วันพุธ, กันยายน 03, 2557

ลัทธิปอบกลืนกินประชาธิปไตยจุดสุดท้ายจะอวสานอย่างไร?


ที่มา โลกวันนี้
คอลัมน์ : กรีดกระบี่บนสายธาร
ผู้เขียน : เรืองยศ จันทรคีรี

แรงดลใจที่ทำให้เขียนคอลัมน์ชิ้นนี้ขึ้นมา เกิดจากการได้ทราบข่าวสารที่ว่า มีเด็กหญิงวัย 12 ขวบชื่อ “น้องเขียว” อาศัยอยู่เพียงลำพังมานานแรมปี พ่อและแม่ได้ทิ้งเธอไปตั้งแต่เด็กๆ เพราะถูกขับไล่ออกจากหมู่บ้านด้วยข้อกล่าวหาว่าเป็น “ผีปอบ” ทำให้ “น้องเขียว” ต้องทำมาหากินเลี้ยงตัวเองด้วยลำแข้งพร้อมกับเรียนหนังสือ บ้านที่อาศัยเป็นเพียงเพิงไม้เล็กๆตรงข้ามโรงเรียนนั่นเอง

ผมเคยแลกเปลี่ยนเสวนากับสมาชิกของชมรมรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) พิษณุโลก ซึ่งให้แง่คิดเกี่ยวกับเรื่อง “ลัทธิผีปอบทางการเมือง” จากแนวคิดตรงนี้ประกอบกับอ่านบทรายงานที่นำไปขยายผลต่อของ น.ส.นิรัญ ดอนสุวรรณ ที่ตั้งชื่อว่า “ลัทธิปอบที่กลืนกินประชาธิปไตยของประเทศไทย”

คนโบราณเชื่อกันว่าผีปอบไม่มีตัวตนแท้จริง ไม่เหมือนพวกผีกระสือหรือผีกระหัง ด้วยสาเหตุเช่นนี้จึงทำให้ผีปอบต้องหาร่างเข้าสิงสู่ น.ส.นิรัญได้เปรียบเทียบว่า นั่นคือผีปอบตามความเชื่อโบราณว่าเป็นอย่างนั้น

เมื่อพิจารณากับลักษณะปอบในทางรัฐศาสตร์ จึงเป็นอำนาจที่ไม่มีตัวตนชัดเจน จะบอกว่าเป็นอำนาจแฝงหรืออำนาจซ่อนเร้นก็ได้ บางครั้งซ่อนเร้นอยู่ในระบบรัฐสภาสลับกับซ่อนเร้นอยู่ในอำนาจรัฐประหาร

การเข้าสิงของผีปอบนั้น โบราณเชื่อว่ามีทั้งสิงแบบครึ่งตัวและแบบเต็มตัว ถ้าสิงแบบครึ่งตัวแสดงว่าผู้ถูกสิงยังมีสติรู้ตัวอยู่ ถ้าสิงแบบเต็มตัวคือไม่มีสติรู้ตัวเลย ดังนั้น เมื่อพิจารณาปอบทางรัฐศาสตร์ในประเทศไทยขึ้นอยู่กับว่าจะสิงแบบไหน ถ้าสิงแบบเต็มตัวก็เป็นเผด็จการเบ็ดเสร็จ หากสิงแบบครึ่งตัวจะเป็นครึ่งเผด็จการครึ่งประชาธิปไตย หรือเป็นเผด็จการครึ่งใบนั่นเอง!

แต่ปอบก็ไม่ใช่ว่าจะเข้าสิงใครง่ายๆ คนที่จะถูกปอบสิงได้จะต้องเป็นผู้มีจิตใจนับถือเรื่องภูตผีปิศาจมาก่อน คือมีความศรัทธาในเรื่องของวิญญาณผีร้าย ยามมีความทุกข์เมื่อไรก็นึกถึงแต่ผี หรือเป็นบุคคลที่กระทำกรรมเก่าเอาไว้ โดยมีวิบากกรรมที่กระทำอย่างเหี้ยมโหดอำมหิต บุคคลจำพวกนี้จึงมีโอกาสที่จะถูกปอบเข้าสิงได้ง่ายๆ

การเปรียบเทียบตรงนี้สรุปว่า ผีปอบไม่ใช่ผีธรรมดา แต่เป็นผีสายยักษ์ เป็นสมุนบริวารของท้าวเวสสุวัณ นายแห่งผีทั้งหลาย

ถ้าเปรียบเทียบในทางการเมืองแล้ว อาการล้มลุกคลุกคลานของประชาธิปไตยไทยที่เป็นเช่นนี้มายาวนาน ไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริงเสียที เป็นเพราะประเทศไทยน่าจะมีผีปอบแห่งอำนาจ ผีปอบประเภทนี้มีอาหารอยู่เพียงอย่างเดียวคือ ต้องกลืนกินระบอบประชาธิปไตยให้หมดสิ้น จึงไม่แปลกที่ประชาธิปไตยของไทยเต็มไปด้วยปัญหา และอยู่ในสภาวะหนอนบ่อนไส้ตลอดเวลา

เมื่อ 10 ปีที่ผ่านมานั้น สังคมที่เชื่อถือและศรัทธาลัทธิผีได้มีประชามติของสังคมทำการขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ออกไปจากประเทศไทย แม้ พ.ต.ท.ทักษิณจะพ้นจากอำนาจแล้ว ความเชื่อของกลุ่มผีปอบทางรัฐศาสตร์ก็ยังมีอยู่ จนกระทั่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลายเป็นผีปอบรายต่อมา

และวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ของประเทศไทย อาจมีแนวโน้มเป็นไปได้ว่ากลุ่มผีปอบทางอำนาจจะยังไม่หยุดอาละวาด คงจะมีการเขมือบกินประชาธิปไตยต่อไป เพราะมีนักการเมืองบางคนออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ถ้าประเทศไทยยังไม่มีความเข้าใจประชาธิปไตยที่แท้จริง การเลือกตั้งก็จะยังวุ่นวายอยู่

ข้อนี้คงจะจริงภายใต้ข้อสังเกตที่ว่า โดยข้อเท็จจริงแล้วปัญหาประชาธิปไตยในประเทศไทยที่สำคัญมากและเป็นเรื่องที่ต้องอธิบายให้ประชาชนเข้าใจอย่างจริงจังน่าจะมี 2 เรื่องคือ ความหมายว่าประชาธิปไตยคืออะไร? กับต้องอธิบายให้ประชาชนเข้าใจว่าระบบยุติธรรมและความยุติธรรมคืออะไร?

อย่างไรก็ตาม เมื่อสถานการณ์มาถึงขณะนี้ การปฏิรูปประเทศไทยได้เริ่มคิกออฟแล้ว และส่อแววได้เหมือนกันว่าการปฏิรูปอาจจะไม่ประสบความสำเร็จ

เหตุที่ไม่ประสบความสำเร็จมีหลายเหตุผล ตั้งแต่การปฏิเสธจากกลไกในการปฏิรูปเอง อีกประการหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้คือ สืบเนื่องจากลัทธิผีปอบทางอำนาจ เพราะลัทธิผีปอบต้องเขมือบกินประชาธิปไตย หากบ้านเมืองจะเป็นประชาธิปไตยก็ต้องสกัดยับยั้งการเข้าสิงสู่ของผีปอบไม่ให้กลืนกินประชาธิปไตย เพราะพวกผีปอบต้องสกัดกั้นไม่ให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยให้ได้

เรื่องนี้ลึกซึ้งมาก จนทำให้ต้องตั้งคำถามว่าแล้วจุดศูนย์กลางของผีปอบอยู่ที่ไหน ตราบใดถ้าหากเข้าหาศูนย์กลางของลัทธิผีปอบไม่ได้ คือไม่รู้ว่าใครที่เป็นท้าวเวสสุวัณ เป็นผู้บังคับบัญชาของผีปอบ ลัทธิผีปอบก็จะอาละวาดต่อไปไม่หยุดยั้ง ซึ่งไม่รู้ว่าในปี 2558-2559 จะมีใครอีกกี่คนที่จะถูกผีปอบเข้าสิงจนไม่อาจอยู่อาศัยได้จนต้องอำลาไปจากอำนาจที่ครอบครอง

ไม่ว่าจะเป็นลัทธิประชาธิปไตยหรือลัทธิอะไรก็ตาม ไม่อาจจะทำตัวเหนือกว่าลัทธิผีปอบได้

ในการแก้ไขป้องกันไม่ให้ผีปอบเข้าสิง คนโบราณเชื่อว่าจะต้องยึดถือในพระรัตนตรัยทั้ง 3 ประการคือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ เมื่อจับทฤษฎีผีปอบมาอธิบายในวิชารัฐศาสตร์และอำนาจได้ จึงมีเพียงทางเดียวเท่านั้นที่จะไม่ให้ผีปอบทางอำนาจเข้าสิง ไม่ให้กลืนกินประชาธิปไตยเป็นอาหาร คือคนในสังคมจะต้องยึดถืออำนาจประชาธิปไตย หรือทำให้มีการถ่วงดุลใน 3 อำนาจ ได้แก่ อำนาจบริหาร อำนาจตุลาการ และอำนาจนิติบัญญัติ

หากขาดซึ่งการยึดถือใน 3 อำนาจแล้ว โอกาสที่จะเป็นลัทธิผีปอบเข้าสิงก็เป็นไปได้ง่ายมาก

ดังสภาพประเทศไทยปัจจุบัน มีอำนาจที่ถือกันเกิน 3 อย่างแล้ว เมื่อไม่ได้ยึดถืออำนาจทั้ง 3 อย่างที่กล่าวมา เปรียบเทียบเหมือนไม่ได้ยึดถืออำนาจพระรัตนตรัยทั้ง 3 ประการ ฉันใดก็ฉันนั้น ระบอบการปกครองและวิธีใช้อำนาจปัจจุบันจึงอยู่ในช่วงที่ถูกผีปอบเข้าสิง

ถ้าหากปล่อยให้ระบอบอำนาจยังเป็นอย่างนี้ต่อไป ก็คงไม่อาจแก้ไขปัญหาผีปอบเข้าสิงในทางรัฐศาสตร์ได้ แต่ในที่นี้ใครเป็นผีปอบหรือใครเป็นร่างที่ถูกเข้าสิงต้องไปพิจารณากันเอง

ถ้าหากร่างที่ถูกสิงเปลี่ยนจากการนับถือศรัทธาในผีปอบเป็นยึดถือพระรัตนตรัยทั้ง 3 วิญญาณร้ายของผีปอบก็จะออกไปจากเรือนร่างโดยอัตโนมัติ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ยังขึ้นอยู่กับนายของผีปอบคือท้าวเวสสุวัณที่เป็นผู้ปกครองผีปอบอีกทีว่าจะคิดอ่านอย่างไร

ได้แต่หวังว่าการเข้าสิงรอบนี้ของผีปอบทางรัฐศาสตร์จะไม่กลืนกินประชาธิปไตยไปจนหมดสิ้น คงขอภาวนาให้ร่างที่ถูกสิงเลิกนับถือในลัทธิผีปอบ และกลับมานับถือพระรัตนตรัยทั้ง 3 โดยเร็ว ผมขอภาวนาเช่นนั้น!