ไปแน่ จะแค่สองสามวันหรือห้าวันก็ต้องไป รายการกระทบไหล่ผู้นำชาติอาเซียนในแดนมะกัน แล้วเผลอๆ อาจได้หนุงหนิงกับโอบาม่า ซะอีก
แต่ที่แน่กว่านั้นมาจากการแถลงโดยที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของรองนายกฯ บอกว่าการที่ประธานาธิบดีโอบาม่าเชิญพล.อ.ประยุทธ์ไปประชุมสุดยอดกับผู้นำอาเซียนอื่นๆ ในบรรยากาศชิลๆ ของสวนซันนี่แลนดส์ ในท้องที่แรนโชมิราจ ทางตะวันออกของนครลอส แองเจลีส ใกล้เมืองพาล์มสปริงนั้น
เพราะผู้นำอเมริกันไม่เลือกที่รักมักที่ชัง “อย่างเช่น บรูไน ซึ่งปกครองด้วยระบอบเผด็จการ ขณะที่เมียนมา แม้จะเป็นประชาธิปไตยแต่ก็ยังไม่สมบูรณ์ หรือแม้แต่เวียดนามที่ปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ สหรัฐก็เชิญมาหมดทุกชาติ”
นายปณิธาน วัฒนายากร ยังอ้างหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ฉบับเมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ด้วยว่า การที่ประธานาธิบดีสหรัฐเชิญพล.อ.ประยุทธ์ ทั้งที่มีตำแหน่งเป็นหัวหน้า คสช. ด้วยน่ะ
“เหมือนเป็นการเข้าใจต่อบทบาทท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ ในการยึดอำนาจ”
(http://www.posttoday.com/politic/414735)
แต่หนังสือพิมพ์คู่แข่งในกรุงวอชิงตันอีกฉบับไม่ได้ “ชื่นชม” แบบเดียวกันนั้นหรอกนะ เดอะวอชิงตันไทมส์ สายคอนเซิฟเวทีฟ บอกว่า “ที่โอบาม่าเชิญหัวหน้ารัฐประหารไทยไปแคลิฟอร์เนียเนี่ย โดนกระแสวิจารณ์ร้อนเร่าเลยเชียวละ”
บทความโดยนายริชาร์ด แอห์ริคท์ อ้างนักสิทธิมนุษยชน ผู้นำพรรคฝ่ายค้าน และนักวิชาการ ที่ต่างวิจารณ์การตัดสินใจเชิญของโอบาม่าว่าจะทำให้เอาไปอ้างกันได้ ว่าสหรัฐสนับสนุนรัฐบาลทหาร (ดูเหมือนปณิธานช่วยให้ข้อหานี้เป็นจริงแล้ว)
บทความเดอะวอชิงตันไทมส์เอ่ยถึงผู้อำนวยการส่วนกลางฮิวแมนไร้ท์ว้อทช์ด้านเอเซีย นายจอห์น ซิฟตัน ที่พยายามกดดันให้รัฐบาลโอบาม่าถอนคำเชิญต่อประยุทธ์กับนายฮุนเซ็นของกัมพูชา แต่ไม่เป็นผล
เมื่อทำเนียบขาวอ้างหลักการเป็นอันหนึ่งเดียวกันของกลุ่มอาเซียน ว่าถ้าปฏิเสธคนใดคนหนึ่ง คนอื่นๆ ก็จะพากันไม่มาทั้งหมด
อย่างไรก็ดี สำหรับนายซิฟตันเสริมว่า ถ้าหากประยุทธ์เดินทางมาจริงๆ ทางการสหรัฐก็ควรที่จะใช้โอกาสนี้กดดัน “ให้เขาเพลามือในการจับกุมพวกที่คัดค้านลงบ้าง”
ทางด้านนายเดวิด สเตร็คฟัสส์ นักวิชาการอเมริกันที่ประจำอยู่ในประเทศไทยเป็นเวลานานถึง ๒๕ ปี ให้ความเห็นแก่บทความของวอชิงตันไทมส์นี้ว่า “การเชิญผู้นำที่ทำให้ประเทศซึ่งเคยมีชีวิตชีวากับระบอบประชาธิปไตยต้องสิ้นสุดไปด้วยรัฐประหาร ๒๕๕๗ เช่นนี้ “เหมือนเตะเข้าบนใบหน้า”
