วันอังคาร, กุมภาพันธ์ 14, 2560

การทำงานแบบ ‘ไม่มา ไม่ลา’ คุ้มค่าเงินภาษีประชาชนไหม?





วันนี้ทั่นนายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุดในยุค คสช. สองปีครึ่ง ตอบคำถามสังคมอย่างเจ๋ง

ต่อข้อติงของทูตสหรัฐและผู้บังคับการภาคพื้นแปซิฟิคที่ขนกำลังกว่า ๓,๕๐๐ คนมาฝึกโคบร้าโกลด์กับไทย ข่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตอบเรื่อง “กลับสู่ประชาธิปไตยโดยไว” ว่า

“ไทยกำลังเดินหน้าปฏิรูป และสร้างประชาธิปไตยที่สอดคล้องกับสภาพสังคม”

(http://news.voicetv.co.th/thailand/461784.html)

ต่อข้อเท็จจริงเรื่องมี สนช. ราว ๗ คน ส่วนใหญ่สายทหาร ในนั้นรวมถึงน้องชายนายกฯ ขาดการประชุมบ่อยเสียจนเข้าข่ายต้องถูกปลดจากตำแหน่งกินฟรีเงินเดือนแสนกว่า

“ก็ไปตรวจสอบกันมา จะครบหรือไม่ก็เป็นเรื่องของการตรวจสอบอย่าเอามาพันกัน” ทั่นหัวหน้าใหญ่ คสช. ไม่ได้ตวาด แต่ “ถ้าไม่ครบจริงเขาก็ต้องตัดชื่อออกและก็ต้องพ้นหน้าที่ไป ก็เท่านั้นเอง”





การนี้ขึ้นอยู่กับข้อโต้แย้งที่ว่า “ที่ผ่านมาไม่ใช่ พล.อ.ปรีชา (น้องชาย) ไม่มาประชุม สนช.เลย” นะเธอว์

(http://www.komchadluek.net/news/politic/260263)

เอาเรื่องคืนประชาธิปไตยก่อน ไอ้ที่ว่ากำลังเดินหน้าน่ะ ได้กี่ก้าว การเลือกตั้งเลื่อนจากกลางปี ๖๐ ไปกลางปี ๖๑ แล้วยังไม่รู้จะเลื่อนต่อไปอีกไหม

รัฐธรรมนูญใหม่ที่ใช้เป็นฐานของการ ‘ปฏิรูป’ ที่อ้างว่ากำลังเดินหน้านั้น ใครๆ ทั่วโลกเขามองเห็นว่ามันไม่ได้ ‘ประชาธิปไตย’ อะไรนัก ประเด็นสภาสูง (สว.) ที่มาจากการแต่งตั้ง ไว้สำหรับกำกับรัฐบาลที่จะมาจากการเลือกตั้ง นั่นก็หนักหนาสากรรจ์อยู่แล้ว

ยังมียุทธศาสตร์ ๒๐ ปีที่จะไว้ใช้ ‘บังคับ’ รัฐบาลเลือกตั้งต่อไปยืดยาว ไว้สกัดกั้นประชาธิปไตยอีกนานแสนนาน

พอถึงเรื่อง ‘น้องชาย’ นี่พี่แกตอบแบบแถๆ ไม่ค่อยฉะฉานนักนะ พูดภาษาอะไรล่ะ “ไม่ใช่ไม่มาเลย” แหม ถ้าไม่มาเลย เขาก็จะถามอีกว่า แล้วตั้งไว้ทำไร เงินเดือนละ ๑๑๓,๕๖๐ บาท ซื้อถุงยังชีพได้เยอะอยู่นา





อีกซ้ำน้องชายคนนี้มีคดีความคาราคาซังเกี่ยวกับลูกชายตั้งบริษัทรับเหมาก่อสร้างในค่ายทหาร (เอกาทศรถ ที่พิษณุโลก) รับงานกองทัพภาค ๓ ทั้งที่ “ไม่เคยมีผลงาน ไม่มีเครื่องมืออุปกรณ์เพียงพอ”

