วานนี้ที่เมืองไทย หัวหน้ารัฐประหาร หัวหน้ารัฐบาล คสช. ฝากให้โฆษกสำนักนายกฯ ขอโทษประชาชนเรื่องที่ตนแสดงกิริยากักขฬะระหว่างให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนวันก่อน
ต้นสายที่นี่ เก็บมาจากไทยรัฐฉบับวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ตอนแปดโมงเช้า “หน้าเบี้ยวอารมณ์บูดแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยก่อนประชุม ครม. สื่อโดนฉะแหลกทั้งถาม-ตอบ ล้วนไม่เข้าหู ฉุนขาดโยนของใส่วงนักข่าว เหน็บยุแยงตะแคงรั่ว ล้วงแคะ แกะ เกา จนน่ารำคาญ คนใกล้ชิดเผยหงุดหงิดเรื่อง รธน.-แต่งตั้งทหาร”
(http://www.thairath.co.th/content/571975)
ปลายเหตุตามนี้ จากไทยรัฐออนไลน์วันเดียวกัน เวลาทุ่มตรง พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด แจ้งว่า “นายกฯ ฝากขอโทษ ต่อสื่อฯ และประชาชนจากกรณีให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ ๒ ก.พ.ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ตนเชื่อว่านายกฯ รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน นายกฯ คงมีแรงกดดันมากพอสมควรกับความคาดหวังของประชาชน ว่าจะเป็นหัวหอกนำพาประเทศไปในทิศทางส่วนใหญ่ที่สังคมต้องการ”
(http://www.thairath.co.th/content/572312)
ยังมีคนแจ้ง symptom สมมุติฐานของโรคไว้อีกสองราย
@Prachaya_Ice ว่า “นายกฯบอกถ้าทุกคนยังเล่นงานผม ผมก็อยู่ไม่ได้ เป็นสิ่งรบกวนจิตใจผม ทำให้ผมทำงานได้ช้าลง เผยตนเชื่อเพลงคนดีไม่มีวันตาย เพื่อแก้อุปสรรคให้ได้”
ด้าน @WassanaNanuam ชี้ “บิ๊กตู่ เผยพยายามจะเป็นคนดีตามที่มีคนขอร้อง แต่วันนี้ตื่นมาตีสี่ก็ปวดหัวแล้ว ปัญหามันเยอะไปหมด”
เอ เรื่องเหล่านี้มันมากับคนที่จะเป็นใหญ่เป็นโตไม่ใช่หรือ depression แรงกดดัน expectation ความคาดหวัง ล้วนเป็น criteria ข้อเรียกร้องจำกัดสำหรับการเป็นผู้นำประเทศ ไม่ว่าที่ไหน กำพืดอย่างไร ทั้งนั้นแหละนาย
ดูอย่างเรื่องเล่านายกฯ ประเทศไตแลนเดียคนหนึ่ง ทำงานหักโหม มุ่งมาดมากมาย เห็นผลไม่น้อย ชาวบ้านชาวช่องร้องฮ้าร้องไฮ้กันเกรียว เช้าวันเสาร์หนึ่งกุลีกุจอหอบแฟ้มหัวกระเซิงไปให้ทันประชุมกลุ่มมนตรีที่สูง พอลงนั่งเก้าอี้ก็เปิดฉาก “เอ้าว่ามา” ไม่ดูตาม้าตาเรือว่าคนที่นั่งรออยู่นั่นล้วนหน้าง้ำ
“เดี๋ยวก่อนท่าน เรารอกันมาครึ่งชั่วโมงแล้วนะ ไม่ขอโทษซักคำเลยหรือ” หนึ่งในนั้นเห็นควรยกประเด็นนึ้นมาถกกันก่อน เท่านั้นแหละทำให้ผู้เป็นนายกฯ ของขึ้น
“นี่ผมทำงานนะครับ ตั้งแต่เช้ายันเย็นทุกวัน ไม่ได้เอาแต่นั่งคอยฟังชี้แจง (เหมือนพวกท่าน)” ถ้อยคำอย่างไรไม่แจ้ง แต่เนื้อความประมาณนี้
ว่ากันว่านั่นละเป็นจุดเริ่มต้นของการหักโค่นและตามล้างตามผลาญจนบัดนี้ นี่จะเป็นอุทธาหรณ์ไว้เล่าสอนใจต่อๆ กันไปหรือเปล่า ไม่รู้
ยิ่งข้ออ้างของการเข้ามาออกทีวีทุกวันศุกร์ ออกอินโฟกร๊าฟฟิคอวดรูป และเดินชมตั้งโต๊ะสินค้าหน้าทำเนียบฯ บอกว่าเพื่อยับยั้งคนในชาติ ‘กัดกัน’ พร้อมทั้งจัดการปฏิรูป และปราบคอรัปชั่น สองปีแล้วไม่เห็นมีอะไรดีขึ้นสักอย่าง
แม้เรื่องแรกจะเบาลงบ้าง ไม่ถึงกับ ‘กัด’ แต่ก็ยัง ‘ด่า’ กันอยู่ เรื่องสองยังมองไม่เห็นแสงเพราะทั่นบอกต้องยี่สิบปี เรื่องสามนี่หนักที่สุด หลุดลุ่ยไปเลย
ดร.จุรี วิจิตรวาทการ เลขาธิการมูลนิธิองค์กรเพื่อความโปร่งใสในประเทศไทย (Transparency Thailand) เผยว่า
“ผลการจัดอันดับดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชัน ประจำปี ๒๕๕๘ ประเทศไทยได้คะแนน ๓๘ คะแนนจากคะแนนเต็ม ๑๐๐ คะแนน อยู่อันดับที่ ๗๖ จาก ๑๖๘ ประเทศทั่วโลก และเป็นอันดับที่ ๓ ในกลุ่มประเทศอาเซียน”
(http://thaipublica.org/…/corruption-perceptions-index-2015…/)
ซึ่งก็ได้มีผู้รู้อีกท่านหนึ่งเอาไปขยายความ ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย ตีความว่า
“การที่คะแนนความโปร่งใสของไทยในปี ๒๕๕๗ และปี ๒๕๕๘ ออกมาเท่ากัน (๓๘ คะแนนจากคะแนนเต็ม ๑๐๐ คะแนนมาสองปีซ้อน) สะท้อนภาพที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งในด้านความโปร่งใสและการทุจริต...
