"สุเทพ"งานเข้า อดีตพยานปากเอกยุบทรท.แฉถูกจ้างคนละ15ล.ให้อุปโลก
มติชนออนไลน์
วันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2553
ที่สำนักงานชมรมคนเสื้อแดงนครพนม 52 ในเขตเทศบาลเมืองนครพนม เมื่อวันที่ 25 มกราคม นพ.ประสงค์ บูรณ์พงศ์ อดีต ส.ส.นครพนม พรรคไทยรักไทย สมาชิกบ้านเลขที่ 111 พร้อมด้วย นายสุขสันต์ ชัยเทศ อดีตผู้สมัคร ส.ส. นครพนม พรรคประชาธิปัตย์ พยานปากสำคัญในคดียุบพรรคไทยรักไทย หอบเอกสารสำคัญ สำเนาภาพข่าว รวมถึงสลิปการโอนเงินผ่านธนาคาร ออกมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
อดีตผู้สมัคร ส.ส. นครพนม พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในวันนี้ตนได้เลือกนครพนม บ้านเกิดเป็นที่แฉข้อมูลหลักฐาน กรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ว่าจ้างให้สร้างเรื่อง เป็นพยานสำคัญในคดียุคพรรคไทยรักไทย หลังจากเคยแถลงข่าวมาก่อนแล้ว วันนี้ต้องการโชว์หลักฐานเส้นทางที่มาของเงินจากบัญชีต่างๆ ที่ได้รับจาก นายสุเทพ เนื่องจากเป็นคนมีความจำสั้น ต้องการที่จะเตือนความจำ ซึ่งเคยได้ตกลงว่าจ้างตน และ นายชวการ โตสวัสดิ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พัฒนาชาติไทย เป็นเงิน จำนวน คนละ 15 ล้านบาท และช่วยเหลือกรณีตนถูกดำเนินคดีทางการเมืองในข้อหา แก้ไขปลอมแปลงเอกสาร ในช่วงที่ตนมาก่อตั้งพรรค พัฒนาชาติไทย เมื่อปี 2549 แต่กลับมาผิดสัญญาภายหลังที่ ประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล
ส่วนที่ไปที่มาสาเหตุที่ตนยอมไปเป็นพยานสร้างเรื่อง จนกระทั่งพรรคไทยรักไทยถูกยุบพรรค เริ่มจากปี 2546 ตนได้ลาออกจาก พรรคประชาธิปัตย์ มาก่อตั้ง พรรคพัฒนาชาติไทย มีนายบุญทวีศักดิ์ อมรสินธุ์ เป็นหัวหน้าพรรค จนกระทั่งปี 2549 พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทย และพรรคมหาชน ได้วอล์คเอาท์ ไม่ส่งผู้สมัครลงแข่งกับ พรรคไทยรักไทย ในพื้นที่ภาคใต้ จึงมองว่าหากพรรค พัฒนาชาติไทย ส่ง ส.ส.ลงแข่ง คงจะได้แน่นอน แต่ผู้สมัคร ส.ส.กับขาดคุณสมบัติ สังกัดพรรคไม่ครบ 90 วัน จึงใช้วิธีการหาทางแก้ไขปลอมแปลงทะเบียนสมาชิกพรรคการเมืองจาก กกต. ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ รู้ข้อมูลจึงนำไปดำเนินคดี ฟ้องศาลฎีกา ตนจึงเกรงว่า จะติดคุก จึงหาทางออกด้วยการไปพบกับ นายสุเทพ จึงได้ร่วมกันหาวิธีล้มพรรคไทยรักไทย ด้วยการอุปโลก สร้างเรื่อง ถูกว่าจ้างจากพรรคไทยรักไทย ให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง เพื่อหนีเกณฑ์ 20 เปอร์เซ็นต์ ในกรณีที่พรรคไทยรักไทย ไม่มีคู่แข่ง ในการลงสมัครเลือกตั้ง พร้อมเสนอเงินค่าจ้างให้ คนละ 15 ล้านบาท พร้อมตำแหน่งเลขารัฐมนตรี หากประชาธิปัตย์ ได้เป็นรัฐบาล และจะดูแลเรื่องความปลอดภัยให้ รวมถึงเคลียร์ปัญหาเรื่องถูกแจ้งความดำเนินคดี ตนจึงตัดสินใจเพื่อความอยู่รอด ร่วมกับ นายชวการ ร่วมเป็นพยานปากสำคัญในคดียุบพรรคไทยรักไทย
นายสุขสันต์ กล่าวอีกว่า แต่หลังจากงานสำเร็จตามเงื่อนไขแล้ว นายสุเทพ กลับไม่ทำตามเงื่อนไข ตนจึงมีความจำเป็นต้องออกมาเคลื่อนไหวสารภาพบาป เพื่อความปลอดภัย เพราะไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น มีทางเดียวต้องอาศัย ผู้ใหญ่จากพรรคเพื่อไทย ด้วยการมาสารภาพผิดกับ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตกรรมการพรรค ซึ่งทุกคนพร้อมให้อภัย ด้วยการนำหลักฐานเอกสารข้อเท็จจริง ประกอบด้วย สลิปการรับเงินจาก นายสุเทพ ที่ได้มาประมาณ 5.8 ล้านบาท รวมถึงลายมือเขียนของนายสุเทพ ที่เขียนเบอร์โทรศัพท์มือถือส่วนตัว ไว้ให้ติดต่อ ซึ่งตนเคยไปพักที่บ้าน นายสุเทพ ที่ภาคใต้ หลายเดือน
"ขอยืนยันว่า ทั้งหมดเป็นเรื่องจริง ที่เป็นเรื่องเลวร้ายทางการเมือง มาถึงวันนี้อยากให้ประชาชนได้รับทราบ ว่าประชาธิปัตย์ ใช้วิชามาร ได้มาเป็นรัฐบาล ที่สำคัญในการออกมาเคลื่อนไหว ยืนยันว่า ไม่มีผู้ใหญ่พรรคเพื่อไทย หรือประชาธิปัตย์ คนอื่นไม่เกี่ยวข้อง แต่การออกมาแฉ เพราะไม่พอใจ นายสุเทพ ที่ไม่มีสัจจะ เชื่อไม่ได้ ถึงแม้วันข้างหน้าตนจะตายไปก็ถือว่าได้ไถ่บาปแล้ว เพราะขณะนี้ตนถูกชายฉกรรจ์ขับรถตู้ตามหัวตัวอยู่ จนต้องสวมเสื้อเกราะตลอดเวลา แต่ไม่เป็นไรได้มอบเอกสารสำคัญให้กับผู้ใหญ่หลายคน ได้รับทราบดำเนินการต่อไป และขอย้ำว่า มีหลักฐานอีกมากมาย หากนายสุเทพออกมาโต้ พร้อมขอเชิญชวนให้ พยานปากเอก มีชื่อ ช. นำหน้า ออกมาร่วมกันแฉพฤติกรรม ไม่ต้องไปหลบหนีอยู่ภาคใต้ อีกต่อไปมันถึงเวลาที่จะพูดความจริงไปแล้ว
...
พยานยุบทรท.โผล่ แฉอีกรอบ สุเทพจ้าง15ล้าน