'ไทม์ส' อัดตำรวจไทย สืบสวนสะเปะสะปะคดีฆ่าชาวอังกฤษ
ที่มา ไทยรัฐออนไลน์
24 ก.ย. 2557'ไทม์ส' นิตยสารชื่อดังของสหรัฐอเมริกา เผยแพร่บทความเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ 2 คนที่เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ชี้เป็นเส้นแบ่งระหว่างภาพลักษณ์ที่สวยงามของประเทศไทย และมุมมืดของความรุนแรงและกระบวนการยุติธรรมที่สะเปะสะปะ
ไทม์ส ระบุว่า การฆาตกรรม น.ส. ฮานนาห์ วิทเธอร์ริดจ์ อายุ 23 ปี และนายเดวิด มิลเลอร์ อายุ 24 ปี ที่เกาะเต่า เป็นที่จับตาไปทั่วโลก โดยพนักงานทำความสะอาดคนหนึ่งพบศพของชาวอังกฤษทั้งสองในสภาพเปลือยเปล่า อยู่ห่างกันราว 20 ม. นอกจากนี้ ยังพบจอบเปื้อนเลือดซึ่งได้รับการยืนยันในภายหลังว่า เป็นอาวุธที่ใช้สังหาร รวมทั้งกระบองไม้อยู่ไม่ไกลจากจุดที่พบศพ
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (22 ก.ย.) พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธ์ุม่วง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เผยต่อผู้สื่อข่าวว่า การพบอาวุธทั้งสองชิ้นทำให้พวกเขาเชื่อว่า คนร้ายมีอย่างน้อย 2 คน ขณะที่ข้อมูลจากแผนกนิติเวชศาสตร์ ระบุว่า น.ส.วิทเธอร์ริดจ์ เสียชีวิตจากบาดแผลหลายแห่ง บริเวณศีรษะ ขณะที่นายมิลเลอร์ เสียชีวิตจากการจมน้ำ และถึงแม้ว่า จะมีร่องรอยของการร่วมเพศ แต่เจ้าหน้าที่สืบสวนก็ไม่ยืนยันว่า น.ส.วิทเธอร์ริดจ์ ถูกข่มขืนหรือไม่
ในเบื้องต้นตำรวจไทยมุ่งเป้ากล่าวหา ไปที่แรงงานต่างด้าวชาวพม่า ซึ่งนาย พอล กวาเกลีย นักวิเคราะห์ความเสี่ยงในไทยชี้ ความว่า เป็นเป้าหมายที่ตำรวจชื่นชอบ ขณะที่ตำรวจระดับสูงคนหนึ่งระบุว่า คนไทยไม่ก่อคดีแบบนี้ และเจ้าหน้าที่ ก็เริ่มเหวี่ยงแหจับแรงงานชาวพม่า มาสอบปากคำและตรวจสอบดีเอ็นเอ และไม่นานหลังจากนั้น ก็มีการประกาศเพิ่มความเข้มงวดของกฎการจ้างแรงงานต่างด้าวบนเกาะเต่า เร็วจนน่าประหลาดใจ
แต่กระนั้น เมื่อไม่พบหลักฐานเชื่อมโยงการฆาตกรรมกับชาวพม่าคนใด เป้าหมายจึงย้ายไปที่ชาวต่างชาติ หรือก็คือชาวตะวันตก ที่เป็นเพื่อนของผู้เคราะห์ร้ายนั่นเอง และมุ่งความสนใจไปที่ คริสโตเฟอร์ อลัน แวร์ นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ผู้นอนห้องเดียวกับนายมิลเลอร์ โดยตำรวจแย้มว่า คดีนี้อาจเกิดจากความหึงหวง ซึ่งต่อมานายแวร์ ถูกจับกุมที่สนามบินในกรุงเทพมหานคร พร้อมกับเจมส์ ผู้เป็นน้องชาย อย่างไรก็ตาม เรื่องกลับกลายเป็นว่า ทั้งสองคนออกจากเกาะเต่า ในคืนก่อนเกิดเหตุ จึงไม่ตกเป็นผู้ต้องสงสัย และผลการตรวจดีเอ็นเอ บนบุหรี่ที่พบในที่เกิดเหตุก็ไม่ตรงกันด้วย