แต่ เมื่อถูกร้องเรียนให้ตรวจสอบ ผ่านมาหลายเดือน ปปช. กลับ “ยอมรับว่าการแสวงหาข้อเท็จจริงในกรณีนี้เกิดความล่าช้าและต้องสะดุดลงเล็กน้อย”

แค่อยู่ในขั้นแสวงหาข้อเท็จจริง ก็ยังไม่ได้ อ้างว่า “ต้องดำเนินการปรับปรุงระเบียบป.ป.ช.ให้สอดคล้องเสียก่อน”

(http://www.matichon.co.th/news/461309)

โอวนี่ ทีฟันเรื่องจำนำข้าว ไหงอะไรต่ออะไรมันช่างสอดคล้อง ว่องไว ร้อนถึงทั่นเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ต้องออกมาแถลงแก้เกี้ยวให้

“ผมยืนยันว่าไม่ได้สะดุดเฉพาะการแสวงหาข้อเท็จจริงในกรณีของลูก พล.อ.ปรีชาเท่านั้น แต่ทุกคดีเหมือนกันหมด ที่เราต้องชะลอไปเป็นเวลา ๒ เดือน” นายสรรเสริญ พลเจียก ลั่นคำค้ำประกัน

(http://www.matichon.co.th/news/462341)

แหม่ทั่น ไม่ต้องยืนก็ได้ แค่นั่งยันก็ฟังไม่ขึ้น ฟันไม่ลงอยู่แล้ว ในเมื่อเหล่าทหารหาญ ไม่ว่าจะเป็นน้องชายนายกฯ (ปลัดกลาโหม) หรือ ผบ.ทร. ผบ.ทอ. มาตรฐานเดียวกันหมดกับ ผอ.งบประมาณ อธิการ มธ. และเลขาฯ กฤษฎีกา

“ขาดประชุม” แล้วตรวจสอบไม่ได้ เพราะบันทึกหลักฐาน ‘ไม่มา ไม่ลา’ แต่ว่ารับเงินเดือนเต็ม มันโจ่งแจ้งอออกอย่างนั้น

ไม่เชื่อไปดูที่ ไอลอว์ แฉไว้ดิ “แม้การประชุม สนช. จะครบองค์ประชุมทุกครั้ง แต่ยังมีสมาชิก สนช. จำนวนหนึ่ง ที่ขาดประชุมบ่อยเป็นพิเศษ

จากการตรวจสอบพบว่า สมาชิกส่วนใหญ่ที่ขาดประชุมมักจะเป็นสมาชิก สนช. ซึ่งยังทำงานมีตำแหน่งเป็นข้าราชการประจำอยู่ด้วย”

เขาอ้าง ข้อบังคับการประชุม สนช. ข้อ ๖๓ และ ๘๒ ที่หมายความว่า “ในรอบระยะเวลา ๙๐ วัน ถ้าสมาชิก สนช.คนใดไม่มาลงมติเกินกว่าหนึ่งในสามของจำนวนการลงมติทั้งหมดในรอบระยะเวลานั้น จะต้องสิ้นสุดสมาชิกภาพความเป็น สนช.”

(https://ilaw.or.th/node/4409)





ILaw เขายังค้นพบอีกด้วยว่า “มีสมาชิกถึง ๔ คน มาลงมติไม่ถึงเกณฑ์สองรอบติดต่อกัน แม้ว่าอาจจะมีการส่งใบลาอย่างเป็นทางการ

แต่ก็น่าตั้งคำถามถึงความคุ้มค่าของเงินภาษีประชาชนหลักแสนที่ต้องเสียให้พวกเขา โดยที่ทำงานไม่ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำที่คาดหวัง” เสียด้วย

หนึ่งในสี่นั่นบังเอิญเป็น ปลัดฯ กลาโหม น้องชายนายกฯ นั่นเอง