ที่มา มติชนออนไลน์
1 ก.พ. 59
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ และอดีตผู้บังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบก.ปอท.) เปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า รัฐบาลจะพยายามโน้มน้าวให้เฟซบุ๊ก และไลน์ ปฏิบัติตามคำสั่งของศาล โดยให้ถอดเนื้อหาที่คิดว่าจะเป็นอันตรายต่อความสงบและความเรียบร้อย และเตรียมพบหารือกับผู้บริหารของทั้งสองบริษัทในอีก 3 เดือนข้างหน้านั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ไลน์ ประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์เรื่องดังกล่าว โดยระบุว่า ทางไลน์ ประเทศไทย ได้รับทราบเกี่ยวกับกรณีการขอตรวจเช็คข้อมูลการใช้บริการผ่านไลน์ ซึ่งทางบริษัทฯ ยังไม่ได้รับการติดต่ออย่างเป็นทางการจากหน่วยงานใด โดยไลน์ให้ความสำคัญสูงสุดในเรื่องการรักษาข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน หากทางไลน์ประเทศไทย ได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการ ทางบริษัทฯ พร้อมให้ความร่วมมือและพิจารณาเพื่อหามาตรการที่เหมาะสม ไม่ขัดต่อกฎหมายของประเทศไทย พร้อมยังคงยึดมั่นในมาตรฐานการรักษาข้อมูลของผู้ใช้งานไว้อย่างแน่นอน
ooo
ฟัง สปท.แจงเรื่องขอความร่วมมือไลน์ แง้มใช้มาตรการภาษีกดดัน
Tue, 2016-02-02
ที่มา ประชาไท
พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ ให้สัมภาษณ์รายการ "เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand" ตอบคำถามกรณีรัฐบาลจะขอความร่วมมือไลน์เซ็นเซอร์เนื้อหา ระบุกลุ่มสองคนขึ้นไปนับเป็นสาธารณะ แง้มใช้มาตรการทางภาษีต่อรอง
รายการ เจาะลึกทั่วไทย 1/2/59 : แฉรัฐบาลล็อบบี้ "เฟซบุ๊ค-ไลน์" เซ็นเซอร์โซเชียล
1 ก.พ. 2559 พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ในฐานะกรรมาธิการปฏิรูปสื่อสารมวลชน และประธานอนุกรรมการฯ ปฏิรูปสื่อออนไลน์ ให้สัมภาษณ์ ดนัย เอกมหาสวัสดิ์ และ อมรรัตน์ มหิทธิรุกข์ ผู้ดำเนินรายการ "เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand" ออกอากาศเมื่อวันที่ 1 ก.พ. เวลา 07.30 น. ทางช่องสปริงนิวส์ฯ กรณีมีข่าวว่า รัฐบาลจะขอความร่วมมือไลน์และเฟซบุ๊กให้เซ็นเซอร์เนื้อหาที่อาจก่อให้เกิดความเสียหาย
พล.ต.ต.พิสิษฐ์ กล่าวว่า ประเด็นเรื่องที่มีการใช้สื่อออนไลน์กระทบความเสียหายต่อประเทศชาติ เศรษฐกิจ สังคม และสถาบันหลัก หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง คือ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) และ สตช. แต่ สปท.โดย กมธ. ทำหน้าที่เป็นตัวกลาง ลงไปเชื่อม กระชับให้เร็วขึ้น เอาหน่วยงานรัฐและหน่วยงานในต่างประเทศ มาคุยกันว่า จะกระชับความร่วมมืออย่างไร ที่ผ่านมาคุยกับกูเกิลแล้ว และได้รับการตอบสนองในทิศทางที่ดีขึ้น โดยสื่อสังคมออนไลน์ต่อมาที่ประชาชนคนไทยใช้มากอันดับต่อๆ มา คือ เฟซบุ๊ก กับไลน์ ก็คงต้องเชิญมาคุยและขอความร่วมมือในลักษณะเดียวกัน