สเตร็คฟัสส์เสริมอีกว่า สำหรับตัวเขา “คาดว่าจะมีการต่อต้านอย่างหนักจากคนไทยที่เรียกร้องประชาธิปไตย ไม่เช่นนั้นอย่างน้อยๆ ก็ก่อให้เกิดความไม่พอใจอย่างกว้างขวาง”
ไจล์ อึ๊งภากรณ์ นักวิชาการม้าร์คซิสต์ซึ่งประจำอยู่ในประเทศอังกฤษเพื่อความปลอดภัยจากไทยฮุนต้า เป็นอีกคนที่บทความของนายแอห์ริคท์อ้างอิง ว่าเขามีความเห็นต่อการที่โอบาม่าเชิญประยุทธ์ไปอเมริกาครั้งนี้ จะถูกประยุทธ์และ คสช. เอาไปใช้โฆษณาว่า ชุมชนนานาชาติให้การยอมรับคณะทหารผู้ยึดอำนาจปกครองในไทย
แต่สำหรับเอกอัคราชทูตอเมริกันประจำไทย นายกลิน เดวี่ส์ ให้สัมภาษณ์เมื่ออาทิตย์ที่แล้วว่าเขาไม่คิดว่าจะมีการต่อต้านอย่างแข็งขันจากกลุ่มคนไทยสนับสนุนประชาธิปไตย ถึงอย่างไรการเชิญก็ไม่ทำให้ท่าทีวิพากษ์การรัฐประหารและคณะทหารไทยของสหรัฐเปลี่ยนแปรไปได้
บทความกล่าวถึงผลประโยชน์อันพ้องต้องกันระหว่างผู้นำไทยกับสหรัฐในการไปร่วมประชุมสุดยอดอาเซียนที่แรนโชมิราจสองวัน ๑๕-๑๖ กุมภาพันธ์นี้ คือ คสช.ได้หน้า สหรัฐได้พวก ในสถานการณ์ที่จีนกำลังขยายอิทธิพลลงสู่เอเซียอาคเนย์
ขณะนี้เรือรบหลวง ยูเอสเอส ฟอร์ทเวิร์ธไปทอดสมออยู่ที่ภูเก็ตตั้งแต่เมื่อวันที่ ๓๐ มกราคม หลังจากตระเวนแถบทะเลจีนตอนใต้ใกล้หมู่เกาะสแปรตลี่ย์ ที่เป็นกรณีพิพาทระหว่างจีนกับฟิลิปปีนส์มานมนาน และจีนได้ไปเทคอนกรีตสร้างฐานทัพเรือของตนบนเกาะเล็กๆ เกาะหนึ่งแถบนั้น เสร็จสิ้นเมื่อไม่นานมานี้เอง
การเดินทางมาสหรัฐอีกครั้งของประยุทธ์กลางเดือนนี้จะฟู่ฟ่าเหมือนคราที่ไปนิวยอร์ค ในด้านมีการต้อนรับดังลั่นจากคนไทยเรียกร้องประชาธิปไตย หรือไม่ คงได้รู้กันอาทิตย์หน้า
ก่อนจะถึงวันนั้นเราขอปูเสื่อเล่าให้แฟนขลับลุ่งตู่ได้รับรู้กันไว้เกี่ยวกับ ‘ซันนี่แลนดส์’ สถานที่ประชุมอาเซียนซัมมิตครั้งนี้เล็กน้อย จะได้ไม่ต้องห่วงใยว่าทั่นผู้นำจะไปลำบากลำบน เพราะสถานที่นี้เป็นสวนรุกชาติกลางทะเลทราย ที่ได้สมยาว่า “แค้มป์เดวิดภาคพื้นตะวันตก”
แค้มป์เดวิดนั้นคือสวนขนาดยักษ์ไว้ให้ประธานาธิบดีอเมริกันใช้พักผ่อนหย่อนใจ ในเทือกเขาคาท็อคทิน เขตรัฐแมรี่แลนด์ มากว่า ๕๐ ปี และยังใช้เป็นที่ประธานาธิบดีไว้ต้อนรับอาคันตุกะผู้นำต่างชาติแบบผ่อนคลายอยู่เสมอๆ
ถึงแม้ทั่นตู่ไม่ได้รับเชิญไปแค้มป์เดวิด แต่ได้มาซันนี่แลนดส์ก็ไม่เลวแล้วละ ปกติที่นี่เป็นสถานที่เที่ยวธรรมชาติเปิดให้คนทั่วไปเข้าชม ดำเนินงานโดยมูลนิธิของอดีตทูตสหรัฐแอนนันเบิร์ก
ดังนั้นรับรองตุ๊ดตู่จะได้พบกับบรรยากาศสบายๆ หายติ๊ดแตกไปได้สองสามวันละ