ผู้ต้องสงสัยรายถัดไปกลายเป็นชายชาวไทย 2 คน ที่นายฌอน แมคอันนา ชาวสกอตแลนด์ อายุ 25 ปี เพื่อนของนายมิลเลอร์ อ้างว่า ลวนลาม น.ส.วิทเธอร์ริดจ์ ในคืนก่อนที่เธอจะถูกสังหาร ก่อนที่นายมิลเลอร์จะเข้าไปช่วย โดยแมคอันนา ซึ่งมีชื่อเสียงบนเกาะเต่าในฐานะ 'กีตาร์แมน' ถ่ายรูปชายไทยสองคนนี้เอาไว้ และโพสต์ลงบนอินเทอร์เน็ต ทำให้หลังจากนั้นเขาได้รับคำขู่ฆ่ามากมาย และต้องหลบหนีเพราะกลัวถูกเอาชีวิต อย่างไรก็ตาม ต่อมาตำรวจไทยเผยว่า ได้เชิญตัวคนไทยสองคนนี้มาสอบปากคำแล้ว ก่อนปล่อยตัวไปหลังทั้งคู่ไม่ยอมให้เก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ
นายกวาเกลีย บอกต่อนิตยสารไทม์ส ว่า ปัญหาทั้งหมดเกิดจากสิ่งที่ทำให้ไขว้เขว ตำรวจไทยไม่เพียงได้รับความสนใจจากสื่อในประเทศเท่านั้น แต่รวมถึงสื่อต่างประเทศ และยังถูกกดดันจากการต้องออกแถลงการณ์เกี่ยวกับความคืบหน้าของคดีด้วย
...
http://time.com/3420299/thailand-koh-tao-murder-hannah-witheridge-david-miller/
...
ก่อนหน้านั้น สื่อยักษ์ใหญ่จากอังกฤษ 'เดอะ เทเลกราฟ' สัมภาษณ์ นักท่องเที่ยวที่ถูกข่มขู่จะเอาชีวิตในไทย เขาเล่าถึงความพยายามจะป้ายผิดคดีฆ่านักท่องเที่ยวอังกฤษให้เขา
Sean McAnna, who knew the murdered British backpacker David Miller, says he was forced to flee the Thai island of Koh Tao after being threatened by local gangsters
https://www.youtube.com/watch?v=tq-RcWaHtJ8
By Telegraph Video, video produced by Tom Phillips and Geraldine Cooper
1:11PM BST 22 Sep 2014
Sean McAnna, 25, who is from Shotts near Glasgow, says he was approached by a group of Thai men in a bar on Sairee beach in the early hours of Monday morning.
"Three of them sat me down and started asking me questions, and I was a bit drunk so I was answering them," he told the Telegraph.
According to Mr McAnna, the conversation then took a sinister turn, as the men accused him of murdering fellow British tourists David Miller and Hannah Witheridge, telling him, "you're going to hang yourself tonight - we're going to watch you hang".
He said that he believed the men wanted to use him as a "scapegoat" for the murders.
Mr McAnna ran away and took refuge in a nearby supermarket, which he was only able to leave once police arrived.
Two Thai men were questioned about the incident but they were not arrested. The police chief said he would guarantee the Briton's security while he remained on Koh Tao.
"I need to get off this island," he said in an emotional interview before boarding a ferry to leave Koh Tao.
"I genuinely thought that was the day I was going to die. I genuinely thought that this was me dead. That I was gone."
"I phoned my mum, I phoned my sister. I told her I loved her and that I would try and make it home. I said that if this was going to be the last conversation that we had then it was a really sad one to have but she's been great and I love her."