ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
updated: 13 ก.ย. 2557 เวลา 17:29:08 น.
หลัง "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ประเดิมการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อย่างไม่เป็นทางการนัดแรก พร้อมควงรัฐมนตรีอีก 32 ชีวิต เดินทางเข้าถวายสักการะสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปฺญโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เพื่อความเป็นสิริมงคล เนื่องในโอกาสเข้ามาทำงานบริหารประเทศ
ตามด้วย "พล.อ.ประยุทธ์" โชว์ฟอร์มผู้นำสูงสุด นำ ครม.แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา
ภาพฉากต่อไปอำนาจการบริหารประเทศแบบเต็มรูปแบบก็จะอยู่ในมือของ ครม.ทั้ง 32 ชีวิต จับมือกันฝ่าฟันคลื่นลมเศรษฐกิจ ขับเคลื่อนการปฏิรูปการเมือง สังคม ปราบปรามทุจริต ผลักดันให้เป็นวาระแห่งชาติ ขณะที่อำนาจในมือ คสช. ก็จะถูกลดบทบาทและความเบ็ดเสร็จ เปลี่ยนหน้าที่เป็น "แบ็กอัพ" ให้กับรัฐบาลในด้านความมั่นคง
แม้ในบรรทัดสุดท้ายทั้ง 2 ตำแหน่ง "หัวหน้า คสช." และ "หัวหน้ารัฐบาล" จะเป็นคนเดียวกัน ซึ่งด้านหนึ่ง "พล.อ.ประยุทธ์" ทำหน้าที่เป็นประมุขฝ่ายบริหาร กำหนดทิศทางประเทศตามรูปแบบบริหารราชการแผ่นดินในภาวะปกติ อีกด้านหนึ่งก็ยังมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว มาตรา 44
เท่ากับว่าอำนาจในมือ "พล.อ.ประยุทธ์" ที่มีใน 2 หัวโขนยังทรงพลัง และยังเด็ดขาด เพราะในฐานะหัวหน้า คสช.ยังคงเรียกคนมารายงานตัวได้เช่นเดิม โดยใช้อำนาจตามกฎอัยการศึก และตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว มาตรา 44
"พล.อ.ประยุทธ์" จึงยังไม่ยกเลิกกฎอัยการศึก ตราบใดที่สถานการณ์การเมืองที่ยังคงเปราะบาง
"เรื่องกฎอัยการศึกอย่ากังวลกฎอัยการศึกนักเลย ผมพยายามที่จะทำให้ทุกสถานการณ์มันคลี่คลายได้โดยเร็ว ท่านก็ทราบดีว่ามันยังมีอะไรเกิดขึ้นในปัจจุบัน อาจจะมองไม่เห็น แต่พวกเรามองเห็น เพราะพวกเรามีคณะทำงาน มีคนติดตามสถานการณ์ มีการประเมินสถานการณ์ตลอด"
เพราะทันทีที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เปิดโฉมหน้า เป็น "ครม.ประยุทธ์ 1" และ คสช.เริ่มลดบทบาทเป็นพี่เลี้ยง กลุ่มต้าน คสช.ทั้งใต้ดิน-บนดิน รวมถึงโซเชียลมีเดียที่เซตตัวตั้งแต่หลังการรัฐประหาร 22 พ.ค. ก็เริ่มปรากฏตัว ปรากฏหน้าให้เห็นรอบทิศรอบทาง
คนเบื้องหน้า-เบื้องหลัง "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" ผู้เป็นโจทก์สำคัญของ คสช. ก็ออกมาเคลื่อนไหว เตรียมปลดแอกอำนาจ คสช. ทั้งใน-นอกประเทศ
ไล่ตั้งแต่ละครเบื้องหน้าอย่าง "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" อดีตนายกฯ ก็เริ่มปรากฏตัวตามช่องทางโซเชียลมีเดียถี่ขึ้น เช่น การโพสต์รูปพักผ่อนที่ตลาดน้ำอโยธยา ผิดแผกกับตอนที่ คสช.ยังคุมอำนาจเบ็ดเสร็จ เป็นเวลาร่วม 3 เดือนที่ "ยิ่งลักษณ์" ยังเก็บตัวเงียบ
