพื่อเอาผิดนายพานทองแท้นั้น ต้องทราบก่อนว่านายวิชัยออกเช็คให้นายพานทองแท้จำนวน 26 ล้านบาท แต่นายพานทองแท้ได้ปฏิเสธการรับเช็คที่จะออกให้และเช็คดังกล่าวก็ได้ถูกยกเลิกไปแล้ว จึงไม่มีการทำธุรกรรมใดๆเกิดขึ้นระหว่างนายวิชัยและนายพานทองแท้

นอกจากนี้ เมื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินต่างๆในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ปรากฏว่ามีการออกเช็คไปให้แก่

1. พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ (15 ธันวาคม 2546) จำนวน 250,000 บาท ภายหลังได้สลักหลังเช็คสั่งจ่ายเข้าบัญชีมูลนิธิสวนประวัติศาสตร์ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์

2. พลโทพะจุณณ์ ตามประทีป (31 ธันวาคม 2546) จำนวนเงิน 100,000 บาท

โดยเช็คที่โอนให้บุคคลทั้งสองได้ขึ้นเงินสำเร็จ และไม่มีการคืนเงินดังกล่าวในภายหลัง

3 เพื่อเป็นข้อมูลให้ทุกท่านทราบเพิ่มเติมว่านอกจากบุคคล2 คนที่กล่าวไปข้างต้น ยังมีคนที่ได้รับเงินจากนายวิชัย ซึ่งเป็นบัญชีเดียวกันกับที่จ่ายให้ พลเอกเปรม และพลโทพะจุณณ์ อีกกว่า 100 คน “แต่มีเพียงนายพานทองแท้ เพียงคนเดียวที่โดนเรียกสอบสวนและตกเป็นผู้ต้องหาคดีฟอกเงิน”

หากจะฟังว่าบุคคลผู้รับเงินทั้งสองข้างต้น (และที่ไม่ได้กล่าวถึงอีกกว่า 100 คน) ไม่มีเจตนาฟอกเงินหรือสมคบกันฟอกเงินกันนายวิชัย กฤษฎาธานนท์ แล้วไฉนกรณีของนายพานทองแท้กลับมีผู้พยายามโยงเพื่อเอาผิด

ทำไมคนหนึ่งไม่รับเงินและคืนเงินกลับผิด
ทำไมอีกฝ่ายทั้งรับเงินและไม่คืนเงินกลับไม่ผิด

ที่มา FB


กรุงไทย ใครโกง
Like This Page · March 29 ·


ooo




“ดีเอสไอว่างัย”

สืบเนื่องจากที่นายพานทองแท้หรือโอ๊คได้เผยแพร่ภาพเช็คที่สั่งจ่ายเงินให้พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ จำนวน 250,000 บาท และพลเรือโทพะจุณณ์ ตามประทีป (ยศขณะนั้น) จำนวน 100,000 บาท ต่อมาพลโทพิศณุ พุทธวงศ์ นายทหารคนสนิทของพลเอกเปรมออกมายอมรับว่าเช็คจำนวน 250,000 บาท ที่โอ๊คกล่าวถึงนั้น เป็นเช็คที่นายวิชัยจ่ายเพื่อการกุศล พลเอกเปรมจึงได้สลักหลังเช็คนำเข้าบัญชีมูลนิธิโดยไม่ได้นำไปใช้เพื่อการส่วนตัว

ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้คือนายวิชัย กฤษดาธานนท์ ผู้บริหารในเครือกฤษดามหานครซึ่งถูกศาลพิพากษาว่าเป็นผู้กระทำความผิดกรณีเงินกู้ธนาคารกรุงไทย ได้สั่งจ่ายเช็คให้กับพลเอกเปรมและพลเรือโทพะจุณณ์ โดยเช็คทั้งสองฉบับสั่งจ่ายจากบัญชีเดียวกันกับที่จ่ายให้กับโอ๊คเพื่อลงทุนทำธุรกิจร่วมกัน แต่ในที่สุดไม่ได้ทำโอ๊คจึงได้คืนเงินจำนวนดังกล่าวให้กับนายวิชัยไป ประเด็นของโอ๊คคือเหตุใดดีเอสไอจึงดำเนินคดีกับโอ๊คเพียงคนเดียว แต่ละเว้นที่จะดำเนินคดีกับพลเอกเปรมและพลเรือโทพะจุณณ์ทั้งที่ได้รับเช็คจากนายวิชัยเหมือนกัน

ส่วนที่พลโทพิศณุแถลงว่าเป็นการบริจาคเพื่อการกุศลนั้น หาได้เป็นข้อยกเว้นความผิดอาญาฐานฟอกเงินไม่ เพราะการนำเช็คเข้าบัญชีคือการรับโอนหรือเปลี่ยนสภาพครบองค์ประกอบความผิดฐานฟอกเงินแล้ว ดังเช่นที่สหกรณ์คลองจั่นได้บริจาคเงินให้กับวัดพระธรรมกาย ที่ทั้งผู้บริจาคและผู้รับบริจาคต่างถูกดำเนินคดีฐานฟอกเงินเช่นกัน ข้อยกเว้นที่จะทำให้ผู้รับเช็คไม่ตกเป็นผู้กระทำความผิดคือไม่ทราบว่าเป็นเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิด ซึ่งเป็นข้อต่อสู้ของโอ๊คต่อดีเอสไอ

ท้ายสุดอธิบดีดีเอสไอออกมาแถลงว่าการสั่งจ่ายเช็ครายที่มีมูลหนี้ต่อกันจริงๆ เช่น ชำระเป็นค่าที่ดิน ดีเอสไอก็ไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหานั้น ช่วยตอบผมหน่อยว่าการบริจาคเงิน 250,000 บาท หรือการจ่ายเช็คให้พลเรือโทพะจุณณ์ 100,000 บาท มีมูลหนี้ต่อกันอย่างไร โดยเฉพาะการบริจาคที่กฎหมายถือเป็นการให้ซึ่งจะสมบูรณ์ได้ด้วยการส่งมอบตาม ปพพ. มาตรา 523 ก่อนการบริจาคจึงไม่อาจมีมูลหนี้ใดๆ ต่อกันได้เลย แก้ตัวให้ดีนะครับทั้งสังคมกำลังจับตา อย่าสองมาตรฐานจนเคยตัว

วัฒนา เมืองสุข
3 เมษายน 2561

(https://www.facebook.com/photo.php?fbid=780029305526635&set=a.432104336985802.1073741827.100005587187129&type=3&theater)