เขากล่าวว่า กรณีมีข้อมูลข่าวสารที่ผิดกฎหมาย กระทบบุคคลอื่น กระทบประเทศชาติ เราอยู่บนพื้นฐานของสากล รัฐบาลโดยกระทรวงไอซีทีหรือตำรวจ ต้องร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งปิดกั้น จากนั้นจะส่งไปยังผู้ให้บริการ เพื่อดำเนินการปิดกั้นหรือถอดออก ก่อนหน้านี้ กูเกิลมีการตอบสนองไม่ถึง 10% หลังจากพูดคุยในเดือนที่ผ่านๆ มา พบว่า ความร่วมมือในการปิดกั้นหรือถอดมากขึ้นเป็น 30%
เมื่อผู้ดำเนินรายการถามว่า เรื่องแบบไหนที่กูเกิลตอบสนองหรือไม่ตอบสนอง เขาตอบว่า กรณีเป็นความผิดรัฐเดียว ถ้าเรื่องไหนกระทบความมั่นคง กระทบสถาบันหลัก จะต้องร้องขอเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งมองว่าจากเดิมที่ตอบสนองบ้าง หลังพูดคุยกูเกิลเข้าใจแล้วว่าสังคมไทยค่อนข้างจะซีเรียสกับเรื่องแบบนี้ ก็ตอบสนองดีขึ้น จากเดิมมี 100 คลิป ถอดไม่ถึง 10 คลิป ตอนนี้เริ่มเป็น 30 คลิปแล้ว และยังเร็วขึ้นอีก
เมื่อถามว่า การจะตอบสนองหรือไม่จะดูจากอะไร เขาตอบว่า ดูที่คำสั่งศาลและการร้องขอของฝ่ายไทยเป็นหลัก
กรณีที่จะพูดคุยกับผู้บริหารไลน์และเฟซบุ๊ก ผู้ดำเนินรายการถามว่า ไลน์เป็นกรุ๊ปปิดกึ่งส่วนตัว การขอความร่วมมือจะต่างกับเฟซบุ๊กที่เป็นกลุ่มเปิดหรือไม่ พล.ต.ต.พิสิษฐ์ ตอบว่า ใช้หลักการเดียวกัน เพียงแต่รายละเอียดอาจจะแล้วแต่ผู้ให้บริการแต่ละรายอย่างเช่น ไลน์ เป็นกลุ่มปิด แต่กลุ่มปิดที่มีคน 100 คน ก็ถือว่าเป็นสาธารณะ
เมื่อผู้ดำเนินรายการถามว่า กลุ่มขนาดไหนจึงนับเป็นสาธารณะ พล.ต.ต.พิสิษฐ์ ตอบว่า เริ่มจาก 2 คนขึ้นไป โดยอธิบายว่า เมื่อมี 2 คนขึ้นไป แต่ละคนอาจจะมีกลุ่มของเขาอีก ไปต่อคนอื่นๆ ได้อีกเรื่อยๆ
"เมื่อไหร่ถ้าเป็นเรื่องของคนระหว่างคนสองคนก็อาจจะเป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคล แต่เมื่อไหร่ ในกลุ่มคุณมี 2 มี 3 มันไปต่อได้แน่นอน" พล.ต.ต.พิสิษฐ์ กล่าว
เมื่อผู้ดำเนินรายการถามว่า คิดว่าไลน์จะยอมหรือไม่ เพราะจุดขาย-จุดแข็งคือเรื่องความเป็นพื้นที่ส่วนตัว พล.ต.ต.พิสิษฐ์ กล่าวว่า เขาจะยอมหรือไม่อยู่ที่ดุลพินิจของเขา แต่เราก็จะมีอำนาจการต่อรองที่จะไปคุยกับเขา
"แย้มนิดๆ แล้วกัน คือคุณจะเห็นนะฮะ ในไลน์ ในเฟซบุ๊ก มันมีการโฆษณา การโฆษณาเขาสามารถโฟกัสได้ว่าอันนี้คลิปนี้จะโฆษณาในประเทศไทย และสามารถระบุกลุ่มอาชีพ กลุ่มอายุได้ อันนี้เราจะใช้มาตรการทางภาษีคุยกับเขา"
เมื่อผู้ดำเนินรายการถามว่า เป็นการไปเก็บภาษีจากโฆษณาในไลน์ใช่หรือไม่ เขาตอบว่า ถูกต้อง
"นี่เป็นแนวคิดนะครับ การโฆษณาในไลน์ กูเกิล หรือเฟซบุ๊ก ผู้จ้างโฆษณาที่อยู่ในประเทศไทย จ้างตรงไปที่บริษัทแม่ที่อยู่ในต่างประเทศ ชำระเงินตรง รัฐไทยขาดภาษีตรงนี้ปีหนึ่งหลายพันล้านนะครับ เรากำลังพิจารณาว่าทำอย่างไรตรงนี้ที่สูญหายไปจะกลับเข้ามาในระบบภาษีของไทย เพื่อเอาเงินมาพัฒนาประเทศ" พล.ต.ต.พิสิษฐ์กล่าว