๑. ในปี ๒๕๕๗ ส่วนหนึ่งยังอยู่ในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ และคะแนนปี ๒๕๕๗ เผยแพร่ออกมาในช่วงราวไตรมาสที่ ๓ ซึ่งแสดงว่าเป็นผลพวงการทำงานในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ส่วนคะแนนในปี ๒๕๕๘ เพิ่งจัดทำเสร็จและเผยแพร่ในเดือนมกราคม ๒๕๕๙
๒. การที่คะแนนเท่ากัน ในแง่หนึ่งแสดงให้เห็นว่าหากจะกล่าวว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์โกง ไม่โปร่งใส รัฐบาลประยุทธ์ ก็คงอยู่ในสถานะเดียวกัน เพราะได้คะแนนเท่ากัน
๓. ในทางตรงกันข้าม หากคิดว่ารัฐบาลประยุทธ์ทำดีด้านการแก้ไขปัญหาทุจริตและประพฤติมิชอบ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่ได้คะแนนเท่ากัน ก็มีความโปร่งใสเฉกเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตามในระยะที่ผ่านมา แม้รัฐบาลชุดปัจจุบันจะพยายามประกาศต่อสู้กับการทุจริตและประพฤติมิชอบ แต่ก็ยังมีปรากฏอยู่เนือง ๆ ดร.โสภณ ให้ข้อสังเกตว่าการทุจริตอาจกลายเป็น ‘เหตุการณ์ปกติ’ ไปแล้ว”
(http://www.area.co.th/thai/area_announce/area_press.php…)
ก็บังเอิญ มีคนเขียนเฟชบุ๊คในสิ่งที่พาดพิงกันได้ทั้งกรณีตุ๊ดตู่ปรี๊ดแตก และกับดัชนีคอรัปชั่นลัลล้าไม่ยอมร่วง
Thai Ariyaskun 14 hrs : “ได้ยินข่าวมาว่ารัฐบาลแอบทำโพลลับมาตลอด และพบว่าพรรคเพื่อไทยความนิยมยังนำอยู่ เลือกตั้งเมื่อไหร่ก็ชนะ แม้อาจจะได้จำนวน สส.ลดลง
นายกฯ ประยุทธ์เลยเครียด เพราะยึดอำนาจมาสองปีแล้ว ก็ไม่ทำให้ฐานเสียงเพื่อไทยลดลงเลย ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ตาม”
นั่นละ การทำงานใหญ่ สองปีแล้วยังไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร ก็ควรต้องหวนคิดกันบ้าง ของก็ยังไม่เสียเท่าไหร่ เสียแต่หน้านิดหน่อย ถ้าไม่ดันทุรังจะเอา ‘โร้ดแม็พ’ ให้ได้อย่างที่เป็นอยู่ละก็ มีทางออกสวยๆ ทำได้
ลองประมวลข้อคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญล่าสุดนี้ แล้วนำไปให้ตามีชัยแก้ไขเสีย บทบัญญัติส่วนไหนและกฎหมายลูกที่จำเป็นกลัวเขียนไม่ทัน ก็เอาเนื้อหาในฉบับเก่า หยิบเอาส่วนที่ดีกว่าของฉบับ ๔๐ และ ๕๐ มาใช้ เพื่อให้เลือกตั้งได้เสร็จสรรพ แล้วก็เดินไปข้างหน้าจากจุดนั้น ง่ายจะตาย
ช่วง ๑๔-๑๘ กุมภาพันธ์นี้ก็จะได้ไปเที่ยวอเมริกาสี่ซ้าห้าวันแล้ว เป็นโอกาสดีให้ตรึกตรองเสียใหม่ ปลอดโปร่งแจ่มใส และถูกต้องได้บ้าง
สภาพภูมิประเทศและบรรยากาศในท้องที่ซันนี่แลนด์ เขตอินดิโอ ของอัพคั้นตรี้รัฐแคลิฟอร์เนียใกล้เมืองพาล์มสปริง จะช่วยให้สมองคิดอะไรได้ชัดเจน และช่วยลดอาการไบ-โพลาร์ของทั่นผู้ณรรมลงไปบ้าง
ขัดข้องอย่างใด คนไทยที่มักคุ้นกับประชาธิปไตยของจริงแถวๆ นั้นมีจำนวนไม่น้อย พวกเขาบอกว่ายินดีให้คำปรึกษา