ไม่ต่างจากเฟซบุ๊กพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย "พ.ต.ท.ทักษิณ" ก็เริ่มเคลื่อนไหวโยงมาถึงการเปิดตัว "ตาดูดาว เท้าติดดิน" ภาคการ์ตูนแอนิเมชั่นปรากฏลงเว็บไซต์ยูทูบ
เป็นผลผลิตจากทีมงานโซเชียลมีเดียของพานทองแท้ ที่อยู่เบื้องหลังแฟนเพจ Oak Panthongtae และทีมงาน Insidethaigov ของ "ยิ่งลักษณ์"
แกนนำคนเสื้อแดงที่ในวันยึดอำนาจถูกมัดมือ เอาถุงดำคลุมหัวกักตัวไว้ในค่ายทหาร เช่น จตุพร พรหมพันธุ์-ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ก็กลับคืนสู่หน้าจอทีวี พบปะแม่ยกเสื้อแดงอีกครั้งในช่อง Peace TV
ด้านแนวรบของพรรคเพื่อไทย อย่าง "สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล" อดีตรองนายกฯและ รมว.ต่างประเทศ-พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ รักษาการโฆษกพรรค ที่ขอเว้นวรรคไม่ยอมปริปากการเมืองช่วงก่อนหน้านี้ ก็เริ่มขยับตัวเคลื่อนไหวทางการเมืองให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อรายวัน วิจารณ์แก้ต่างแทน "ยิ่งลักษณ์" ทุกเรื่อง
เป็นความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมจากอดีต ส.ส.ที่เคลื่อนไหวแบบหมูไม่กลัวน้ำร้อนหลังการรัฐประหาร มักให้สัมภาษณ์สื่อบ่อยครั้ง เช่น ชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ-สมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี-อำนวย คลังผา อดีต ส.ส.ลพบุรี
ฟากความเคลื่อนไหวคนในเสื้อคลุมพรรคเพื่อไทยที่อยู่ต่างแดน อย่างองค์กรเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย ที่มี "จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ" อดีต รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นหัวหอก คู่กับ "สุนัย จุลพงศธร" อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ เชื่อมโยงไปถึงเครือข่าย นปช.หลบหลีกภัยการเมืองไปอยู่ต่างประเทศ ก็ออกมาโจมตีการรับตำแหน่งนายกฯคนที่ 29 ของ พล.อ.ประยุทธ์
มีการเคลื่อนไหวสำคัญ เช่น กลุ่มคนเสื้อแดงกว่า 30 คน เดินทางไปรวมตัวกันที่หน้ากระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น โดยได้ถือป้ายต่อต้านรัฐประหารและการบังคับใช้กฎอัยการศึก พร้อมกับยื่นหนังสือผ่านผู้แทนมหาวิทยาลัยสหประชาชาติในญี่ปุ่น
กลายเป็นความเคลื่อนไหวทั้งแผงขององคาพยพ "ชินวัตร" และเครือข่ายมวลชน ตั้งแต่ในอินสตาแกรมของ "แพทองธาร ชินวัตร" เคยโพสต์รูปผู้พ่อกำลังชี้"พ.ต.ท.ทักษิณ" คู่กับคำว่า "wait" ที่แปลว่า "รอ" และบรรยายใต้ภาพ "I′m in no rush" มีนัยว่า "ไม่รีบ" แต่บัดนี้เขาเหล่านั้นอยู่ในโหมด Ready แปลว่า"พร้อมแล้ว"
จากนี้ไปจะเข้าสู่สงครามใต้ดิน-บนดิน และโลกออนไลน์เต็มรูปแบบในสถานการณ์การเมืองที่ยังเปราะบาง และความเสี่ยงที่ "พล.อ.ประยุทธ์" ต้องเผชิญ แม้นายใหญ่-คนแดนไกลจะส่งสัญญาณสงบศึกก็ตาม