เมื่อถามว่า สมมติว่าถ้าเขาให้ความร่วมมือเราจะไม่เก็บภาษีหรือ พล.ต.ต.พิสิษฐ์ ตอบว่า เก็บ แต่จัดให้เป็นระบบขึ้น
เขากล่าวต่อว่า เชื่อว่าการคุยกันไม่ว่าเรื่องรัฐบาลต่อรัฐบาล อยู่ที่ผลประโยชน์ของชาติแต่ละชาติ เพราะฉะนั้นในการไปคุยไปขอร้อง ก็ต้องมีมาตรการที่จะไปคุย ต้องมีอำนาจต่อรอง ซึ่งกำลังคิดหลายๆ รูปแบบว่าทำอย่างไรให้การพูดคุยมีประสิทธิภาพ
เมื่อผู้ดำเนินรายการถามว่า จะเสนอรัฐบาลรื้อฟื้นติดตั้งระบบซิงเกิลเกตเวย์หรือไม่ เขาตอบว่า ไม่ถึงขนาดนั้น หลักการของ สปท.การกำกับดูแลการใช้สื่อออนไลน์ ต้องคู่ขนานไปกับสิทธิเสรีภาพพื้นฐานของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ ถ้าจะมุ่งเน้นเรื่องการกำกับโดยไม่คำนึงถึงสิทธิเสรีภาพ ก็ทำไม่ได้ เพราะขัดกับรัฐธรรมนูญ คงต้องใช้วิธีผลักดันเรื่องความร่วมมือ ใช้เครื่องมือต่างๆ ของรัฐที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์
เมื่อผู้ดำเนินรายการถามว่า สปท.จะเซ็นเซอร์ข้อความตามคำสั่งศาลเท่านั้น เขาตอบว่า ถูกต้อง
ผู้ดำเนินรายการถามว่า จะไม่ขอสิทธิพิเศษจากไลน์และเฟซบุ๊ก ในการเข้าไปเซ็นเซอร์ เข้าไปตรวจสอบตั้งแต่ต้นทางใช่หรือไม่ เขาตอบว่า " สิทธิในการทำแบบนั้น ผมเชื่อว่าเขาก็ไม่ยอมเหมือนกัน"
เรื่องที่เกี่ยวข้อง:
'ไลน์' แถลงจุดยืน รักษาข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้
ไทยขอ 'กูเกิล' ลัดขั้นตอน เซ็นเซอร์เนื้อหา ไม่ต้องรอคำสั่งศาล
...
มีคนฝากเตือนผู้ใช้ "ไลน์"
ฝากเตือนไว้เลย ไลน์ประเทศไทยไม่ได้ปลอดภัยอย่างที่คิด ศึกษากันเอาเองแล้วกันว่า ทีมบริหารไลน์ไทยฝักใฝ่การเมืองฝ่ายใด
ความเห็นอื่น ๆต่อข่าว...
ถ้ามึงยอมลูกค้ามึงก็หายค่อนประเทศละครับ แม้แต่สลิ่มที่ปากดีเชียร์ๆ ไอ้พวกนี้อยู่แม่งก็หนีเหมือนกันแหละ...
ไลน์อันตรายตรงที่ พิมพ์อะไรไป แก้ไขหรือลบไม่ได้ เผลอส่งรูปผิด หรือส่งผิดคน แม่ม เป็นประเด็นเลย
บริษัทพวกนี้ ไม่ตามใจรัฐบาลหรอกครับ เพราะถ้าทำ บริษัทพวกนี้จะหมดความหน้าเชื่อถือ และหมดทางทำมาหากินดลยนะครับ รัฐบาลก็ทำอะไรไม่คิดอะ ถ้าขอในเชิงลับไม่ดีกว่าเรอะ
บริษัทพวกนี้ ไม่ตามใจรัฐบาลหรอกครับ เพราะถ้าทำ บริษัทพวกนี้จะหมดความหน้าเชื่อถือ และหมดทางทำมาหากินดลยนะครับ รัฐบาลก็ทำอะไรไม่คิดอะ ถ้าขอในเชิงลับไม่ดีกว่าเรอะ
พวกคุณกำลังทำอะไรกันครับ
อยากเป็นใหญ่เป็นโตเป็นผู้นำ
ก็จงทำตัวเป็นผู้ใหญ่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทร
ไม่ใช่ทำตัวเป็นเด็กแว๊นเป็นกุ๊ยอันธพาล
พ.ศ.2559แล้วนะไม่ใช่พ.ศ.2499
แก่ใกล้เข้าโลงกันแล้วอย่าให้เด็กแช่งเลย
รัฐบาล..กลายเป็น..รัฐบ้า ไปซะแล้ว เชิญรับยาที่ช่องป๋า..
ตกลงมาเพื่อปฏิรูปหรือทำอะไร